หลายคนคงสงสัยว่า หลายปีที่ผ่านมา เหตุใดจึงมีข่าวการลักลอบตัดไม้พะยูงกันอย่างต่อเนื่องแทบจะทุกวัน จนดูเหมือนจะไม่สามารถหยุดยั้งขบวนการตัดไม้พะยูงได้เลย จนกว่าไม้ชนาดนี้จะสูญพันธุ์ไปจากประเทศ
ในอดีตดูเหมือนไม้มีค่าราคาแพงที่สุด คือไม้สัก แต่ทำไมอยู่ดี ๆ ไม้พะยูงจึงมาแรงแซงไม้สักคนไทยรู้จักไม้พะยูงมาช้านานแล้ว ในฐานะไม้มงคลหนึ่งใน 9 ชนิด ประกอบด้วย
ราชพฤกษ์ หมายถึงความเป็นใหญ่และมีอำนาจวาสนา
ขนุน หมายถึงหนุนให้ดีขึ้นร่ำรวยขึ้น ทำอะไรจะมีผู้ให้การเกื้อหนุน
ชัยพฤกษ์ หมายถึงมีโชคชัย ชัยชนะ
ทองหลาง หมายถึงมีเงินมีทอง
ไผ่สีสุก หมายถึงมีความสุข
ทรงบาดาล หมายถึงความมั่นคง หรือทำให้มั่นคงแข็งแรง
สัก หมายถึงความมีศักดิ์ศรี มีเกียรติ
กันเกรา หมายถึงป้องกันภัยอันตรายต่างๆ
พะยูง เชื่อว่าพยุงฐานะให้ดีขึ้น หรือประคองตัวให้อยู่รอดได้
คนโบราณจึงเชื่อว่าบ้านใดปลูก จะทำให้บุคคลในบ้านมีแต่ความเจริญ ฐานะดีขึ้น จึงไม่นิยมตัดไม้ชนิดนี้มาทำเฟอร์นิเจอร์ แม้ว่าจะเป็นไม้เนื้อแข็งแบบไม้สัก หรือไม้ตะเคียน
เมื่อหลายสิบปีก่อน ทางการได้ส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกไม้พะยูงตามหัวไร่ปลายนา เมื่อมีการวิจัยพบว่า ต้นไม้ชนิดนี้เหมาะในการเลี้ยงครั่ง เป็นการสร้างรายได้ทางอ้อมให้กับชาวบ้าน ตอนนั้นจึงมีการปลูกไม้พะยูงกันอย่างกว้างขวางทั่วภาคอีสาน
ครั่ง คือเพลี้ยชนิดหนึ่ง เป็นเป็นศัตรูพืชตามธรรมชาติ ครั่งจะใช้งวงปากเจาะเพื่อดูดน้ำเลี้ยงของต้นไม้ และจะขับสารชนิดหนึ่งเหมือนยางหรือชันออกมาไว้ป้องกันตัวเองจากศัตรู เรียกว่า “ครั่งดิบ” มีสีแดงม่วง คล้ายขี้ผึ้งสีเหลืองแก่ หรือยางสีส้ม ซึ่งมนุษย์ได้นำมาใช้ประโยชน์กันมานานกว่า 4,000 ปี ใช้เป็นสมุนไพร ทำแลกเกอร์ เครื่องใช้ เครื่องประดับต่าง ๆ ย้อมสีผ้า ใช้ประทับตราไปรษณีย์ ตราประทับเอกสารทางราชการ
และที่นิยมใช้มากเป็นพิเศษคือการนำมาทำแผ่นเสียง
ต่อมาเมื่อแผ่นเสียงเลิกผลิต ไม่ได้ใช้ประทับตราไปรษณีย์ ความต้องการในการใช้ครั่งก็ลดลงอย่างมาก
ชาวบ้านก็เลิกเลี้ยงครั่ง แต่ปล่อยให้ต้นพะยูงโตขึ้นตามหัวไร่ปลายนา โดยหารู้ไม่ว่ากลายเป็นทรัพย์ในดินในเวลาต่อมา
จนกระทั่งเมื่อจีนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกเมื่อปี 2551 ได้เกิดความต้องการใช้ไม้พะยูงมหาศาล เพื่อมาซ่อมแซมพระราชวังต้องห้ามหรือเทียนอันเหมิน รวมถึงการสั่งทำเฟอร์นิเจอร์ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว จากคุณสมบัติของไม้ชนิดนี้ที่ฝรั่งเรียกว่า Siamese Rosewood เนื้อละเอียดแข็งแรงทนทาน ขัดและชักเงาได้ดี
กล่าวกันว่าพ่อค้าจีนขนเงินมานับพันล้าน เพื่อให้พ่อค้าไทยหาไม้พะยูงให้ได้ตามปริมาณที่ต้องการ จนเกิดการตัดไม้กันทั่วหัวไร่ปลายนา และลุกลามเข้าไปในป่าและอุทยาน
ทุกวันนี้ไม้พะยูงในป่าเวียดนาม ลาว ก็แทบหมดเกลี้ยง เพราะภายหลังกีฬาโอลิมปิกจบไปแล้ว แต่ความนิยมของไม้พะยูงไม่ได้หมดตาม กลายเป็นค่านิยมของเจ้าสัวเมืองจีน บ้านใครมีเฟอร์นิเจอร์ไม้ ถือว่ารวยจริง ผลคือออเดอร์สั่งทำเฟอร์นิเจอร์ไม้พะยูงมีปริมาณถล่มทลาย
เศรษฐีจีนนอกจากขับรถ Benz ใส่นาฬิกาRolexแล้ว ยังต้องมีเฟอร์นิเจอร์ไม้ Siamese Rosewood สีดำอมแดงจากเมืองไทย ไว้อวดฐานะด้วย
