เพื่อนสมัยนักเรียนคนหนึ่งแวะมาหาที่บ้าน หลังจากถามไถ่ทุกข์สุขกันแล้ว ผมถามด้วยความแปลกใจว่า ทำไมวันนี้ว่าง เพราะที่ผ่านมาเพื่อนคนนี้เป็นนักธุรกิจชื่อดัง มีงานยุ่งตลอดเวลา พรรคพวกนัดกันไม่เคยโผล่หน้าไปเลยตลอดเวลาสิบกว่าปี
เพื่อนบอกว่า ปีที่ผ่านมางานลดลงตามสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้วันหยุดมีเวลาอยู่กับลูกเมีย อยู่กับบ้านมากขึ้น แต่เอาเข้าจริง เพื่อนสารภาพว่า อยู่บ้านนาน ๆ มันว่างมาก ไม่รู้จะทำอะไรดี ชักเริ่มเบื่อ ๆ
พาลูกเมียไปดูหนัง ฟังเพลง ก็แล้ว ไปชอปปิ้งก็แล้ว กินข้าวนอกบ้านก็แล้ว ขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดก็ทำแล้ว แต่พอทำบ่อย ๆก็เบื่ออีก เลยแวะมาขอเหล้าเพื่อนกิน แต่กินบ่อย ๆก็คงเบื่ออีก
ผมบอกว่ามึงไม่ใช่รายแรกที่มาบ่นให้ฟัง เพราะตอนนี้เพื่อนหลายคนเริ่มมีปัญหาว่าไม่รู้จะทำอะไรตอนวันหยุด โดยเฉพาะคนที่เป็นพวกทำงานหนัก ทุ่มเทให้กับบริษัทได้ทั้งวันทั้งคืน อยู่ว่างไม่เป็น แต่พอบทจะว่างขึ้นมา งานลดลง กลับมาถึงบ้านก็ไปไม่เป็นเลย ไม่รู้จะทำอะไร โดยเฉพาะวันหยุด
ผมบอกว่า มึงยังโชคดีที่มีครอบครัว มีลูกที่ต้องคอยดูแล แต่สำหรับคนที่ไม่ได้แต่งงาน ใช้ชีวิตโสด เวลาว่าง ๆดูจะเบื่อและเหงามาก เพราะไม่รู้จะทำอะไร
เคยสังเกตไหมครับว่า เวลาที่พวกเรากรอกแบบสอบถามต่าง ๆ ที่ถามว่า งานอดิเรกทำอะไร ส่วนใหญ่จะเขียนว่า ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ ท่องเที่ยว หรือเล่นกีฬา
คนไทยจำนวนมากโดยเฉพาะคนชั้นกลาง มักไม่สนใจที่จะหางานอดิเรก หรือที่ฝรั่งเรียกว่า hobby มาทำยามว่าง
เพื่อนถามว่างานอดิเรกของไทยกับฝรั่งแตกต่างกันตรงไหน
ผมบอกว่า คนไทยมักสนใจงานอดิเรกเพื่อความบันเทิงใจ เพื่อผ่อนคลาย อาทิ ดูหนัง ฟังเพลง แบบชิว ๆ ไม่ต้องจริงจัง แต่งานอดิเรกของฝรั่งนั้น เขาทำด้วยความหลงใหลในเสน่ห์ของมัน อาทิ หากจะฟังเพลง ก็อาจจะสนใจเพลงยุค 70 และเรียนรู้กับมันจริง ๆ หากจะหัดเล่นกีตาร์ ก็ฝึกฝนอย่างจริงจัง หากจะเรียนปั้นเซรามิค หรือหัดวาดรูป ก็ฝึกหัดด้วยความหลงใหลในความงามของงานศิลปะนั้น ๆ จนสามารถสร้างงานศิลปะได้ดี
บางคนทำสวน ปลูกต้นไม้ด้วยความรักจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องต้นไม้ บางคนชอบงานไม้จนสามารถต่อตู้ไม้ ทำม้านั่งเก๋ ๆ เป็นของกำนัลให้กับเพื่อนได้ บางคนสนใจสะสมนาฬิกาเก่าจนกลายเป็นกูรูชื่อดัง
ผมบอกว่า เพื่อนผมอีกหลายคนมีงานอดิเรกที่น่าสนใจ บางคนเป็นนักเล่นบอนไซตัวยง บางคนเป็นนักดูนกอันดับต้น ๆของประเทศ บางคนเป่าแซกโซโฟนได้ดีกว่านักดนตรีอาชีพ บางคนหลงใหลในการท่องจักรวาลดูดาวแทบทุกค่ำคืนยามท้องฟ้ามืดมิด
ผมเคยท่องเว็บเข้าไปหาโน้ตเพลงสากลเพื่อดาวน์โหลด ไปเจอเว็บไซต์อันหนึ่ง เป็นชุมชนของนักดนตรีสมัครเล่นทั่วโลกที่สามารถแต่งเพลงคลาสสิกได้ไพเราะยิ่ง และแลกเปลี่ยนโน้ตเพลงกันแบบฟรี ๆ ดูหน้าตาของนักแต่งเพลงสมัครเล่นเหล่านี้ มีตั้งแต่เด็กวัยรุ่น14-15 ปี ไปจนถึงคนสูงอายุวัย 70-80 ปี ทั้งหมดใช้เวลาว่างจากงานประจำมาแต่งเพลงสนุก ๆ กัน
