home
Contact Uscontact@sarakadee.com
สาระเพื่อนักเดินทาง และการท่องเที่ยว อย่างเข้าใจและรอบรู้
เที่ยวทั้วไทยกับ "นายรอบรู้" เดือนพฤศจิกายน

นายรอบรู้ชวนเที่ยว : ดูสนุก ดูที่ไหน
เยี่ยมยักษ์อยู่ยาม กลางกรุงรัตนโกสินทร์

มารโคโปโล ยักษ์ฝรั่ง ภาพเก่าแต่ครั้งกระโน้น

ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว สมัยหัดเรียน หัดเขียน กอ ขอ ก กา เรียนมาถึงตัว ย ยักษ์เขี้ยวใหญ่ทีไร ก็นึกฉงนสนเท่ห์ว่า ทำไมยักษ์ดูน่ากลัวเสียจริง พอโตมาหน่อยได้เรียนวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ จึงได้รู้ว่ายักษ์มีทั้งยักษ์ร้าย และยักษ์ดี แต่ก็ยังได้ยินเสมอ ๆ เวลาใครโกรธ เขาเรียกว่า ตีหน้ายักษ์ คนใจร้ายก็เรียกว่า คนใจยักษ์

ทศคิรีธรยักษ์มีหลายแบบ “นายรอบรู้” เลยอยากชวนกันไปตระเวนเยี่ยมยักษ์ ที่เห็นยืนอยู่ยามเฝ้าตามวัดต่าง ๆ ในเขตกรุงรัตนโกสินทร์

ยักษ์ไม่ใช่ทั้งมนุษย์และเทวดา แต่เป็นอมนุษย์ บางทีก็เรียกว่า อสูร หรือ รากษส ยักษ์จึงถูกมองว่าเป็นพวกใจร้าย ใจดำ ความจริงยักษ์ดีก็มี อย่างเช่นท้าวกุเวร ผู้เป็นหัวหน้าของจตุโลกบาลผู้รักษาทิศทั้งสี่ ส่วนยักษ์ร้ายที่เรารู้จักกันดี ก็คือ ทศกัณฐ์

ชาวต่างชาตินิยมถ่ายภาพ โดยใช้ยักษ์วัดแจ้งเป็นฉากหลัง

ประติมากรรมรูปยักษ์นั้นมีมานานแล้ว แต่คงเพิ่งแพร่หลายอยู่ตามวัดวาอารามต่าง ๆ ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ อาจเป็นเพราะอิทธิพลของบทพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ และภาพจิตรกรรมฝาผนังในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่เมื่อคนต่างจังหวัดในสมัยนั้นเดินทางเข้ามากราบไหว้พระแก้วมรกต ได้เห็นยักษ์ยืนเฝ้าพระอารามอยู่ จึงนำแบบอย่างนี้ไปใช้กับวัดในท้องถิ่นของตนบ้าง

สหัสเดชะ

ตามคติโบราณมักจะสร้าง “ทวารบาล” เพื่อเฝ้ารักษาพระอารามให้ปราศจากอันตรายและการรบกวนของภูตผีปีศาจ แม้กระทั่งประตูโบสถ์ วิหาร ก็มีทวารบาล เป็นรูปเทวดาแบบไทยบ้าง แบบจีนที่เรียกว่า “เซี่ยวกาง” บ้าง มีเรื่องเล่าว่าในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่เมืองราชคฤห์ มียักษ์สองตนชื่อ สาตาเศียร กับ เหมวัติสิง มีถิ่นอาศัยอยู่ในกลุ่มภูเขาตอนเหนือของแม่น้ำคงคา ได้นำบริวารยักษ์มาเข้าเฝ้าและสนทนาข้อปัญหาธรรมต่าง ๆ ในที่สุดเกิดศรัทธายอมนอบน้อมเป็นข้าช่วงใช้พระพุทธองค์ ดังนั้นจึงมีคติการสร้างรูปยักษ์เฝ้าวัด ทั้งนี้รูปปั้นยักษ์อาจหมายถึงท้าวกุเวร ผู้เป็นหัวหน้าของยักษ์อีกด้วย

