“เย็นวันหนึ่ง หลังเลิกงาน ดิฉันเดินกลับมาในอพาตเม้นท์ที่เช่าเอาไว้ในเซี่ยงไฮ้ ปรากฎว่าพอเปิดประตูเข้าไป มีชายฉกรรจ์ชาวจีนคนหนึ่งนั่งบนโซฟารออยู่ ดิฉันตกใจมากว่าเขาบุกรุกเข้าไปในห้องพักส่วนตัวได้อย่างไร
เขาเป็นผู้กว้างขวางคนหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ และมายื่นข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้ คือต้องการให้พาวิลเลียนของคนไทยเซ็นสัญญาใช้บริการรถเช่าของเขาตลอดงานเอ็กซ์โป หากไม่เลือกบริษัทของเขา จะไม่รับรองความปลอดภัยของคนไทย แน่นอนว่าราคาค่าเช่ารถแพงกว่าธรรมดามาก แต่เพื่อสวัสดิภาพของเจ้าหน้าที่คนไทยทั้งหมดที่มาทำงาน เราไม่มีทางเลี่ยง”
คำสนทนาของพนักงานสาวคนหนึ่งที่ทำงานให้กับพาวิลเลียนของไทยในงานเอ๊กซ์โป ได้ทำให้ผมหวนระลึกถึงภาพยนต์จีนโทรทัศน์อันโด่งดังเมื่อเกือบสามสิบปีก่อน “เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้” นำแสดงโดย โจว เหวิน ฟ่ะ ซึ่งเป็นเรื่องราวสะท้อนการต่อสู้กันระหว่างแก๊งมาเฟียในนครเซี่ยงไฮ้ ช่วงที่เป็นมหานครทันสมัยมีความเจริญเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ก่อนพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะยึดประเทศได้สำเร็จ
…………………………….
ตุลาคมจะเป็นเดือนสุดท้ายของการแสดงงาน”เซี่ยงไฮ้เวิลด์เอ็กซ์โป2010″ งานเวิรล์ดคลาสขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองจาก กีฬาโอลิมปิกและฟุตบอลโลก เพื่อพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ของจีน ความทันสมัยของ มหานครเซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางการค้าและการเงินของประเทศ ได้รับการขนานนามว่าเป็น “นครปารีสแห่งตะวันออก” และได้รับเลือกให้อยู่ในกลุ่มมหานครชั้นแนวหน้า หรือระดับไฮโซอันดับ 5 ของโลก รองจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. นิวยอร์ก ลอนดอน และ ปารีส
มหานคร แห่งนี้จะเป็นไฮโซจริงหรือไม่ แต่เพื่อนคนจีนบอกว่า ทุกวันนี้หากจะจีบสาวเซี่ยงไฮ้ไม่ใช่เรื่องง่าย อาตี๋ฝ่ายชายจะต้องมีพร้อมทุกอย่าง ตั้งแต่ความรู้ ความสามารถ ทรัพย์สินเงินทอง บ้าน รถยนต์ ต้องพร้อม เพื่อหลักประกันความสุข ส่วนรูปร่างหน้าตาเป็นเรื่องมาทีหลัง มิฉะนั้นสาวเซี่ยงไฮ้รุ่นใหม่ไม่สนใจ เพราะส่วนใหญ่สามารถทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้
ดูเหมือนอุดมการณ์สังคมนิยม ทำงานหนักเสียสละเพื่อส่วนรวม ถูกเก็บใส่ไว้ในลิ้นชักนานแล้ว คนเซี่ยงไฮ้ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน หาเงินสร้างอนาคตของตัวเองอย่างเดียว
ระยะทางจากสนามบินเข้าสู่เมืองประมาณสี่สิบกว่ากิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมง ยิ่งเข้าใกล้ใจกลางเมือง รถก็ค่อย ๆ คืบคลานไปอย่างช้า ๆบนไฮเวย์ ที่ขนาบข้างด้วยกลุ่มอาคารสูงเสียดฟ้านับร้อย ๆ แห่ง มีแผ่นคัทเอาท์โฆษณาขนาดยักษ์โฆษณารถยนต์หรูบนตัวอาคาร ขณะที่ตามท้องถนนรถยอดนิยมคือรถยี่ห้อโฟล์ก และรถสัญชาติจีนผลิตในประเทศ
