ผมเกิดในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่จำความได้ แม่เป็นคนทำอาหารให้กิน หรือบางครั้งก็จะมีแม่บ้าน มาช่วยทำอาหารให้กิน
พอโตขึ้นมาหน่อย อายุประมาณสิบขวบ แม่ก็สอนทำครัวให้ช่วยตัวเอง ต้องตื่นแต่เช้า มาติดเตาถ่านโดยเริ่มจากเอากระดาษหนังสือพิมพ์มารองในเตาถ่าน ไปหาเศษไม้มาวางทับ แล้วเอาถ่านสีดำมาวางบนสุดเอาไม้ขีดจุดไฟตรงกระดาษ ค่อย ๆ เป่าให้ลมช่วยพัดให้ไฟลามติดเศษไม้ และค่อย ๆ ลามไปติดถ่านจนร้อนระอุ
คนสมัยนั้น ติดไฟเตาถ่านหุงข้าวกันทุกวัน แต่เชื่อว่าคนสมัยใหม่คงแทบจะไม่รู้จักแล้วจากการเข้ามาของหม้อหุงข้าวไฟฟ้า
พอไฟติด ควันโขมง ก็ยกหม้อข้าวที่เติมน้ำท่วมขึ้นตั้งเตา เป็นการหุงข้าวแบบเช็ดน้ำคอยดูไม่ให้ข้าวดิบหรือแฉะเกินไป พอข้าวสุกได้ที่ ก็ยกออกจากเตา เอาไม้ขัดตรงฝาหม้อและรินเอาน้ำข้าวออกมาใส่ถ้วย ไว้ซดหลังอาหาร เพราะสารอาหารอยู่ในนี้ทั้งนั้น จากนั้นก็เอาหม้อข้าวมาดงข้าวคือเขี่ยถ่านออกให้เหลือไฟอ่อน ๆ เพราะหากไฟแรง เวลาดงข้าว ข้าวอาจจะไหม้ก่อน และยกหม้อข้าวหมุนไปมาในเตาถ่านเพื่อไม่ให้ข้าวแฉะเกินไป
แม่สอนให้เข้าครัว หั่นผัก หั่นหมู วิธีควักไส้ปลา ทอดไข่และสอนให้ทอดกระเทียม ผัดผักต่าง ๆ ตามวัฒนธรรมการทำอาหารของคนจีนที่ชอบผัดหรือทอด จำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็พอมีวิชาปรุงอาหารติดตัวได้อยู่พอกินข้าวเช้าเสร็จ ก็คดข้าวใส่กล่องข้าวน้อย และวางกับข้าวที่เหลือ ไม่พ้นไข่ดาว ไข่เจียวไปกินเป็นอาหารกลางวันต่อที่โรงเรียน
ชีวิตที่ผ่านมาจนเติบโตถึงปัจจุบัน ผมจึงไม่นิยมซื้อกับข้าวนอกบ้านกินเป็นอาหารหรือไม่ก็กลับมาบ้านกินข้าวบ้านลิ้มรสชาติของเสน่ห์ปลายจวักแม่บ้าน มากกว่าจะฝากท้องไว้กับอาหารของแม่ค้าในตลาดหรือโรงอาหาร
แม้กระทั่งทำงานแล้ว ก็ยังคดข้าวเอามากินเป็นอาหารกลางวันที่ทำงานเป็นเวลาหลายสิบปี
ระยะหลัง ผมสังเกตว่า แถวบ้านสองข้างทางมีร้านขายข้าวแกงและอาหารถุงมากขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของคอนโดมิเนียมจำนวนมากกลางเมืองหลวงไม่นับรวมถึงร้านอาหารง่าย ๆ ปรุงไว ๆ ประเภท “สเต๊ก 28 บาท” “ข้าวต้มชามละสามบาท” ที่เกิดกันเป็นดอกเห็ด เวลาไปห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี โลตัส เซ็นทรัล จะเห็นว่า ร้านอาหารจะมีลูกค้าไปนั่งจับจองกันเต็มโดยเฉพาะเสาร์ อาทิตย์และมื้อเย็น
ในขณะเดียวกัน รายการทีวี จะมีรายการอาหารเพิ่มขึ้นและเป็นรายการได้รับความนิยมจากคนดูมากประเภทหนึ่งทีเดียว
ในฐานะคนช่างสังเกต ผมมีความเห็นว่า คนสมัยนี้ไม่ค่อยทำอาหารกินเอง