ทิศคิรีวัน สำหรับยักษ์พวกแรกที่อยากให้ไปชมนั้น อยู่ยามรายเรียงรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ยักษ์กลุ่มนี้ยืนหันหน้าเข้าหาพระอุโบสถ เพื่ออารักขาพระแก้วมรกต ทั้งหมดเป็นยักษ์สำคัญจากเรื่องรามเกียรติ์ เรื่องราวของนนทุก ผู้กลับชาติมาเกิดเป็นทศกัณฐ์ ที่ต้องมาสู้กับพระราม ซึ่งเป็นอวตารของพระนารายณ์

ทศกัณฐ์นั้นลักนางสีดามาจากพระราม ซึ่งได้พลพรรคกระบี่วานร อย่าง สุครีพ หนุมาน องคต มาเป็นทหาร ทำการสร้างถนนข้ามทะเลไปตีกรุงลงกา ทศกัณฐ์ก็ส่งญาติพี่น้อง ลูก หลาน เช่น ไมยราพ อินทรชิต กุมภกรรณ สหัสเดชะ มาออกรบ แต่กระนั้นก็พ่ายแพ้

 

วิรุณหกการจะไปดูยักษ์ให้สนุก รู้ว่าตนไหนเป็นตนไหน อย่างน้อยก็น่าจะได้รู้เรื่องราวในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์มาบ้าง แต่ถ้าหลงลืมไป ก็ลองเดินชมภาพจิตรกรรมฝาผนังเสียสักรอบหนึ่งก่อน เพราะภาพจิตรกรรมฝีมือชั้นครูนี้ มีทั้งภาพพระ ภาพลิง ภาพยักษ์ รวมถึงภาพเหตุการณ์ต่างๆ จะได้ดูยักษ์สนุกขึ้น

นอกจากที่วัดพระแก้วแล้ว ยังมียักษ์สัญลักษณ์ของวัดอรุณราชวราราม เรียกกันว่ายักษ์วัดแจ้ง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันมานานในฐานะเป็นยักษ์ไทยที่ชอบข้ามฟากไปตีกับยักษ์วัดโพธิ์ (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม) อยู่เสมอ เล่ากันว่า คราวหนึ่งยักษ์วัดแจ้งกับยักษ์วัดโพธิ์ตีกันหนักถึงขนาดบ้านเมืองราพณาสูร บริเวณนั้นจึงเรียกว่า “ท่าเตียน” มาแต่นั้น

ดูสนุกดูที่ไหน
มังกรกัณฐ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
ยักษ์ที่ยืนยามเฝ้ารอบพระอุโบสถวัดพระแก้วนั้นมี ๑๒ ตน เป็นรูปปูนปั้นประดับกระเบื้อง ติดกระจก ยืนกุมกระบองอยู่ประจำประตูต่าง ๆ รอบพระอุโบสถ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๒ สูงประมาณ ๖ เมตร แต่ละตนก็มีสีสันและหน้าตาแตกต่างกันออกไป ประกอบด้วย
ประตูศรีศาสดา ทางเข้าพระบรมมหาราชวัง
ทศคิรีธร กายสีหงดิน สีหม้อแก่ มีปลายจมูกเป็นงวงช้าง เป็นบุตรของทศกัณฐ์กับนางช้าง
ทศคิรีวัน เป็นยักษ์คู่แฝดกับทศคิรีธร มีปลายจมูกเป็นงวงช้างเช่นกัน

จักรวรรดิประตูด้านหน้าพระอุโบสถ
วิรุฬหก กายสีขาบ เป็นยักษ์ขี้โมโห อารมณ์ร้อน ครองเมืองมหาอันธการนคร
มังกรกัณฐ์ พญายักษ์ สีเขียว บุตรพญาขรกับนางรัชฎาสูร กษัตริย์กรุงโรมคัล เมื่อคราวอินทรชิตชุบศรนาคบาศ ทศกัณฐ์ขอให้ออกไปขัดตาทัพไว้