เพื่อนนักข่าวที่เคยตามไปดูร้านเฟอร์นิเจอร์ไม้พะยูงในเมืองจีน เล่าให้ฟังว่า ราคาโต๊ะเก้าอี้ชุดละเป็นล้านบาท ซึ่งไม่แปลกใจหากจะบอกว่าราคาไม้พะยูงแปรรูปในเมืองไทยขายกันลูกบาศก์เมตรละสามแสนบาท เปรียบเทียบกับไม้สักราคาลูกบาศ์กเมตรละไม่กี่หมื่นบาท
เคยมีการลักลอบเอาไม้พะยูงแอบใส่รถคอนเทนเนอร์เพื่อส่งออกที่ท่าเรือหลายคัน อ้างว่าสินค้าในตู้เป็นกางเกงยีนส์ พอเจ้าหน้าที่ศุลกากรเปิดออกมาถึงกับผงะ กลายเป็นไม้พะยูงราคานับพันล้านบาท
คาดว่าไม้พะยูงคงถูกตัดต่อไปในป่า เพราะราคายั่วยวนเหลือเกิน จนอาจจะเป็นไม้ราคาแพงที่สุดในโลก เพราะนอกจากจีนแล้ว ความต้องการใช้ไม้พะยูงได้ระบาดไปที่ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์
และหากสถานการณ์การลักลอบตัดไม้พะยูงยังรุนแรงเช่นนี้ไปอีกเรื่อยๆ คาดว่าอีกไม่เกิน 2 ปี ไม้พะยูงอาจจะหมดไปจากป่า ทุกวันนี้ไม้พะยูงมีขึ้นในโลกเฉพาะไทย เวียดนาม กัมพูชาและลาว ประเทศอื่นน่าจะถูกตัดไปหมดแล้ว เพราะเป็นไม้ เนื้อแข็งปลูกยาก โตช้า ใช้เวลามากถึง 40 ปี ถึงจะนำมาใช้ประโยชน์ได้
ในเมืองไทยเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก จ.สุรินทร์ และอุทยานแห่ชาติ ภูจองนายอย จ.อุบลฯ และเขาพระวิหาร เป็นแหล่งไม้พะยูงที่สมบูรณ์ แต่ก็ยังมีข่าวให้เห็นเป็นประจำ เพราะมีเครือข่ายจากต่างประเทศมาฝังตัวมานาน เรียกว่าจับได้เท่าไหร่ ก็ไม่หมด มีการตัดตอนผู้ที่ร่วมกลุ่มขบวนการเป็นทอด ๆ เหมือนขบวนการค้ายาบ้า โดยเจ้าหน้าที่ไม่สามารถสาวเชื่อมโยงไปถึงตัวการได้ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมและยึดไม้พะยูงของกลางไว้คิดเป็นมูลค่าเกือบ 2 หมื่นล้านบาท
สงสัยอาจจะต้องไปสร้างกระแสใหม่ให้บรรดาอาเสี่ยเมืองจีน เลิกเห่อใช้เฟอร์นิเจอร์จากไม้พะยูง ประมาณว่า มีเรื่องเล่าว่า บ้านใดมีไม้ชนิดนี้ จะซวยหรือมีเหตุร้ายในบ้าน และปล่อยสตอรี่แบบนี้ในโซเชียลเน็ตเวิร์ค จนกลายเป็นกระแส อาจจะง่ายกว่าตามจับในป่าก็เป็นได้
กรุงเทพธุรกิจ 10 กค.57
Comments
ผมว่าการแก้เรื่องตัดไม้ทำลายป่าไม่ใช่เรื่องยากเลย หากออกกฎหมายให้ถูกจุดนำมาใช้ ดีกว่ามาไล่จับคนพวกนี้และยึดไม้ของกลางไว้เท่านั้น ผมว่าน่าจะออกกฎหมายยึดทรัพย์กับทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่พวกตัดไม้ คนขับรถ นายทุนและทุกๆคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องรวมทั้งมีโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 10 ปี ต้องถือว่าคนพวกนี้เป็นผู้ทำลายประเทศชาติและสิ่งแวดล้อม กว่าต้นไม้แต่ละต้นจะสามารถรักษาความสมดุลย์ให้กับธรรมชาติต้องใชัเวลาหลายสิบปี แต่คนเหล่านี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็โค่นล้มในพริบตา ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ที่มีส่วนปกป้องคุมครองป่าไม้ถึงไม่นำเสนอกฎหมายยึดทรัพย์คนเหล่านี้ มีแต่รณรงค์ให้ช่วยกันปลูกป่า กว่าตนไม้จะโตก็คงไม่ทันการ
้เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมายให้เพิ่มบทลงโทษผู้กระทำผิดและสมรู้ร่วมคิด อยากให้โทษหนักเท่ากับการค้ายาบ้าหรือมากกว่าด้วยซ้ำ…อย่างไรก็ดีปัญหานี้ยืดเยื้อเรื้อรังแน่ เพราะคนที่ทำหน้าที่พิทักษ์ป่าและคนในพื้นที่กลับกลายเป็นผู้ชี้ช่องเปิดทางให้นำไม้ออกนอกพื้นที่เสียเองก็ราคาล่อใจซะขนาดนี้ คำว่าจิตสำนึกมันจึงถูกกดให้ต่ำลงด้วยเงินก้อนโตที่กองอยู่ตรงหน้า…สงสารต้นไม้จริงๆ 🙁