หากมีเวลาว่าง ผู้เขียนชอบเดินป่า ขึ้นเขา เป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว ยิ่งหากมีโอกาสไปเมืองนอกทีไร การเดินป่า เดินขึ้นเขาเป็นเรื่องปฏิบัติมากกว่าเดินเที่ยวชมเมืองเสียอีก
มีคนถามบ่อยครั้งว่าเดินป่าขึ้นเขาได้อะไร
ทรมานสังขาร เหนื่อย เหงื่อออก แดดก็ร้อน ผิวก็หมอง
ผู้เขียนลองสังเกตดู ปกติระยะทางเดินป่าจะประมาณวันละสิบกว่ากิโลเมตร ไม่ต่างจากเราเดินชอปปิ้ง เที่ยวเล่นในเมือง หรือตามศูนย์การค้า ระยะการเดินทางใกล้เคียงกัน
แน่นอนว่า การเดินป่า อาจจะต้องเตรียมพร้อมมากกว่าการเดินในเมือง ไม่ว่าจะเป็นน้ำ อาหาร เสื้อผ้าที่จำเป็น ฯลฯ
แต่คิดว่าได้อะไรต่างกันเยอะ
สิ่งแรกคือ ฝึกสมาธิ
การเดินในป่า หรือขึ้นเขา เราเหยียบย่ำลงไปบนพื้นดิน แผ่นหินขรุขระ ไม่ราบเรียบ บางครั้งเดินลง ข้ามลำธาร บางครั้งเดินขึ้น บางทีต้องป่ายปีน ไปจนถึงต้องทรงตัวบนสะพานไม้ หนทางไม่ได้สะดวก อาจลื่นหกล้มหรือข้อเท้าพลิกได้ การมีสมาธิเป็นเรื่องจำเป็นพอควร
แต่เชื่อเหอะว่า ยิ่งเดินจะรู้สึกสนุกและมีความสุขเสมอ
และเราจะกลายเป็นคนช่างสังเกต โดยสัญชาตญาณเวลาเดินป่า เราจะมองต่ำสังเกตทางเดิน มองไปข้างหน้า และแหงนหน้ามองท้องฟ้าเป็นระยะ
สายตาเราจะคอยมองอะไรรอบ ๆ ตัวเสมอ ยิ่งมองก็จะยิ่งเห็นรายละเอียดต่าง ๆ รอบตัวโดยไม่รู้ตัว .
เริ่มเห็นรายละเอียดของสีก้อนหิน สีดินตามพื้นรายทางว่ามีหลากหลายสี มองเห็นต้นไม้เล็กๆ ไปจนถึงต้นไม้ใหญ่ว่ามีรูปทรงต่างกัน เริ่มสนใจว่าทำไมใบไม้จึงมีหลากหลายชนิดเหลือเกิน เช่นเดียวกัน เมื่อแหงนหน้าดูก้อนเมฆก็จะพบว่า มีทั้งเป็นกลุ่มก้อน และเล็กราวขนนก
เมื่อเห็นอะไรมากขึ้น ก็จะเริ่มสนุกกับการตั้งคำถามว่า ทำไม
เมื่อสังเกตมาก จะเห็นว่าธรรมชาติสร้าง form และ function ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ เราจะสนุกกับคำถาม
อยากค้นหาคำตอบว่า ทำไมต้นไม้ชนิดนี้จึงมีใบหน้าตาแบบนี้ ทำหน้าที่แตกต่างจากต้นอื่น
ยิ่งเดินมากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตั้งแต่ก้อนเมฆ ดอกไม้ผลิใบ ป่าเปลี่ยนสี ยิ่งเห็นความเป็นอนิจจังมากขึ้น
เห็นการเปลี่ยนแปลงรอบ ๆ ตัวเราตลอดเวลา
เวลาเราเดินป่ากันหลายคน ตอนแรกก็จะเดินไปด้วยกัน แต่พอเดินไปนาน ๆ แต่ละคนจะมีจังหวะก้าวของตนเอง
ทุกคนจะทิ้งระยะห่างกันตามธรรมชาติ บางทีดูเหมือนเดินคนเดียว แต่จะได้อยู่กับความเงียบ มีแค่เสียงนก เสียงลม
และยิ่งเงียบสงบมากเพียงใด เรายิ่งจะได้ยินเสียงด้านในของเรามากขึ้น มีสติได้ไตร่ตรอง นึกทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ
สำหรับคนที่เบื่อความซ้ำซากของชีวิต หากได้มาลองเดินป่าบนเส้นทางใหม่ ๆ เราจะไม่รู้เลยว่าจะเจออะไรข้างหน้า ความตื่นเต้นปรากฎแน่นอน สภาพแวดล้อมสองข้างทางเปลี่ยนแปลงให้เห็นตลอด หากเราเป็นคนช่างสังเกต แต่พึงตระหนักว่า แบกเป้ เดินเข้าป่า ชีวิตไม่สะดวกสบายแน่ ทั้งการเดินทาง อาหาร นอนหลับ ขับถ่าย
แต่การกลับไปสู่ธรรมชาติ จะทำให้ตัวตนแท้จริงของเราเผยโฉมออกมาให้คนอื่นเห็น
สุดท้าย ยิ่งเข้าป่า ยิ่งเดินทางมาก จะเห็นว่าตัวตนยิ่งเล็กลง. เพราะมีหลายอย่างให้เรียนรู้ตลอดเวลาไม่รู้จบสิ้น สิ่งที่ตัวตนอย่างเราคิดว่ารู้มากมาย เอาเข้าจริงแล้ว เป็นความรู้แค่หางอึ่ง ธรรมชาติยิ่งใหญ่กว่าตัวตนเรามาก เดินป่าบ่อย ๆ จึงเป็นยาละลายอีโก้ได้ดีแท้
ปีหนึ่งเดินป่าสักครั้ง ลำบากหน่อย มันช่วยเยียวยาจิตใจ และคุณจะติดใจไม่รู้ตัว
เชื่อเถอะ ทุกครั้งที่เข้าป่า มีความทรงจำกลับออกมาเสมอ
กรุงเทพธุรกิจ 26 เม.ษ.2561
ภาพประกอบ
- Men trekking in nature จาก Freepik