ประตูด้านหลังพระอุโบสถ
จักรวรรดิ กายสีขาว ครองกรุงมลิวัน เป็นเพื่อนสนิทกับทศกัณฐ์
อัศกรรณมาลา กายสีม่วงแก่ เป็นเพื่อนสนิทกับทศกัณฐ์

ประตูด้านหน้าปราสาทพระเทพบิดร
สุริยาภพ กายสีแดงชาด บุตรพญาขรกับนางรัชฎาสูร แห่งกรุงโรมคัล น้องมังกรกัณฐ์ มีแว่นวิเศษซึ่งฉายส่องที่ไหน บังเกิดเพลิงไหม้ล้างหมด คราวเมื่อทศกัณฐ์ขอให้ไปช่วยรบ พระรามให้องคตไปลวงเอาแว่นวิเศษของสุริยาภพซึ่งได้ฝากไว้กับพระพรหม
อินทรชิต กายสีเขียว บุตรทศกัณฐ์กับนางมณโฑ เดิมชื่อรณพักตร์ ได้ศรพรหมมาสตร์จากพระอิศวร สามารถแปลงตัวเป็นพระอินทร์ได้ มีศรนาคบาศและศรวิษณุปาฌัมเป็นอาวุธ ภายหลังได้สมญาว่าอินทรชิต เพราะเป็นผู้รบชนะพระอินทร์ เมื่อเกิดศึกลงกาได้เป็นจอมทัพออกรบหลายครั้ง พระพรหมเคยประทานพรให้ว่า เวลาจะตายต้องตายบนอากาศ และอย่าให้ศีรษะขาดตกถึงพื้น มิฉะนั้นจะกลายเป็นไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก ต้องใช้พานแว่นฟ้าของพระพรหมมารองรับ โลกจึงจะปลอดภัย ดังนั้นเมื่อพระลักษมณ์จะแผลงศรไปตัดคออินทรชิต จึงตรัสสั่งให้องคตเอาพานแว่นฟ้ามาคอยรับ

อัศกรรณมาลาประตูด้านเหนือพระศรีรัตนเจดีย์
วิรุญจำบัง กายสีมอหมึก (สีขาวเจือดำ) บุตรพญาทูษณ์แห่งกรุงจารึก แคว้นชนบท เป็นหลานของทศกัณฐ์ มีม้าทรงตัวดำปากแดงชื่อ นิลพาหุ สามารถหายตัวได้ทั้งตนและม้า คราวยกทัพไปช่วยศึกที่ลงกาก็กำบังตัวไปฆ่าฟันพวกวานร พิเภกถวายคำแนะนำให้พระรามแผลงศรไปฆ่าม้านิลพาหุเสีย วิรุณจำบังก็หนีเอาตัวรอดลงไปซ่อนตัวในฟองน้ำ แต่ก็ถูกหนุมานตามไปฆ่าตาย
ไมยราพ พญายักษ์ สีม่วงอ่อน กษัตริย์เมืองบาดาลองค์ที่ ๓ โอรสท้าวมหายมยักษ์กับนางจันทรประภาศรี เป็นน้องนางพิรากวน รู้เวทมนตร์สะกดทัพและเครื่องสรรพยาเป่ากล้อง ถอดดวงใจใส่แมลงภู่ซ่อนไว้ที่เขาตรีกูฏ รับอาสาทศกัณฐ์สะกดทัพอุ้มพระรามไปขังไว้ในบาดาล หนุมานตามลงไปช่วยพระรามและฆ่าไมยราพได้ด้วยการจับแมลงภู่มาขยี้