“ปีหน้าพี่กลับมาเที่ยวเมืองเซี่ยงไฮ้ สภาพก็ไม่เหมือนตอนนี้ เพราะเซี่ยงไฮ้ มีตึกใหม่เพิ่มขึ้นทุกวัน ” ไกด์สาวนั่งคุยกับผมบนรถ
ตึกรามบ้านช่อง อาคารระฟ้าในมหานครเซี่ยงไฮ้เกิดขึ้นตลอดเวลา มีอาคารสูงขนาดตึก ๒๐-๓๐ ชั้นประมาณ ๕,๐๐๐ ตึก ทัศนียภาพเมืองเปลี่ยนแปลงทุกวัน มีการก่อสร้างไม่หยุดหย่อนทำกันทั้งวันทั้งคืน ทั้งท่าเรือ อาคาร ตัดถนนใหม่ และต้องรีบสร้างให้เสร็จทันเวลา รัฐบาลจีนได้ออกข้อบังคับว่า บริษัทรับงานก่อสร้างในมหานครนี้จะต้องสร้างตึกให้เสร็จไม่เกิน 3 ปี หรือห้ามเกินเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
หากชาวเซี่ยงไฮ้ในอดีตมาเกิดใหม่ คงต้องตกตะลึงกับสิ่งที่พบเห็นว่า จากหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ กลายเป็นมหานครตึกสูงเสียดฟ้า เป็นเมืองใหญ่ที่สุด มีประชากรหนาแน่นที่สุดในประเทศจีน คือ 20 ล้านคน
“เซี่ยงไฮ้มีต้นเมเปิลด้วยหรือ”
เรานึกแปลกใจเมื่อเห็นต้นไม้มีใบแฉกสีเขียวดูคุ้นเคย ปลูกเรียงรายอยู่ริมถนนหลายสายในย่านเก่าแก่ของฝั่งตะวันตก และได้รับคำตอบว่า ต้นเมเปิลเหล่านี้มีอายุร่วมร้อยปี ปลูกมาตั้งแต่สมัยที่ฝรั่งเศสเข้ามายึดครองเซี่ยงไฮ้ เป็นประจักษ์พยานว่า ครั้งหนึ่งเซี่ยงไฮ้เคยถูกฝรั่งแห่กันเข้ามายึดครอง
ปี 2010 ชาติจากทั่วโลกประมาณ 150 ชาติ ก็แห่กันมาเช่าพื้นที่ที่เคยเป็นโรงงานเก่า เพื่อแสดงความเป็นชาติของตัวเอง ในงานเอ็กซ์โป ภายใต้แนวคิดที่ว่า Better City Better Life
ตามประสาประเทศมหาอำนาจอันดับต้น ๆของโลก ประเทศจีนจะจัดงานระดับโลกทั้งทีต้องไม่ธรรมดา ดังนั้นเมื่อเซี่ยงไฮ้ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานเอ็กซ์โป สิ่งที่รัฐบาลจีนประกาศก็คือ จะจัดงานแสดงใจกลางมหานครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งแตกต่างจากการจัดงานเอ็กซ์โปของประเทศที่ผ่านมา ซึ่งสถานที่จัดงานจะอยู่นอกเมือง เพราะไม่สามารถหาที่ว่างนับพันไร่กลางเมืองพอที่จะจัดงานระดับโลกนี้ได้
จะหาที่ดินผืนใหญ่กลางมหานครเซี่ยงไฮ้ที่ราคาที่ดินแพงกว่าทองคำจากไหน
ผู้บริหารมหานครเซี่ยงไฮ้จึงได้เล็งเอาทำเลบริเวณสองฝั่งของแม่น้ำหวงผู่ เนื้อที่ประมาณ 1,600 ไร่ที่เคยเป็นโรงงานอุตสาหกรรมสองร้อยกว่าแห่งและชุมชนเก่าแก่ของชาว เซี่ยงไฮ้ประมาณ 1,800 ครอบครัว เป็นสถานที่จัดงานระดับโลก
“ข้อแตกต่างอันชัดเจนระหว่างประเทศประชาธิปไตยกับประเทศคอมมิวนิสต์คือ รัฐบาลคอมมิวนิสต์มีอำนาจล้นฟ้า สามารถสั่งและเนรมิตรได้ทุกอย่างจริง ๆ พวกเขาสามารถไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ไปอยู่ที่แห่งใหม่โดยใช้เวลาเพียงปี เศษ”
จีนใช้เงินถึง 4,200 ล้านดอลล่าร์ (ประมาณ 130,000 ล้านบาท)ในการจัดงานเอ็กซ์โปเซี่ยงไฮ้ มากกว่าเงินที่ใช้จัดโอลิมปิกเกมส์ที่ปักกิ่งถึงสองเท่า เพื่อทำการ รื้อโรงงาน บ้านพักอันเก่าแก่ พลิกให้กลายเป็นที่ตั้งของอาคารกว่า 250 แห่งจากประเทศ ที่เข้าร่วม 189 ประเทศ แต่สื่อมวลชนท้องถิ่นพากันรายงานว่างบประมาณจริงที่ใช้น่าจะเกือบสองล้าน ล้านบาท ซึ่งรวมถึงการตัดถนน สร้างระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆของมหานครเซี่ยงไฮ้ด้วย
