
ตั้งแต่เด็ก
ๆ แล้ว สมัยหัดเรียน หัดเขียน กอ ขอ ก กา เรียนมาถึงตัว ย ยักษ์เขี้ยวใหญ่ทีไร
ก็นึกฉงนสนเท่ห์ว่า ทำไมยักษ์ดูน่ากลัวเสียจริง พอโตมาหน่อยได้เรียนวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์
จึงได้รู้ว่ายักษ์มีทั้งยักษ์ร้าย และยักษ์ดี แต่ก็ยังได้ยินเสมอ ๆ
เวลาใครโกรธ เขาเรียกว่า ตีหน้ายักษ์ คนใจร้ายก็เรียกว่า คนใจยักษ์
ยักษ์มีหลายแบบ
นายรอบรู้ เลยอยากชวนกันไปตระเวนเยี่ยมยักษ์ ที่เห็นยืนอยู่ยามเฝ้าตามวัดต่าง
ๆ ในเขตกรุงรัตนโกสินทร์
ยักษ์ไม่ใช่ทั้งมนุษย์และเทวดา
แต่เป็นอมนุษย์ บางทีก็เรียกว่า อสูร หรือ รากษส ยักษ์จึงถูกมองว่าเป็นพวกใจร้าย
ใจดำ ความจริงยักษ์ดีก็มี อย่างเช่นท้าวกุเวร ผู้เป็นหัวหน้าของจตุโลกบาลผู้รักษาทิศทั้งสี่
ส่วนยักษ์ร้ายที่เรารู้จักกันดี ก็คือ ทศกัณฐ์

ประติมากรรมรูปยักษ์นั้นมีมานานแล้ว
แต่คงเพิ่งแพร่หลายอยู่ตามวัดวาอารามต่าง ๆ ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์
อาจเป็นเพราะอิทธิพลของบทพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ และภาพจิตรกรรมฝาผนังในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ที่เมื่อคนต่างจังหวัดในสมัยนั้นเดินทางเข้ามากราบไหว้พระแก้วมรกต
ได้เห็นยักษ์ยืนเฝ้าพระอารามอยู่ จึงนำแบบอย่างนี้ไปใช้กับวัดในท้องถิ่นของตนบ้าง

ตามคติโบราณมักจะสร้าง
ทวารบาล เพื่อเฝ้ารักษาพระอารามให้ปราศจากอันตรายและการรบกวนของภูตผีปีศาจ
แม้กระทั่งประตูโบสถ์ วิหาร ก็มีทวารบาล เป็นรูปเทวดาแบบไทยบ้าง แบบจีนที่เรียกว่า
เซี่ยวกาง บ้าง มีเรื่องเล่าว่าในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่เมืองราชคฤห์
มียักษ์สองตนชื่อ สาตาเศียร กับ เหมวัติสิง มีถิ่นอาศัยอยู่ในกลุ่มภูเขาตอนเหนือของแม่น้ำคงคา
ได้นำบริวารยักษ์มาเข้าเฝ้าและสนทนาข้อปัญหาธรรมต่าง ๆ ในที่สุดเกิดศรัทธายอมนอบน้อมเป็นข้าช่วงใช้พระพุทธองค์
ดังนั้นจึงมีคติการสร้างรูปยักษ์เฝ้าวัด ทั้งนี้รูปปั้นยักษ์อาจหมายถึงท้าวกุเวร
ผู้เป็นหัวหน้าของยักษ์อีกด้วย
สำหรับยักษ์พวกแรกที่อยากให้ไปชมนั้น
อยู่ยามรายเรียงรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ยักษ์กลุ่มนี้ยืนหันหน้าเข้าหาพระอุโบสถ
เพื่ออารักขาพระแก้วมรกต ทั้งหมดเป็นยักษ์สำคัญจากเรื่องรามเกียรติ์
เรื่องราวของนนทุก ผู้กลับชาติมาเกิดเป็นทศกัณฐ์ ที่ต้องมาสู้กับพระราม
ซึ่งเป็นอวตารของพระนารายณ์
ทศกัณฐ์นั้นลักนางสีดามาจากพระราม
ซึ่งได้พลพรรคกระบี่วานร อย่าง สุครีพ หนุมาน องคต มาเป็นทหาร ทำการสร้างถนนข้ามทะเลไปตีกรุงลงกา
ทศกัณฐ์ก็ส่งญาติพี่น้อง ลูก หลาน เช่น ไมยราพ อินทรชิต กุมภกรรณ สหัสเดชะ
มาออกรบ แต่กระนั้นก็พ่ายแพ้
 การจะไปดูยักษ์ให้สนุก
รู้ว่าตนไหนเป็นตนไหน อย่างน้อยก็น่าจะได้รู้เรื่องราวในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์มาบ้าง
แต่ถ้าหลงลืมไป ก็ลองเดินชมภาพจิตรกรรมฝาผนังเสียสักรอบหนึ่งก่อน เพราะภาพจิตรกรรมฝีมือชั้นครูนี้
มีทั้งภาพพระ ภาพลิง ภาพยักษ์ รวมถึงภาพเหตุการณ์ต่างๆ จะได้ดูยักษ์สนุกขึ้น
นอกจากที่วัดพระแก้วแล้ว
ยังมียักษ์สัญลักษณ์ของวัดอรุณราชวราราม เรียกกันว่ายักษ์วัดแจ้ง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันมานานในฐานะเป็นยักษ์ไทยที่ชอบข้ามฟากไปตีกับยักษ์วัดโพธิ์
(วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม) อยู่เสมอ เล่ากันว่า คราวหนึ่งยักษ์วัดแจ้งกับยักษ์วัดโพธิ์ตีกันหนักถึงขนาดบ้านเมืองราพณาสูร
บริเวณนั้นจึงเรียกว่า ท่าเตียน มาแต่นั้น |