เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รายการสารคดีของช่อง ไทยพีบีเอส มาสัมภาษณ์ผู้เขียนเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตของคุณสืบ นาคะเสถียร เนื่องในโอกาสครบรอบ ๒๓ ปีการเสียชีวิตของท่าน ผมพูดไปได้ไม่นาน ก็ขอพักสักครู่ เมื่อกลั้นน้ำตาไม่อยู่
หลังสัมภาษณ์เสร็จ น้อง ๆ ผู้ผลิตรายการเล่าให้ฟังว่า หลายครั้งที่ไปคุยกับผู้เคยแวดล้อมคุณสืบ บางคนน้ำตาไหล น้อง ๆแปลกใจมากว่าพี่สืบตายไปยี่สิบกว่าปีแล้ว ทำไมคนจึงอาลัยกันจนถึงทุกวันนี้
ผู้เขียนให้ความเห็นว่า การตายของแกคงสะเทือนใจคนจำนวนมาก เพราะในชีวิตจริง คงมีหลายคนที่ยอมเสียสละชีวิตเพื่อผู้คนที่รัก หรือเพื่อผู้คนในสังคม แต่คงมีไม่กี่คนที่ทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องรักษาผืนป่าและสัตว์ป่า ด้วย กาย วาจาและใจ และสุดท้ายยอมฆ่าตัวตายเพื่อบอกให้โลกรับรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับปัญหาตัดไม้ ทำลายป่าและการล่าสัตว์ป่าในป่าห้วยขาแข้ง
ในสมัยที่สืบ นาคะเสถียรมีชีวิตอยู่ ทุกครั้งที่แกขึ้นเวทีอภิปราย แกจะขึ้นต้นด้วยคำพูดว่า “ผมขอพูดในฐานะตัวแทนของสัตว์ป่า” และคนที่รู้จักแกดีจะทราบว่า แกไม่ได้ดราม่าเพื่อให้ตัวเองเด่น แต่แกพูดจากใจจริง
เมื่อวันที่ ๑ กันยายนที่ผ่านมา ในเฟสบุ๊กของผู้เขียน ได้เผยแพร่ภาพถ่ายภาพหนึ่งและมีคำบรรยายว่า
“ ๑ กันยายนที่ผ่านมา ครบรอบ ๒๓ ปี สืบ นาคะเสถียร ยิงตัวตายที่บ้านพักในห้วยขาแข้ง
ภาพที่เห็นนี้ ผมถ่ายไว้เมื่อปีพ.ศ.๒๕๒๙ ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนเชี่ยวหลาน ตอนนั้นคุณสืบ เป็นหัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่า มีภารกิจในการช่วยชีวิตสัตว์ป่าที่กำลังจะถูกน้ำท่วม
วันหนึ่งขณะแล่นเรือช่วยชีวิตสัตว์ เราเห็นงูจงอางยาวร่วมสองเมตร ว่ายน้ำกลางอ่างเก็บน้ำ พี่สืบบอกเราต้องไปช่วยชีวิต เพราะงูคงว่ายไม่ถึงฝั่ง พอพวกเราเอาสวิงช้อนงูจากน้ำขึ้นมาอยู่บนเรือ งูนอนนิ่งอยู่ในสวิง แต่ละคนมองหน้ากันว่าใครจะจับงูใส่ลงถุงเพื่อความปลอดภัยของทุกคน เพราะหากถูกกัดคงตายแน่ เรือห่างจากโรงพยาบาลไม่ต่ำกว่า ๗-๘ ชั่วโมง
ทันใดพี่สืบเดินไปคว้าคองูและเอาลงถุง ดังที่เห็นในภาพท่ามกลางความแปลกใจของลูกน้องในเรือ
ผมถ่ายภาพได้ทันที ก่อนจะถามพี่สืบว่า พี่คงจับงูบ่อยนะ แกบอกผมว่า พี่ก็เพิ่งจับงูเป็นครั้งแรก
นั่นคือนิสัยแก ทำงานจริง มุ่งมั่นในการช่วยชีวิตสัตว์จริงจัง แต่หากคาดว่าจะเกิดอันตรายกับลูกน้อง แกนำหน้าเสี่ยงชีวิตเอง ลูกน้องจึงรักแกมาก
อีกครั้งหนึ่งปลายปี ๒๕๓๒ พี่สืบชวนผมไปกินข้าว เล่าว่า ได้รับคำสั่งให้ไปเป็นหัวหน้าห้วยขาแข้ง สมัยนั้นแทบไม่มีใครรู้จัก แต่ดันสอบทุนไปเรียนปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยลอนดอนได้ ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่คงเลือกเรียนต่อ เพื่อความก้าวหน้าในชีวิตราชการ แต่แกเลือกไปห้วยขาแข้ง อันอุดมไปด้วยปัญหาการตัดไม้ ล่าสัตว์ แกรู้ว่าป่าที่นั่นคือหัวใจของป่าด้านตะวันตกในเมืองไทย สืบ นาคะเสถียรเลือกไปอยู่แนวหน้าเพื่อปกป้องป่าและสัตว์ป่าแทนพวกเราทุกคน
