เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชดำรัส เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ทรงห่วงใยต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ประชาชนชาวไทยกำลังประสบอยู่ในปัจจุบัน พร้อมทั้งตรัสเตือนให้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง โดยให้ถือเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องปฏิบัติ มิใช่เพียงเพื่อประเทศไทย แต่เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของโลกด้วย
ต่อมาคณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้วันที่ ๔ ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมไทย
หลายเดือนที่ผ่านมา มีข่าวปรากฎตามสื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ ต่อกรณีที่มีกลุ่มเครือข่ายใน facebook / BIGTreesProject ได้แสดงความไม่เห็นด้วยที่จะมีการตัดต้นไม้ขนาดใหญ่หลายสิบต้นที่มีอายุห้าหกสิบปี บนพื้นที่ของเอกชนประมาณร่วมสิบไร่บริเวณปากซอยสุขุมวิท ๓๕ ตรงข้ามศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม
ที่ดินดังกล่าวเดิมเป็นบ้านอยู่อาศัย มีต้นไม้เก่าแก่จำนวนมากสร้างความร่มรื่นย์ให้กับผู้คนในซอยมาโดยตลอด โดยเฉพาะต้นจามจุรีขนาดใหญ่หลายต้น หากมองลงมาจากสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์คงนึกว่าเป็นสวนสาธารณะกลางเมือง แต่เมื่อมูลค่าที่ดินได้สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะที่ดินใกล้กับรถไฟฟ้า เจ้าของที่ดินจึงกำลังพัฒนาให้กลายเป็นศูนย์การค้าแห่งใหม่ทันสมัยที่สุดในประเทศ หรือ เอ็มโพเรียมสอง และมีอาคารสำนักงานหรูหราอีกแห่ง
ทางกลุ่มคัดค้านการตัดต้นไม้ได้ประกาศว่า ไม่ได้ขัดขวางการก่อสร้างหรือการพัฒนาที่ดิน แต่จะหาทางออกในการรักษาต้นไม้อย่างไรให้ได้มากที่สุด และทางกลุ่มได้พยายามเข้าไปพูดคุยกับทางเจ้าของที่ดินและกลุ่มนักลงทุนเพื่อจะหาทางออกร่วมกันในการอนุรักษ์ต้นไม้อย่างไร ไม่ว่าการแก้ไขแบบแปลนทางสถาปัตยกรรม เพื่อลดการตัดต้นไม้ การล้อมต้นไม้เพื่อยกออกไปปลูกบนที่ดินอื่น โดยทางสำนักงานเขตวัฒนาผู้รับผิดชอบพื้นที่และตัวแทนของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ส่งคนเข้ามาร่วมพูดคุย และทางเจ้าของโครงการได้ยุติการตัดต้นไม้ชั่วคราว เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย
แต่พอช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ๔ ธันวาคม วันสิ่งแวดล้อมไทย ทางเจ้าของโครงการได้ส่งรถแทรกเตอร์หลายคัน ดาหน้าตะลุยตัดฟันต้นไม้ทั้งเล็กใหญ่เกือบหมด เครื่องจักรเคลื่อนที่สังหารสิ่งมีชีวิตที่ขวางหน้าต้นแล้วต้นเล่า ไม่สนใจและใส่ใจว่าเคยให้ร่มเงา ให้ความร่มรื่นย์ ผลิตออกซิเจน ฟอกอากาศบริสุทธิ์ให้กับผู้คนมากี่สิบปี
ใครที่เข้าไปดูคลิปวิดีโอใน facebook ที่มีคนแอบถ่ายตอนต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาออกมาทุกทิศกำลังถูกเลื่อยยนต์และรถแทรกเตอร์ตัดต้นแล้วต้นเล่า คงต้องน้ำตาซึม บางคนแสดงความเห็นว่า “มันช่างเลือกวันตัดต้นไม้ใหญ่ได้ดีแท้ ใกล้วันพ่อและเป็นวันสิ่งแวดล้อมไทย”
ต้นไม้พูดไม่ได้ หนีก็ไม่ได้ ไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่ให้ร่มเงา ให้อากาศ ให้ ความรื่นรมย์กับมนุษย์ผู้อาศัยมาโดยตลอด สุดท้ายก็ถูกตัด ถูกฟันด้วยน้ำมือเจ้าของโครงการที่ได้อากาศหายใจจากต้นไม้เหล่านี้มาตั้งแต่เด็กจนโต
คนเหล่านี้ทดแทนบุญคุญต้นไม้ใหญ่อายุคราวพ่อแม่ด้วยการทำลายทิ้งทันที
