ต้นไม้ใหญ่กลางกรุง ใกล้สูญพันธุ์

ต้นก้ามปูขนาดใหญ่ที่เห็นในรูปนี้ ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 35 พร้อมกับต้นไม้ใหญ่อายุประมาณห้าสิบปีขึ้นไปอีกหลายสิบต้นบนพื้นที่ประมาณสองสามไร่

หากมองจากสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ เราจะเห็นกลุ่มต้นไม้ใหญ่ให้ร่มไม้สีเขียวครึ้มราวกับสวนสาธารณะใจกลางกรุง ทำหน้าที่ผลิตออกซิเจน ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ฟอกปอดให้คนกรุงได้มีอกาศบริสุทธ์อย่างซื่อสัตย์มาช้านาน

เกือบสิบปีที่ผ่านมา หลังการเปิดตัวของห้างสรรพสินค้าระดับหรูย่านนั้น อันเป็นแหล่งรวมแฟชั่น แบรนด์ดังระดับโลก ทำให้การจราจรถนนเส้นสุขุมวิทละแวกนั้นแทบจะเป็นอัมพาต สาเหตุมาจาก รถที่เข้าออกห้าง รถแท็กซี่จอดแช่รับผู้โดยสาร ทำให้รถติดตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน ยิ่งวันหยุดเสาร์อาทิตย์การจราจรเกือบจะตายสนิท  อากาศบริเวณนี้ถือได้ว่าใกล้จุดวิกฤตเต็มที

น่าแปลกใจที่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ไม่มีใครกล้าการออกกฎหมายเก็บภาษีตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดมลภาวะรถติด อากาศเป็นพิษ  ตามหลักการที่ว่า ใครมีส่วนในการทำลายสิ่งแวดล้อมมากก็ต้องเสียภาษีสิ่งแวดล้อมมาก เพื่อนำเงินเหล่านี้ไปแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมต่อไป อาทิ การปลูกต้นไม้ หาพื้นที่สีเขียวทำสวนสาธารณะเพื่อสร้างออกซิเจนให้กับชาวกรุง

อันที่จริงต้องยอมรับว่าต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่ตามตรอกซอกซอย หรือในสวนหลังบ้านนั้น ล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยทำให้คนกรุงได้ตื่นขึ้นมาสัมผัสกับความสดชื่นของสีเขียวอันน้อยนิด และฟอกปอดให้กับคนกรุงมาอย่างเงียบ ๆ  ชดเชยกับสวนสาธารณะที่หายากเต็มที

แต่เมื่อราคาที่ดินในกรุงติดจรวดพุ่งกระฉูดตามความต้องการและการเก็งกำไร บ้านใครที่เคยมีพื้นที่สีเขียวปลูกต้นไม้ใหญ่ ก็ค่อย ๆ หายไปถูกเปลี่ยนมือ เปลี่ยนเจ้าของจากความเย้ายวนของตัวเลขราคาที่ดิน และถูกแทนที่ด้วยคอนโดมีเนียมห้าดาว  อาคารสูงและห้างสรรพสินค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ

ต้นไม้ขนาดใหญ่ในเมืองกรุงถูกตัด ถูกโค่นออกไปเรื่อย ๆ ไม่เหลือคุณค่าใด ๆ ที่จะต้องเก็บรักษา  สวนทางกับกระแสรณรงค์ให้ปลูกต้นไม้ลดโลกร้อน หรือซีเอสอาร์ของบริษัทยักษ์ใหญ่

ทุกวันนี้เราพบแต่แคมเปญของบริษัทหลายแห่ง ชวนเชิญให้ปลูกแค่กล้าไม้  แต่ไม่มีบริษัทใดกล้าแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยการรณรงค์ขอความร่วมมือไม่ตัดต้นไม้ขนาดใหญ่ในเมือง หรือใจป้ำพอที่จะซื้อที่มาทำเป็นสวนสาธารณะ