หลายเดือนต่อมา เมื่อแกทุ่มเทอย่างเต็มที่ทั้งกาย วาจา ใจ ในการทำงานเพื่อรักษาธรรมชาติ แต่แทบไร้ผล
แกสิ้นหวังกับระบบราชการไทย สิ้นหวังกับผู้ใหญ่ที่ไม่สนใจ หนทางอันเหลืออยู่มีไม่กี่ทาง
และเช้าวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๓๓ แกได้เลือกแล้ว เสียงปืนนัดนั้นยังคงดังก้องมาจนถึงทุกวันนี้”
ไม่นานนัก มีผู้ร่วมแสดงความเห็นและไว้อาลัยจากการจากไปของพี่สืบหลายร้อยข้อความ และมีการแชร์ข้อความหรือสเตตัส นี้ กระจายไปสู่แหล่งต่าง ๆ จนคาดว่าน่าจะมีผู้อ่านข้อความนี้แสนกว่าคน ภายในเวลาไม่กี่วัน
ผู้เขียนลองคัดข้อความที่น่าสนใจมาแสดงดังนี้
……………………………………………
Pannasri Chuarayapratib
“เขาเข้มแข็งมาก เวลาให้สัมภาษณ์ เหมือนเขาไม่เคยแคร์ ไม่เจ็บปวดอะไร แค่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ดูจะเป็นคนออกจะไร้ความรู้สึกด้วยซ้ำในบางที แต่มั่นคงและแข็งแรงมาก เขาเป็นคนสุดท้ายที่เราคิดว่าจะจบชีวิตตัวเอง เห็นภาพลุยน้ำเชี่ยวมากไปช่วยสัตว์เอย เดินป่าเป็นวันๆ แต่แล้วเขาคงซ่อนความเจ็บปวดไว้นานมากๆ”
Sasithorn Yakorn
“เกลียดงู กลัวงู แต่ต้องเอาภาพนี้มาไว้ที่นี่ เพราะวันนี้เมื่อ 23 ปีที่แล้ว มีชายคนหนึ่งเลือกที่จะตาย ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใด มันสะเทือนใจ ประทับใจ และก่อแรงบันดาลใจ ต่อเนื่อง เลื่อนลั่น มาจนปัจจุบัน
กราบขอบพระคุณ สืบ นาคะเสถียร”
มนตรี อุดมพงษ์
“ไม่ได้ทำดีเพื่ออวดอ้างใคร
แต่เพื่อพงไพร เขาทุ่มใจให้หมด
สละโอกาส ยอมพลาดอนาคต
ถอยห่างชั้นยศที่กำหนดด้วยปริญญา
สดุดี และคารวะด้วยใจ ถึงความกล้าหาญชาญชัยในหัวใจหัวหน้าสืบ”
Boony Somboon
“คำว่า ไอดอล,ตำนาน,คนต้นแบบ…….จะเรียกเขาว่าอะไรก็แล้วแต่ เขายิ่งใหญ่กว่านั้น เขาพูดแทนสัตว์ป่าได้ พูดแทนผืนป่าได้ เสียงของเขายังดังอยู่จนทุกวันนี้”
Kongkoch Sinthitichai
“เสียงปืนในวันนั้น จะยังคงดังในใจเราตลอดไปค่ะ ขอสัญญา”
Nong Subaru
“โอโฮ..พออ่านจบขนทุกเส้นลุกโดยไม่ได้นัดหมาย..สุดยอดคนเลยที่กล้าจับ”
Love Matanana
“ทุกวันนี้คนรู้จักห้วยขาแข้ง รู้จักอุทัย เพราะคุณความดีของท่านสืบ ชื่อเสียงท่านยังคงอยู่ในความทรงจำตลอดไป”
Anan Petchnoo
“เพื่อนผมที่เรียนโท MBA ที่อุทัยธานีด้วยกัน ตอนนั้นเขาเพิ่งไปบรรจุเป็น นพ.ที่ รพ.ลานสัก เป็นผู้ที่ชันสูตรศพคุณสืบในบ้านพักครับ ทุกครั้งที่เราคุยกันเรื่อง คุณสืบ เขาจะภาคภูมิใจมาก “
Phakkarawan Pinkaew
“อ่านทีไรน้ำตาจะไหล คนดีไม่มีที่ยืนในเมืองไทย อยากให้ประเทศเรามีข้าราชการที่ทำเพื่อประเทศชาติแบบนี้
PalmSugar MeMyself
“หามนุษย์ที่มีจิตใจเสียสละและจริงใจ จริงจังเยี่ยงผู้ชายคนนี้ยากแท้..สืบ นาคะเสถียร..วีรบุรุษแห่งผืนป่าและพ่อพระแก่ชีวิตสัตว์ป่าค่ะ”
……………………………………………..