คนเหล่านี้มีความหลงใหล มีความรักในงานอดิเรกที่ตัวเองทำ ตั้งใจศึกษา เรียนรู้สิ่งนั้น ๆ และลงมือทำงานเหล่านั้นอย่างประณีต อาจจะมากกว่างานประจำเสียอีก เพราะทำด้วยความรัก ว่างทีไรก็วิ่งไปหาคนรักเหล่านี้ มีความสุขทุกที คลายเครียดได้อย่างดี
คนเหล่านี้จึงมีแรงจูงใจที่อยากทำอะไรในช่วงวันหยุด ไม่เหงา ไม่เบื่อ ไม่เดียวดาย
มีคนตั้งข้อสังเกตว่า เวลาว่างของคนไทยจำนวนมากมักหมดไปกับการบริโภค ซึ่งทำได้ง่าย ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง เดินชอปปิ้ง หรือกินข้าวนอกบ้าน จนทำให้คนไทยในเมืองกลายเป็นชาติที่กินอาหารนอกบ้านติดอันดับโลกทีเดียว แต่ทำไปบ่อย ๆ ความเบื่อหน่ายจะเดินตามหา
ขณะที่งานยามว่างของคนอีกกลุ่ม คือการหลงใหลบางสิ่งบางอย่างที่ได้ทำอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นความสุขที่ได้สร้างมันขึ้นมา
เพื่อนบอกว่า อันที่จริงก็อยากจะกลับไปเล่นดนตรีอีกครั้ง อยากกลับไปปลูกต้นไม้ หรือปั่นจักรยานกับเพื่อนฝูง แต่เอาเข้าจริงก็ขี้เกียจ หรือ คิดว่าตัวเองแก่เกินไปที่จะไปเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ
ผมบอกว่า ทุกวันนี้ผมยังไปเรียนไวโอลินมีเพื่อนร่วมชั้นเป็นเด็กวัย 7 ขวบ ไม่รู้สึกเคอะเขินอะไร แต่หลงใหลกับเสน่ห์เสียงไวโอลินมากขึ้นเรื่อย ๆ
ก้าวไปให้พ้นอุปสรรคเหล่านี้ แล้วจะรู้ว่า งานอดิเรกทุกอย่างเริ่มต้นใหม่ได้หมด และเมื่อเราหลงใหลมันจริง ๆแล้ว จะพบว่างานอดิเรกเหล่านี้คือที่พักพิงอย่างดีสำหรับคนขี้เบื่อ คนขี้เหงา
เป็นคนรักหน้าใหม่ ที่คุณจะอุทิศเวลาให้จนถอนตัวไม่ขึ้นจริง ๆ ขอบอก
Comments
นึกไม่ออกเลยฮะ ว่าในชีวิตเคยมีงานอดิเรกอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง ปกติก็ดูหนังฟังเพลงไปตามปกติเองอ่ะฮะ แต่ก็มักจะได้อะไรจากการดูหนังบทดีดีอยู่ไม่น้อย โชคดีที่เป็นคนโสดที่ไม่ขี้เหงา 555 (ถ้าขี้เหงาก็คงไม่อยู่มาได้จนจะเลี้ยวเข้าหลักสี่นี่แว้วว)
เห็นงานอดิเรกของพี่จอบซึ่งมีเพื่อนร่วมชั้นเป็นเด็กน้อยวัย 7 ขวบแล้วก็ให้รู้สึกอิจฉา หลานชายมุก 5 ขวบ กำลังเรียนเปียโน ท่าทางจะชอบ เพราะเห็นสนใจดี แต่มุกไม่ชอบ ไม่เช่นนั้นอาจจะหาเวลาไปนั่งเรียนด้วยเป็นเพื่อนกัน 😉
ฮืมม ที่จริง หาครูสอนขลุ่ยดีกว่า ชอบฟังเสียงขลุ่ยจังฮะ ถ้าเป่าได้เองก็คงเป็นเพื่อนเดินทางกันไปได้ตลอดเลยนะฮะ พกพาก็สะดวกด้วย …
ชอบเอนทรี่พี่จอบอันนี้จัง มีการบ้านให้คิดสำหรับตัวเองในอนาคตแล้วล่ะฮะ… 😀
Job in life has two parts.
One is profession (ex.Work)which mostly feeds your body.
The other is private (ex.Hobby) which completely feeds your MIND.
อ่านเรื่องพี่จอบแล้วได้ข้อคิดดีดีทุกทีเลย