สองสามปีที่ผ่านมาผมสังเกตว่าในกรุงเทพมหานคร มีคนขี่จักรยานตามท้องถนนกันมากขึ้น
พรรคพวกตามต่างจังหวัดก็เคยเล่าสู่กันฟังว่ามีคนขี่จักรยานเพิ่มขึ้น ในที่ทำงานของผมเอง มีพนักงานขี่จักรยานจากบ้านมาบริษัทร่วมสิบคน
พนักงานส่งเอกสารคนหนึ่ง เคยขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน แต่ปัจจุบันจอดรถไว้ที่ทำงานเพราะสู้ราคาน้ำมันไม่ไหว และใช้จักรยานเป็นพาหนะถีบไปเช้าเย็นกลับวันละประมาณ ๓๐ กิโลเมตร บอกกับผมว่าพอเปลี่ยนมาขี่จักรยาน ทุกวันนี้ประหยัดเงินค่าน้ำมันได้เดือนละ ๒-๓ พันบาท
และสิ่งที่ตามมาคือนิสัยเปลี่ยน จากเดิมเป็นคนใจร้อนและเป็นนักซิ่งตัวยง เวลาขับรถจะขับด้วยความเร็วและคิดถึงที่หมายอย่างเดียว ไม่เคยสนใจอะไรรอบ ๆ ข้างเลย แต่พอหันมาถีบจักรยาน สังเกตว่านิสัยใจคอเปลี่ยนไป กลายเป็นคนใจเย็น เวลาคนข้ามถนนตรงทางม้าลาย ก็จะหยุดให้คนเดินข้ามไปก่อน ทั้งๆที่สมัยก่อนไม่เคยคิดจะทำเวลาถีบจักรยานกลับบ้าน ก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าระหว่างทางมีสิ่งเล็ก ๆตามข้างทางให้เห็นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร วัด สวนดอกไม้ จากที่ไม่เคยใส่ใจมาก่อน
ผมจำได้ว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อน คนเล่นจักรยานมักนิยมซื้อจักรยานเมดอินเจแปน เพราะมีรูปทรงคลาสสิก วัสดุทนทานแข็งแรง ตอนนั้นมีการนำเข้าจักรยานมือสองจากญี่ปุ่นมาขายในกรุงเทพฯ ราคาประมาณคันละพันกว่าบาท มีร้านเปิดสองสามร้าน แต่ปัจจุบันมีการนำเข้าจักรยานมือสองจากญี่ปุ่นอย่างเป็นล่ำเป็นสัน มีร้านค้าหลายสิบแห่ง และราคาขึ้นสูงหลายเท่าตัว ในขณะเดียวกันบรรดารถจักรยานมือหนึ่งมียี่ห้อก็มียอดขายสูงขึ้น รวมไปถึงจักรยานเมดอินไทยแลนด์ก็มีออเดอร์ล่วงหน้ากันทุกโรงงาน
คนเหล่านี้อาจจะใส่ใจในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้คนหันมาขี่จักรยานกันมาก คือค่าน้ำมันมหาโหดจนจ่ายไม่ไหว
คนเหล่านี้ไม่ได้ขี่จักรยานเล่น ๆ แบบขี่จักรยานไปเที่ยวเล่น แต่พวกเขาขี่จริงจัง ไม่ต่างจากการเดินทางไปทำงานด้วยรถเมล์ หรือรถส่วนตัว
ผมเชื่อว่ายังมีกลุ่มคนจำนวนมากที่อยากจะขี่จักรยานมาทำงาน มาเรียนหนังสือ แต่หลักประกันสำคัญคือ ทางจักรยานที่ปลอดภัย ไม่ต้องบาดเจ็บ หรือตายอย่างโง่ ๆ เพราะถูกรถชน
เนเธอร์แลนด์ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ของคนขี่จักรยาน เป็นประเทศที่มีจำนวนจักรยานพอ ๆกับจำนวนประชากรคือประมาณ 17 ล้านคัน และแต่ละปีปริมาณรถจักรยานบนท้องถนนก็เพิ่มมากขึ้น ไปที่ไหนก็มีแต่คนขี่จักรยาน คนที่นั่นอาศัยการเดินทางจากระบบขนส่งมวลชน รถจักรยาน ส่วนรถเก๋งส่วนตัวนั้น เป็นของฟุ่มเฟือย เพราะราคาและภาษีรถแพงมาก
ขณะเดียวกันรัฐบาลก็สร้างทางจักรยานอย่างดี ปลอดภัย ออกแบบทางจักรยานให้สามารถเชื่อมต่อกันได้ ไม่ใช่มีแค่ตีเส้นแถบสีบนฟุตบาท หรือทางจักรยานสีเขียวริมถนนบางสายกลายเป็นที่จอดรถอย่างในกทม.