ผู้เขียนเชื่อว่า ทุกครั้งที่มีคนมากระตุ้นหรือเล่าเรื่องราวของสืบ นาคะเสถียร ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีแล้วก็ตาม หลายคนที่เคยหรือเพิ่งรับรู้เรื่องราวของแก ยังคงหลั่งน้ำตาให้กับบุคคลคนนี้
ในสายตาของผู้เขียน ภาพที่แกจับงูจงอางด้วยตนเอง หากจะวิเคราะห์แล้ว มันสะท้อนความรู้สึกที่รักชีวิตสัตว์ทุกชนิดอย่างเท่าเทียมกัน แม้ว่างูจงอางจะเป็นอสรพิษของคนส่วนใหญ่ที่พึงหลีกเลี่ยง แต่สำหรับสืบ นาคะเสถียร งูจงอางเป็นสัตว์ร่วมโลกที่ต้องช่วยเหลือให้ถึงที่สุด เขาไม่สามารถปล่อยให้มันจมน้ำตายไปต่อหน้าได้
“ตามมันไป จับมันให้ได้” ผู้เขียนยังจำคำพูดและน้ำเสียงจริงจังของแกที่บอกกับคนบนเรือได้ ในขณะเดียวกันเมื่อถึงสถานการณ์อันตรายเมื่อต้องหาคนจับงูด้วยมือเปล่า เขารู้ตัวว่า เขาต้องรับผิดชอบกับภารกิจครั้งนี้ด้วยตนเอง ดังนั้น แทนที่เขาจะสั่งลูกน้องในฐานะหัวหน้าทีมจัดการแทน แต่สืบ เลือกปกป้องชีวิตลูกน้อง ด้วยการเสี่ยงชีวิตจับงูเป็นครั้งแรก หากพลาดโดนงูกัดก็ตาย
ผู้เขียนนึกถึงภาพของแกที่จับหัวงูกดเข้าตรงกาบเรือเพื่อให้งูคายพิษเป็นน้ำสีเหลืองเข้มไหลเยิ้มนองไปบนเรือ ชวนให้คนบนเรือขนลุกกับน้ำพิษของงูจงอาง เพราะต่างทราบดีว่า หากพี่สืบพลาดท่าถูกงูฉกกัด คงไม่รอดแน่นอน
พี่สืบ ได้ใจลูกน้องไปเต็ม ๆ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่ออกปฏิบัติการเสี่ยงอันตราย พี่สืบ ออกนำหน้าทุกคนเสมอ
ผู้เขียนยังจำภาพตอนที่เราแล่นเข้ามาสำรวจเกาะเล็ก ๆกลางอ่างเก็บน้ำ (ก่อนหน้านี้เกาะก็คือยอดเขาก่อนจะถูกน้ำท่วมขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเกาะ) เพื่อจะมาช่วยชีวิตสัตว์ป่าบนเกาะที่ยังเหลืออยู่ พอเรือแล่นใกล้เกาะอันรกไปด้วยต้นไม้จนแทบมองไม่เห็นฝั่ง คนบนเรือทราบดีว่า คนแรกที่กระโดดขึ้นฝั่งเอาเชือกไปผูกต้องกล้ามาก เพราะไม่รู้ว่ากระโดดลงไปจะเจออะไร ทั้งเสือ งู หรือสัตว์อย่างกวาง เลียงผา หากตกใจก็สามารถทำร้ายคนได้ทั้งนั้น
แต่พี่สืบจะเป็นคนแรกที่กระโดดขึ้นฝั่งทุกครั้ง สะท้อนนิสัยส่วนตัวผู้มุ่งมั่นทำงานช่วยชีวิตสัตว์อย่างเต็มที่ แต่ไม่เคยทำให้คนอื่นหรือลูกน้องเดือดร้อนแทน
ทุกค่ำคืนบนเรือนแพหลังจากเสร็จจากภารกิจทั้งวัน แกเปิดอ่านตำราวิธีการจับสัตว์จากเมืองนอก เพื่อดัดแปลงมาให้เข้ากับสัตว์และสภาพภูมิประเทศในแถบนี้ อ่านหนังสือจนดึกดื่น บางครั้งมีคนมาส่งข่าวว่าพบสัตว์ที่ออกหากินกลางคืน แกก็จะออกเรือไปทันทีเพื่อช่วยชีวิตสัตว์ พอรุ่งเช้าก็เตรียมพร้อมลงเรือออกลาดตระเวนช่วยสัตว์ป่า ทำงานทุกวันโดยไม่มีวันหยุด เป็นเวลาหลายเดือนติดต่อกัน