ล่าสุดต้นก้ามปูใหญ่และกลุ่มต้นไม้ใหญ่ปากซอยสุขุมวิท 35  คือเหยื่อชิ้นใหม่ของการพัฒนาที่ดิน เมื่อมีข่าวว่าบ้านและที่ดินบริเวณดังกล่าวได้ถูกขายให้กับนายทุนรายใหญ่ เพื่อสร้างเป็นศูนย์การค้าทันสมัยหรูหราที่สุดติดแอร์เย็นฉ่ำกลางกรุง

เร็ว ๆนี้คงมีการรื้อถอนบ้านและโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่ออก เพื่อก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่

ต้นไม้สีเขียวที่เคยให้ความร่มเย็น ผลิตอากาศบริสุทธิ์แก่คนแถบนั้นมาช้านาน กำลังถูกแทนด้วยฝุ่นละออง  กำแพงคอนกรีต ลมร้อนจากท่อแอร์ยักษ์ และเสียงนกนานาชนิด กำลังถูกแทนที่ด้วยเสียงดังสนั่นจากเครื่องจักร และเสียงตอกเสาเข็ม

สมาชิกเฟสบุ๊ครายหนึง่ได้โพสต์ข้อความว่า

“ก้ามปูใหญ่ต้นนี้ และเพื่อนๆ อีกหลายต้นที่อยู่ในซอยสุขุมวิท 35 กำลังจะถูกตัดโค่นทั้งหมด เพื่อเตรียมที่สำหรับสร้างตึกใหญ่ นับเป็นการสูญเสียญาติผู้ใหญ่อีกครอบครัวหนึ่งที่ทำหน้าที่สร้างอากาศสดชื่น ให้ผู้คนมานาน นึกๆ ดูก็เหมือนกับว่าอยู่ดีๆ คนเราก็เอามือบีบจมูกตัวเองให้หายใจกัน”..

เราทุกคนได้แต่มองตากันปริบ ๆ เพราะถือเป็นความชอบธรรมตามกฎหมายของบ้านเรา  เจ้าของที่ดินสามารถจะทำอะไรก็ได้ ในที่ดินของตัวเอง จะตัด จะโค่นต้นไม้ใหญ่ก็ไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด

ขณะที่หลายประเทศในยุโรป แคนาดา และบางรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกกฎหมายก้าวหน้า มีบทบัญญัติไว้ว่า “ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีอายุนานแม้ว่าจะขึ้นในที่ดินของเอกชน แต่ถือว่าเป็นสมบัติของสาธารณะ เพราะถือว่าต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ผลิตอากาศแก่คนส่วนรวม หากเจ้าของที่ดินจะมีการรื้อถอน หรือปรับปรุงต้องได้รับความเห็นชอบจากประชาคมบริเวณนั้นด้วย เพราะการตัดต้นไม้ใหญ่สร้างผลกระทบต่อชุมชนโดยรวม”

เพื่อนอเมริกันชาวเมืองซีแอตเติ้ล ซึ่งถือเป็นเมืองสีเขียว เมืองน่าอยู่อันดับต้น ๆ ของโลก เล่าให้ฟังว่า ในบ้านมีต้นไม้หลายต้น การตัดต้นไม้ต้องขออนุญาตทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ามีความจำเป็นเพียงใด หากเป็นต้นไม้ใหญ่ต้องทำประชาพิจารณ์จากคนแถวนั้นด้วยว่าอนุญาตหรือไม่

“ใครแอบตัดต้นไม้ใหญ่ในบ้านตัวเอง หากมีคนพบเห็นไปแจ้งความตำรวจ  ถือเป็นเรื่องใหญ่โดนทั้งปรับทั้งจำ เพราะเขาถือว่าทำผิดกฎหมายที่บัญญัติว่า ประชาชนมีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ”

แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ ใครจะตัดต้นไม้ในบ้านต้องขออนุญาตจากทางการก่อน

ต้นไม้ใหญ่แม้จะขึ้นในเมืองหรือขึ้นในป่าจึงมีค่ามากพอที่ทุกคนจะต้องช่วยกันรักษา

น่าแปลกใจสำหรับเมืองไทย ต้นไม้ใหญ่ดูจะมีค่ามากเมื่ออยู่ในป่า ใครตัดไม้ทำลายป่าถือเป็นผู้ร้ายสำคัญ แต่ต้นไม้ใหญ่ในเมืองใครจะย่ำยีข่มเหง ตัดฟันอย่างไรก็ได้ ถือว่าไม่มีมูลค่าหรือค่างวดใด ๆ