เช้าวันที่เราเข้ายืนต่อแถวตรงทางเข้าเนืองแน่นไปด้วยคนจีนวันละเกือบสี่แสน คนที่มาเที่ยวชมงานจากทั่วสารทิศ เห็นที่จอดรถบัสหลายร้อยคัน จึงเข้าใจได้ว่างานเอ็กซ์โปครั้งนี้ที่เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เดือน พฤษภาคม-ตุลาคม กลุ่มเป้าหมายที่คาดกันว่าจะมีประมาณ 70 ล้านคน เกือบทั้งหมดน่าจะเป็นคนจีนในประเทศมากกว่า และตลอดงานผมสังเกตเห็นคนต่างชาติมาเที่ยวงานน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่งเมื่อสองปีก่อน คนจีนตั้งใจจะจัดให้คนต่างชาติมาร่วมงานโดยเฉพาะ
บทเรียนจากโอลิมปิกครั้งนั้นที่ถูกชาวโลกวิจารณ์ว่า มลพิษทางอากาศในกรุงปักกิ่งรุนแรงมาก ทำให้ก่อนพิธีเปิดอันยิ่งใหญ่ตระการตาของงานเอ็กซ์โปจะเริ่มต้นหนึ่งเดือน รัฐบาลจีนสั่งห้ามการก่อสร้างทุกชนิดในนครเซี่ยงไฮ้ เพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง และไม่อนุญาตให้รถกระบะ รถบรรทุกทุกชนิดแล่นเข้าสู่เมือง เพื่อลดปัญหาการจราจร
รัฐบาลเผด็จการคอมมิวนิสต์สั่งได้ทุกอย่างจริง ๆ พลเมืองมีหน้าที่ก้มหน้าก้มตาเชื่อฟังผู้ปกครองอย่างเดียว หากเป็นประเทศอื่นคงมีการปิดถนนประท้วงกันวุ่นวายแน่นอน
แต่สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลปราบปรามไม่สำเร็จคือ บรรดาผู้กว้างขวาง หรือแก๊งค์มาเฟียในเซี่ยงไฮ้ ที่มีบุคคลในเครื่องแบบหนุนหลัง เป็นที่รู้กันว่าประเทศต่าง ๆที่มาแสดงงาน จะต้องนำงบประมาณเกือบทั้งหมดมาใช้จ่ายในเซี่ยงไฮ้ด้วยราคาที่แพงกว่าปรกติ โดยทำสัญญาว่าจ้างบริษัทจีนของผู้กว้างขวางเหล่านี้ เพื่อออกแบบ ก่อสร้าง ไปจนถึงการจัดซื้อสินค้าทุกชนิด การบริการรถเช่า ไปจนถึงการจ้างยามรักษาความปลอดภัย ฯลฯ ในราคาแพงมหาโหดโดยไม่จำเป็น ด้วยเหตุผลเพื่อสวัสดิภาพและความปลอดภัย
“หลายประเทศเคยร้องเรียนไปยังรัฐบาลจีนถึงปัญหาเหล่านี้ และทางการจีนรับปากว่าจะจัดการแก้ไขปัญหา แต่สุดท้ายก็เงียบหายไป พวกเราต้องช่วยเหลือตัวเองเพื่อให้งานเสร็จ แม้ว่าจะถูกเอาเปรียบเพียงใด” เจ้าหน้าที่คนไทยคนหนึ่งบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“เขาเคยเอาปืนออกมาวางขู่ และบอกว่า ตำรวจเมืองนี้ก็ตายได้” หากเราคิดจะหวังพึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ
เบื้องหลังความเจริญกับความทันสมัย มักมีอำนาจเถื่อนและผู้กว้างขวางเป็นเพื่อนคู่คิดเสมอ
มติชน 3 ตค53
Comments
Pingback: Tweets that mention วันชัย ตัน » Blog Archive » เบื้องหลัง เซี่ยงไฮ้เวิลด์เอ็กซ์โป -- Topsy.com
เคยไปเมืองนี้เมื่อประมาณสิบปีที่แล้ว
ตอนนั้นฝั่งเมืองใหม่มีแค่หอสูงของสถานีโทรทัศน์เพียงหอเดียวและแทบไม่มีตึกสูงอยู่ใกล้เลย
เห็นภาพตอนนี้แล้วไม่นึกอยากไปเลยครับ
แต่ริมแม่น้ำฝั่งเมืองเก่าที่ยังคงสวยงดงามประทับใจมาจนวันนี้