ประตูด้านใต้พระศรีรัตนเจดีย์
สหัสเดชะ พญายักษ์ กายสีขาว เจ้าเมืองปางตาล มี ๑,๐๐๐ พักตร์ ๒,๐๐๐ กร มีอาวุธตะบองวิเศษ ชี้ต้นตาย ชี้ปลายเป็น มีน้องชายชื่อมูลพลัม ได้ช่วยทศทัณฐ์ทำศึก ถูกหนุมานลวงเอาตะบองวิเศษหักทิ้ง แล้วมัดด้วยหาง
ทศกัณฐ์ พญายักษ์ สีเขียว มี ๑๐ พักตร์ ๒๐ กร ทรงมงกุฎชัย ชาติก่อนเป็นยักษ์ชื่อนนทุก ถูกพระนารายณ์สาปให้มาเกิดเป็นโอรสท้าวลัสเตียนกับนางรัชฎา ครองกรุงลงกาเป็นองค์ที่ ๓ นางมณโฑเป็นมเหสี มีฤทธิ์ใครฆ่าไม่ตายเพราะถอดหัวใจฝากไว้กับฤาษีโคบุตรผู้เป็นอาจารย์ ต่อมาได้ลักตัวนางสีดาไปไว้ที่ลงกา จึงเป็นสาเหตุให้ต้องทำศึกกับพระราม จนญาติมิตรล้มตายไปเป็นจำนวนมาก และในที่สุดก็ถูกพระรามฆ่าตาย

สุริยาภพวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
ภายในวัดโพธิ์มียักษ์ทวารบาลเฝ้าประตูอยู่หลายตน ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนยักษ์ไทย แต่เป็นตุ๊กตาหินแบบของจีน โดยมีอยู่สองพวก พวกหนึ่งคือ “ลั่นถัน” เป็นตุ๊กตาหินแต่งกายแบบงิ้ว เป็นขุนนางฝ่ายบู๊ (นักรบ) ยืนท้าวเอว มืออีกข้างหนึ่งถืออาวุธ หน้าตาดุดัน สวมเสื้อเกราะอย่างทะมัดทะแมง บางตัวก็เป็นทหารระดับขุนพล ยืนประจำการณ์อยู่ อีกพวกเป็น “ตุ๊กตาจีน” แต่หน้าตาคล้ายฝรั่งสวมหมวก ตัวนี้เชื่อกันว่าคือ มาร์โค โปโล ฝรั่งคนแรกที่เดินทางเข้าไปในประเทศจีน เป็นภาพสะท้อนทัศนคติของชาวจีนที่มีต่อชาวตะวันตก โดยเฉพาะสมัยล่าอาณานิคม ฝรั่งถูกมองว่าเป็นคนดุร้าย ทำสงครามเอาบ้านเมืองอยู่เนือง ๆ
ส่วนยักษ์วัดโพธิ์แท้ ๆ ที่ตามตำนานกล่าวว่าชอบไปตีกับยักษ์วัดแจ้งนั้น ความจริงแล้วเป็นรูปปั้นยักษ์ตัวเล็ก ๆ เฝ้าอยู่หน้าประตูทางเข้าพระมณฑป แต่สมัย ๓๐ กว่าปีก่อนมีภาพยนตร์เรื่องยักษ์วัดแจ้งปะทะยักษ์วัดโพธิ์ที่ใช้ยักษ์จีนสู้กับยักษ์ไทย คนทั่วไปจึงคิดว่ายักษ์วัดโพธิ์เป็นยักษ์จีนไป

อินทรชิตวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดแจ้ง)
ยักษ์วัดแจ้งสองตนยืนอยู่หน้าซุ้มประตูยอดมงกุฎ เป็นฝีมือการปั้นของหลวงเทพรจนา (กัน) ต่อมาได้เป็นต้นแบบในการปั้นรูปยักษ์ยืนในวัดพระแก้ว ตนสีขาวคือ “สหัสเดชะ” และตนสีเขียว คือ “ทศกัณฐ์” ยักษ์สองตนนี้อาจกล่าวว่าเป็นยักษ์ที่มีชาวต่างชาติรู้จักมากที่สุดก็เป็นได้ เนื่องจากมักมีนักท่องเที่ยวไปยืนถ่ายภาพที่บริเวณนี้อยู่เสมอ

Home