ดูเหมือนทางเจ้าของโครงการกำลังประกาศให้โลกรู้ว่า ที่ดินของข้าพเจ้า ใครอย่ามาแตะต้อง คำสัญญาที่เคยให้ไว้ กลายเป็นคำพูดเบาหวิวที่ล่องลอยในอากาศ
แค่วันเดียว ต้นไม้ทั้งหมดที่ใช้เวลาเติบใหญ่มานานได้ถูกตัดเกลี้ยงหมดบนที่ดินส่วนตัว ไม่ต่างอะไรกับการตัดไม้ทำลายป่า เพียงแต่กฎหมายปัจจุบันไม่สามารถทำอะไรได้
เราอาจจะมีกฎหมายดูแลต้นไม้ในป่าสงวน อุทยานแห่งชาติ แต่ต้นไม้ใหญ่ในเมือง ไม่มีกฎหมายใดคุ้มครอง ต่างจากหลายประเทศอาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ฯลฯ มีกฎหมายคุ้มครองต้นไม้ใหญ่ในที่ดินเอกชน หากจะตัดต้องมีการขออนุญาตอย่างถูกต้องและได้รับความเห็นชอบจากคนในชุมชน เพราะถือว่าต้นไม้ใหญ่แม้จะขึ้นในที่ดินเอกชน แต่ถือว่าเป็นสมบัติของส่วนรวม ให้อากาศ ให้ความร่มรื่นย์ แก่คนทุกคน
ในประเทศสิงคโปร์ พื้นที่ส่วนใหญ่เขตอนุรักษ์ต้นไม้ มีกฎหมายห้ามตัดต้นไม้ที่มีขนาดเส้นรอบวงเกิน ๑ เมตร สูง ๕๐ เซ็นติเมตรจากพื้นดิน นอกจากจะได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ แต่ในปี ๒๕๔๖ บริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งได้ตัดต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในที่ดินของตัวเองที่มีขนาดเกิน โดยไม่ขออนุญาต ทางการจึงสั่งปรับเป็นเงินเกือบสองล้านบาท
หลังโศกนาฎกรรมวันนั้น ผมไปยืนดูบริเวณที่เคยมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมไปทั่ว บัดนี้กลายเป็นที่รกร้าง มีแต่ซากต้นไม้ บ้างถูกเผาเป็นตอตะโก บ้างถูกสับเป็นชิ้น ๆ เพื่อลำเลียงขึ้นรถบรรทุก ปรับแต่งพื้นที่ให้เร็วที่สุด
ต้นก้ามปูใหญ่ต้นหนึ่งถูกตัดฟันจนเหลือแต่ตอ ผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่า รถแทรกเตอร์พยายามลากและดันตอไม้จนเอียงแต่ไม่สามารถถอนรากถอนโคนได้สำเร็จ เพราะรากไม้หนาแน่นและมั่นคงมาก ต้องปล่อยทิ้งเอาไว้ก่อน
แต่ชาวบ้านคนหนึ่งบอกว่า มันต่อสู้ดิ้นรนสุดชีวิต ไม่อยากไปจากที่นี่
ต้นไม้ใหญ่บางต้นที่อยู่ชิดขอบรั้ว ไม่จำเป็นต้องถูกทำร้าย ก็ถูกโค่นอย่างไม่ปรานี เป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการสร้างอาคารให้เต็มพื้นที่ คุ้มค่ากับราคาที่ดิน
ก่อนหน้านี้ทางเจ้าของโครงการได้บอกกับคนแถวนั้นว่า ศูนย์การค้าทันสมัยที่จะก่อสร้างนั้น จะเป็นตัวอย่างของอาคารที่ใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม มีการใช้ระบบประหยัดพลังงานทั้งอาคาร มีการติดตั้งพลังงานจากแสงอาทิตย์ มีระบบบำบัดน้ำเสียทันสมัย ส่วนต้นไม้ใหญ่ที่จะมาปลูกประดับก็จะล้อมต้นไม้จากแหล่งอื่นมาไว้
ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกที่จะต้องลงทุนระบบราคาแพง ๆ หลายร้อยล้านบาททางด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับอาคารทันสมัยบนที่ดินที่มาจากการทำลายชีวิตของต้นไม้หลายสิบต้น
อีกไม่นาน ธรรมชาติกำลังรอวันเอาคืน สำหรับคนเหล่านี้อย่างแน่นอน
จาก สารคดี 310
Comments
Pingback: Tweets that mention วันชัย ตัน » Blog Archive » โศกนาฎกรรมต้นไม้กลางเมืองหลวง -- Topsy.com
❗ ❓
น่าเสียดายมากเลยครับ
❓ ❗
ตั้งใจว่าจะเลิกอุดหนุนศูนย์การค้านี้และในเครือ
เสียดาย CEO ของเอมโพเรียมก็ดูเหมือนจะรักธรรมชาติ มีบ้านพักอิงธรรมชาติที่แอฟริกา
ฝีมือบริหารธุรกิจระดับนี้น่าจะมีวิธีการที่ดีกว่า การฆ่า นะคะ
เศร้ามากค่ะ แต่กลุ่ม Big Tree Project น่าจะปลุกกระแสให้รัฐบาลหันกลับมาดูแลกฎหมายคุ้มครองต้นไม้ในเมืองอย่างต่อเนื่อง เหมือนประเทศที่เจริญทางใจแล้ว
บรรทัดสุดท้ายของบก.จอบ สะใจมากค่ะ
ขออำลา..ด้วยความอาลัย..