ผลที่ตามมาคือ เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีอากาศดีแห่งหนึ่ง ไม่มีปัญหาการจราจรติดขัด สุขภาพจิตของผู้คนก็ดีขึ้น และอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เป็นดินแดนของคนอายุยืน เป็นประเทศที่มีจำนวนคนสูงอายุมากที่สุดในโลก
ในกรุงลอนดอนซึ่งทางการพยายามสร้างแรงจูงใจให้ รถจักรยานเป็นทางเลือกในการคมนาคม เมื่อเร็ว ๆนี้ ได้ออกกฎว่า หากใครจะขับรถยนต์เข้าไปย่านกลางเมือง จะต้องเสียค่าผ่านทางราคาแพง ผลคือทำให้ปริมาณรถยนต์ลดลง และปริมาณรถจักรยานเพิ่มขึ้น
ลองนึกดูว่า หากรถในกรุงเทพมหานครที่มีอยู่เกือบหกล้านคัน หายไปสักสามล้านคัน และเปลี่ยนมาเป็นรถจักรยานแทน การคมนาคมจะคล่องตัวเพียงใด แต่แน่นอนว่าตอนนั้นคงต้องมีทางจักรยานที่ปลอดภัยและสามารถเชื่อมต่อกันได้
การทำให้จักรยานเป็นทางเลือกสำคัญในการเดินทาง เป็นเทรนด์ใหม่ของประเทศที่เจริญแล้ว เพราะจักรยานได้พิสูจน์แล้วว่า เป็นทางออกของการแก้ปัญหาหลายอย่างในโลกปัจจุบัน คือการจราจร ลดควันพิษ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ ลดปัญหาโลกร้อน ลดการสูญเสียเงินตราออกนอกประเทศจากน้ำมัน และยังได้สุขภาพที่แข็งแรงกลับคืนมา
ผมเชื่อว่าทุกวันนี้มีคนนับล้านคนที่อยากขี่จักรยานในชีวิตประจำวัน เพียงแต่ว่า พวกเขารอทางจักรยานที่ปลอดภัย และรัฐบาลให้ความสนใจเรื่องนี้อย่างจริงจังจนอาจหยิบเป็นวาระแห่งชาติ
การทำให้จักรยานเป็นทางเลือกสำคัญในการคมนาคม ไม่ต่างจากรถส่วนบุคคล รถเมล์ หรือรถไฟฟ้า อาจจะเป็นนโยบายสำคัญของพรรคการเมืองในอนาคต และน่าจะได้รับเสียงสนับสนุนมาก
อยู่ที่ว่าพรรคการเมืองใดจะมีกึ๋นมากกว่ากัน
กรุงเทพธุรกิจ 21 มกราคม 2552
Comments
เป็นแนวกรีนของคนเมือง แต่เป็นความลำบากของคนชนบท ที่ต้องใช้ระยะไกล ต้องบรรทุกของ ผลิตผลการเกษตร
อาจต้องคำนึงถึงสภาพอากาศที่ต่างกันด้วยหรือเปล่าครับ ทางนั้นเป็นประเทศเมืองหนาวการขี่จักรยานหรือเดินจึงเป็นเรื่องปรกติ เมืองไทยอากาศร้อนกับร้อนมากเผลอสักพักก็เหงื่อท่วมแล้วครับ
รู้สึกสงสารปอด ถ้าต้องถีบจักรยานในกรุงเทพฯ ทุกวัน
ปอดคงต้องแช่อยู่ในควันรถนานขึ้น
และความเสี่ยงที่จะถูกรถยนต์ รถเมล์ มอไซค์บี้ ก็มีมากขึ้นเห็นๆ
นี่พูดอย่างคนรักจักรยานนะ เคยถีบรถไปเรียน ไปทำงาน
เคยถีบข้ามภาค ข้ามประเทศมาแล้ว แต่ถ้าจะให้ถีบจริงจังในกรุงเทพฯ
ไ่ม่เสี่ยงดีกว่า ชีวิตและสุขภาพของเรามีค่ามากกว่านั้น 😉
ผมว่าเรื่องสภาพอากาศเป็นเรื่องสำคัญนะครับ ที่เห็นญี่ปุ่นใช้จักรยานกันมากสาเหตุหลักก็คงมาจากอากาศที่หนาวเย็น ปั่นจักรยานก้ไม่ร้อนเหงื่อซก แถมยังได้อบอุ่นร่างกายด้วย ลองมาปั่นที่เมืองไทยกว่าจะปั่นถึงที่ทำงานคงต้องได้อาบน้ำที่ที่ทำงานอีกรอบ แต่หากจะมีทางจักรยานในไทยจริง ก็ดีนะครับ แต่ควรทำร่มเงาแบบซุ้มต้นไม้ไปตลอดเส้นทางก็จะดี
ขอยืมนโยบาย London slow down มาลองใช้ดูก่อน