น่าเสียดายที่ไม่มีงานวิจัยจากนักเศรษฐศาสตร์ที่บอกว่า มูลค่าของต้นไม้ใหญ่ในเมืองที่ช่วยฟอกอากาศ ลดความร้อน ซับคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มออกซิเจน คิดเป็นเงินตราแล้วจะมหาศาลเพียงใด

ที่ผ่านมา รัฐก็ไม่สนใจ ทั้ง กทม.ก็ไม่เดือดร้อน หรือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เก่งทำซีเอสอาร์ ก็ไม่มีวิสัยทัศน์พอที่จะลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่ซื้อที่ดินเหล่านี้มาทำสวนสาธารณะกลางเมือง

ถึงเวลาแล้วครับที่เราจะต้องช่วยกันรณรงค์ให้รัฐบาลออกกฎหมายคุ้มครองต้นไม้ ใครจะตัดต้นไม้ในที่ดินของตัวเอง ต้องขออนุญาตหรือให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ

ครั้งหนึ่ง คุณสืบ นาคะเสถียรเคยบอกว่า  ผมขอพูดในนามของสัตว์ป่า เพราะสัตว์ป่ามันพูดไม่ได้ แต่ต้องหลบหนีจากการไล่ล่าของมนุษย์

ต้นไม้พูดไม่ได้ หนีก็ไม่ได้ ไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่ให้ร่มเงา ให้อากาศ ให้ ความรื่นรมย์กับมนุษย์มาโดยตลอด สุดท้ายก็ถูกตัด ถูกฟันด้วยน้ำมือของมนุษย์

มีใครจะกล้าลุกขึ้นมาพูดในนามของต้นไม้บ้างไหมครับ

มติชน   12 กันยายน 2553

Comments

  1. pakamalee

    บ้านอยู่ในซอยสาทร 9 ที่ข้างบ้านถูกขายไป เจ้าของใหม่ตัดต้นไม้ทุกต้น ย้ำค่ะว่าทุกต้น แล้วปรับเป็นพื้นปูน ต้นไม้บ้านเราที่มีรากชอนไชไปยังพื้นที่บ้านเขาคงได้รับความกระทบกระเทือนจากการปรับพื้นที่ ในที่สุดต้นมะม่วงอายุกว่าสามสิบปีก็ตายลงไป

    ยังหวังว่าคุณมะม่วงจะกลับมาผลิใบอีกครั้ง เราจะไม่ถอนรากของคุณมะม่วงเป็นอันขาด
    ตอนนี้คุณมะม่วงยังยืนอยู่ แม้ว่าจะไม่มีใบ เราก็จะดูแลต่อไป

    คิดไม่ออกจริงๆว่า หัวใจของคนที่ตัดต้นไม้ใหญ่รู้สึกอย่างไร

  2. Pingback: Tweets that mention วันชัย ตัน » Blog Archive » ต้นไม้ใหญ่กลางกรุง ใกล้สูญพันธุ์ -- Topsy.com

  3. ป๋อง โป๊ยเซียน

    ใครได้เคยยืนใต้ต้นไม้ใหญ่ในวันแดดเปรี้ยงคงเข้าใจดีว่ามันร่มเย็นกว่ายืนใต้ชายคาอิฐถือปูนเป็นไหนๆ

    เสียดายเหมือนกันครับ

    ที่บ้านมีต้นไม้ที่ย้ายมาจากการต้องถูกตัดโค่นเกือบ 10 ต้น ทุกวันนี้เวลามองพวกเค้าทีไรก็ดีใจทุกครั้งที่รักษาพวกเค้าเอาไว้ได้ ทุกต้นเลยตอบแทนด้วยการแตกดอกออกใบให้ร่มเงาที่เย็นชื่นใจเวลาเรากลับถึงบ้าน