พี่สืบและทีมงานทำงานอพยพสัตว์ป่าเป็นเวลาสองปี ช่วยชีวิตสัตว์ได้พันกว่าตัว แต่สุดท้ายสัตว์เหล่านี้ก็มีชีวิตเหลือรอดน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่เมื่อช่วยมันได้ ก็ล้วนแต่อ่อนเพลียมากเกินเยียวยา หลายร้อยตัวที่ไปปล่อยตามป่าใกล้เคียง ก็คงรอดชีวิตได้ไม่มากเพราะการปรับตัวเป็นเรื่องไม่ง่ายสำหรับสัตว์ป่าเหล่านี้
สืบ นาคะเสถียรทราบดีว่า การสร้างเขื่อนเป็นต้นตอปัญหาการทำลายป่าและสัตว์ป่า ดังนั้นไม่แปลกใจเมื่อเขาเป็นผู้ออกโรงต่อต้านการสร้างเขื่อนน้ำโจน ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรอย่างแข็งขัน และต่อมาเมื่อมารับตำแหน่งที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เขาถึงทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อแก้ปัญหาการล่าสัตว์ ทำลายป่า แต่สุดท้ายระบบราชการและความไม่ใส่ใจของผู้มีอำนาจในสังคมกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ
คนโบราณเคยกล่าวไว้ว่า “ความตายเป็นสิ่งที่ธรรมชาติให้มาเพื่อให้หลุดพ้นจากความเจ็บปวด ซึ่งอาจจะไม่ใช่ความเจ็บปวดทางร่างกาย อาจเป็นความรู้สึกเจ็บปวดภายในใจ แล้วเราก็หยิบสิ่งที่ธรรมชาติให้มาหยุดยั้งความเจ็บปวดนั้น”
แล้วอะไรที่ทำให้พี่สืบเจ็บปวดหัวใจขนาดนั้น
สารคดี กันยายน 2556
Comments
อยากให้ทุกท่านที่บอกรักป่าธรรมชาติสืบทอดเจตนารมย์ของคุณสืบ ไม่ใช้เพื่อเราแต่เพื่อทุกสรรพสิ่งที่มีชีวิตในโลกนี้
บ้านเมืองเราเดี๋ยวนี้…คนดีๆมักจะไม่มีที่ให้อยู่ นอกจากบนสรวงสวรรค์ ขอกราบอราธนาสิ่งศักดิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงช่วยคุ้มครองดวงวิญญานพี่สืบ นาคะเสถียร ให้ได้เสวยสุขชั่วกาลนานเทอญ
อยากให้ทุกคนเห็นความสำคัญทุกสิ่งที่อยู่ในป่าไม้ ให้รักและอนุรักษ์ธรรมชาติที่เหลื่ออยู่น้อยมากแล้ว อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและพวกพร่อง
ตอนคุณสืบเสียชีวิต ผมยังเพิ่งเริ่มเรียน ม.1
และแม้เมื้อล่วงเลยมาจนวัยทำงานก็ยังคงลังเลถึงสิ่งที่ท่านทำ
จนช่วงหนึ่งของชีวิตนั่นแหล่ะ ต่อเมื่อได้พบเจออะไรหลายๆ อย่าง ซึมซับความเป็นคนอันซับซ้อน รวมถึงระบบต่างๆ ฯ
บวกกับเรื่องราวของคุณสืบที่ได้รับการสืบทอดเล่าขานอย่างต่อเนื่อง แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่เสียทีเดียว แต่ด้วยวัยด้วยอะไรต่างๆ ทำให้เข้าใจที่สิ่งเป็นไปมากขึ้น คุณสืบจะยังคงเป็นแบบอย่างของการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่ากับผมและอีกหลายๆ คนตลอดไปครับ