ปัจจุบัน คนทั่วไปที่มีฝีมือทำอาหารหรือทำกับข้าว มีน้อยลง ยิ่งปรุงอาหารให้อร่อยยิ่งน้อยลงไปอีกเพราะความเร่งรีบของชีวิตประจำวัน จึงอยากหาอะไรรองท้องที่เร็ว ๆ ด่วน ๆ มากกว่าจะหาของอร่อย ๆแต่เสียเวลากิน และทุกวันนี้ คนเมืองส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่จำกัดมากขึ้น คอนโดมิเนียมมีขนาดเล็กไม่สามารถทำอาหารได้หลากหลาย หรืออาหารที่ต้องมีความพิถีพิถัน นอกจากอาหารปรุงง่าย ๆ ยิ่งนานวัน คนรุ่นใหม่จะไม่ค่อยอยากเดินจ่ายกับข้าว เพราะไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรมาปรุงดีและกะปริมาณของวัตถุดิบไม่ค่อยเป็น
และทุกวันนี้บ้านพักก็อยู่กันไม่กี่คน ลงทุนซื้อของมาทำกินเองอาจจะไม่คุ้ม สู้ซื้อกับข้าวข้างถนนอาจจะมีราคาถูกกว่าทำเองนอกจากนาน ๆ ครั้งมีปาร์ตี้เชิญเพื่อน พี่น้องมากินข้าวที่บ้าน
จึงไม่น่าแปลกใจที่รายการอาหารในทีวี เป็นรายการที่มีเรทติ้งค่อนข้างสูง นอกจากเหตุผลว่าอาหารเป็นเรื่องราวที่ผู้คนสนใจเป็นธรรมชาติอยู่ในตัวแล้ว สาเหตุส่วนหนึ่งที่ได้รับความนิยมคือเอาเข้าจริงคนดูก็แทบจะไม่สามารถทำอาหารแบบที่เห็นในรายการทีวีได้เลย
แค่วัตถุดิบหรือเครื่องปรุงที่พิธีกรหรือเชฟมาทำให้เห็น ก็กองพะเนินเต็มโต๊ะ ซึ่งในชีวิตจริงในคอนโดมิเนียมไม่กี่ตารางเมตรทำไม่ได้เลย จึงเป็นเพียงความฝันที่อยากทำอาหารเป็น จึงดูรายการไปด้วยความสนุกไม่ต่างจากพล็อตละครหลายเรื่องที่ขายความฝันของคน ชีวิตจริงไม่มีทางเกิดขึ้น แต่คนดูทั้งประเทศ
สิ่งที่ตามมาคือ ทุกวันนี้อาชีพ เชฟ หรือบรรดาแม่ครัวหัวป่า กำลังกลายเป็นอาชีพราคาแพง
ยิ่งเกิดร้านอาหารมากมาย ยิ่งตามล่าหรือปั่นค่าตัวเชฟขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะร้านอาหาร แม้จะแต่งให้แสนฮิปแสนเก๋อย่างใดก็ตาม แต่หากรสชาติอาหารห่วยแตก ก็คงขาดเสน่ห์ที่จะเรียกลูกค้าเข้าร้านได้
อย่าลืมว่า พอมีเงินมีทอง ความสุขอันสัมผัสได้เร็วสุด คือการได้ทานอาหารอร่อย ๆ นอกบ้านหรือตามไปกินร้านอาหารชื่อดังให้ครบก่อนตาย
ไม่ต้องเชื่อ แต่ลองสังเกตดูคนรอบ ๆ ตัวครับ
กรุงเทพธุรกิจ 19 พย.58
Comments
อยากแสดงความเห็นในฐานะคนไม่ชอบทำอาหาร แต่ชอบทานของอร่อย ว่าการดูรายการทำอาหาร ก็เหมือนการดูละคร ฟังเพลงหรือการดูภาพวาดสวยๆ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องทำอาหารเป็น ร้องเพลงก็ไม่เพราะ วาดรูปหรือถ่ายภาพก็ไม่เป็น แต่มันได่ความสุข ความรู้ในสิ่งที่เรากินเข้าไป เพิ่มอรรถรสให้การกินอาหารขึ้นมาก ความสุขของการกินอ่หารไม่ได้อยู่ที่เราได้ทำเองหรืออาหารอร่อย หรือเจ้าดังคนนิยม หากอยู่ที่เวลาเราไปกิน ได้เดินทาง สนุกกับการหาร้าน เสพความสวยในการตกแต่งร้าน ไอเดียของอาหารเหมือนการไปเที่ยวสถานที่เราไม่เคยไป