    ถึงเวลาพูดในนามของต้นไม้แล้วหล่ะครับ

  4. rakthai

    เห็นด้วย ต้องช่วยกันผลักดันให้มีการออกกฎหมายนี้ ตอนนี้กรุงเทพ ร้อนไปหมดแล้ว ต้นไม้ที่เคยเห็นมาตั้งแต่ตอนเด็ก เดี่ยวนี้แทบไม่มีเหลือ ตัดต้นไม้ ควันพิษเต็มไปหมด ไม่ต้องมาอ้างพายุใหญ่ เพราะถ้ามาจริงๆ ก็คงกวาดกันไปหมด บ้านเรือนคงไม่เหลือหรอกเพราะว่าไม่มีต้นไม้บัง ป้องกันไว้ ปรากฎการณ์ธรรมชาติที่ผิดไปไม่ใช่เพราะทำลายธรรมชาติหรือ อย่างมงายตามกระแสว่าการตัดต้นไม้ทำให้กิจการชึวิต รุ่งเรือง อย่าถูกสะกดจิตกันด้วยความเชื่อที่ไร้เหตุผล คิดดูกันให้ดีว่าเค้าตัดไม้กันไปทำไม ของมันซื้อขายกันได้นะ ยิ่งเป็นไม้ยืนต้นปลูกมาแต่โบราณ
    ระวังธรรมชาติเอาคืน ตื่นกันได้แล้ว
    ช่วยกันพูดให้คนคิด เพื่อยืดชีวิตสมดุลธรรมชาติ

  5. น้องมิว

    ปู่เคยสอนให้หนูปลูกต้นไม้ เพื่อเอาไว้พักผ่อนหย่อนหัวใจ
    ย่าเคยสอนให้หนูดูแลไว้ เพื่อต่อไปภายภาคหน้าให้ร่มเย็น
    ครูก็สอนให้หนูรักต้นไม้ อยู่เมืองใหญ่พิษมากมายให้ทุกข์เข็ญ
    ต้นไม้คือเพื่อนชีวิตไม่ซ่อนเร้น จิตใจเย็นเพราะต้นไม้ช่วยขัดเกลา
    หนูสงสารต้นไม้ในวันนี้ เพราะไม่เหมือนที่หนูเห็นเมื่อเป็นอยู่
    ลุงน้าจำหนูอยากบอกให้ได้รู้ มันเหมือนอยู่ในนรกร้อนเป็นไฟ
    หนูถามลุงทำไมตัดต้นไม้ บอกเอาไว้ให้สร้างทางรถวิ่งไง
    ฟังยังไงหนูก็ยังไม่เข้าใจ ต้นไม้ใหญ่หายไปเกือบหมดเมือง
    เคยวาดฝันว่ากรุงเทพจะร่มรี่น คนสดชื่นเพราะต้นไม้ให้เบิกบาน
    ทุกวันนี้จิตใจคนก็เริ่มร้าย เพราะไม่มีต้นไม้ฟอกใจคน
    ต้นไม้ช่วยสร้างแหล่งอากาศ ถ้าหากขาดต้นไม้ทุกแห่งหน
    อีกหน่อยพวกเราคงต้องทุกข์ทน เพราะทุกคนแย่งอากาศกันหายใจ

  6. DanceWithFox

    จิต(ที่)สำนึกดีชอบรังสรรค์สิ่งดีๆ แก้ไขสิ่งบกพร่อง แต่ส่วนใหญ่ติดค่านิยมแบบเด็กวัยรุ่นต้องก๋า เก๋า bad ๆ แอนตี้เรื่องดีๆ แล้วก็ติดเป็นนิสัยจนหัวหงอกบางคนคิดได้ บางคนได้คิด แต่อีกมากมายไม่… ต้นไม้มีคุณประโยชน์มากมายมหาศาลขนาดไหนสังเกตจากสัตว์ดูได้
    ปลูกจิตสำนึก ปลุกจิต(ให้)สำนึก หรือสร้างจิต(ให้)สำนึกอย่างยั่งยืน อย่าให้วูบวาบแบบค่านิยมชั่วขณะปัญหามากมายคงเบาบางลงเยอะ

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.