หมีขั้วโลกแห่งสวนสัตว์เชียงใหม่ จุดขายหรือจุดทรมานแห่งใหม่

ไม่กี่วันก่อน เพื่อนได้ส่งวิดีโอของสวนสัตว์เชียงใหม่เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์โครงการจัดแสดงหมีขั้วโลกมาให้ดู

สวนสัตว์เชียงใหม่ได้ริเริ่มโครงการ Polar World Chiang Mai Zoo โดยวางแผนจะให้มีการจัดแสดงหมีขั้วโลก และ นกเพนกวินคิง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์และภูมิอากาศของขั้วโลก ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมของขั้วโลก  รวมทั้งเป็นแหล่งศึกษาวิจัยอนุรักษ์พันธุ์หมีขั้วโลกและนกเพนกวินคิง และเป็นจุดขายใหม่ของสวนสัตว์ ขณะนี้กำลังก่อสร้างอาคารจัดแสดงต่าง ๆ โดยใช้งบประมาณ 71 ล้านบาท คาดว่าจะสร้างเสร็จและเปิดให้คนเข้าชมภายในปีหน้า

ดูแล้วก็ต้องอึ้งกับวิธีการให้เหตุผลการเขียนสคริปเรื่องนี้

วิดีโอเรื่องนี้เริ่มต้นฉายให้เห็นถึงปัญหาโลกร้อน ปัญหาการทำลายธรรมชาติ เห็นหมีขั้วโลกกำลังไร้ถิ่นที่อยู่อาศัย  เพราะแผ่นน้ำแข็งขั้วโลกกำลังละลาย จากปัญหาเหล่านี้จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ทางสวนสัตว์เชียงใหม่ เริ่มโครงการเอาหมีขั้วโลกมาจัดแสดงในสวนสัตว์เชียงใหม่ เพื่อช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน ช่วยให้หมีขั้วโลกมีที่อยู่อาศัย

แต่การเอาหมีขั้วโลกมาขังกรงให้คนมาเที่ยวชม คงไม่เกี่ยวอะไรกับการช่วยลดโลกร้อน แต่น่าจะเป็นการช่วยให้โลกร้อนขึ้นจากค่าไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ในตัวอาคาร และที่สำคัญคือเป็นการเอาสัตว์ขั้วโลกมาทรมานในเขตร้อนมากกว่าจะเป็นการช่วยเรื่องถิ่นที่อยู่อาศัย

คุณหมอรังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ นักอนุรักษ์ชื่อดังแห่งจังหวัดเชียงใหม่ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า

หมีขั้วโลกเป็นสัตว์ที่คนนิยมชมชอบและเป็นหนึ่งในดาราสวนสัตว์ โดยเฉพาะลูกหมีขาวที่มีความน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้ในอดีตมีสวนสัตว์จำนวนมากพยายามนำเข้ามาจัดแสดงในสวนสัตว์ของตน  แต่กลับพบว่าหมีขั้วโลกเป็นสัตว์ป่าที่มีปัญหาในการปรับตัวในสภาพกักขังมากที่สุด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสวนสัตว์ประเทศเขตร้อน ทั้งนี้เพราะหมีขั้วโลกเป็นสัตว์ผู้ล่าที่มีวิวัฒนาการปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิเย็นจัดตลอดปี  และใช้อาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลในการดำรงชีวิตชีวิต เร่ร่อนออกล่าแมวน้ำในทุ่งน้ำแข็งแห่งมหาสมุทรอาร์คติก มัน  จึงเป็นเรื่องยากหรือเป็นไปไม่ได้ที่จะจำลองระบบนิเวศและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม คือต้องมีพื้นที่ที่กว้างพอ  อุณหภูมิเย็นจัดตลอดปี  สภาพแสงอ่อน  เหมาะต่อการดำเนินชีวิตปกติของมันได้

แม้แต่สวนสัตว์ที่มีงบประมาณมากและเชี่ยวชาญพิเศษเช่น Sea World, SanDiego,USA ที่มีผู้เชี่ยวชาญมาเป็นที่ปรึกษาให้สวนสัตว์เชียงใหม่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จในการเลี้ยงหมีขั้วโลกให้เป็นปรกติสุขได้

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ระบุชัดเจนว่าหมีขั้วโลกที่ถูกจัดแสดงในสวนสัตว์ทั่วโลกเกือบทั้งหมดแสดงอาการป่วยทางจิต  โดยแสดงอาการซึมเศร้า เนื่องจากไม่สามารถปรับตัวกับการถูกจำกัดบริเวณให้อยู่ในพื้นที่ 1 ในล้านส่วนของ อาณาบริเวณในการดำรงชีวิตตามสภาพธรรมชาติ

กล่าวคือ หมีขาวเป็นสัตว์พเนจรที่เดินทางออกหากินกว้างขวางมาก มันใช้พื้นที่หากินกว้างขวางกว่า 50,000.ตร.กม. ดังนั้นเมื่อต้องมาถูกกักขังในพื้นที่ไม่กี่ตารางเมตร มันจึงมีอาการเครียดมากกว่าสัตว์ชนิดอื่น สวนสัตว์ทั่วโลกหลายแห่ง อาทิในอังกฤษ สวิสเซอร์แลนด์ เยอรมนีจึงได้ยุติการจัดแสดงหมีขั้วโลกแล้ว  ด้วยเหตุผลด้านสวัสดิภาพสัตว์เป็นสำคัญ

นอกจากความเครียดจากการถูกกักขังแล้ว อากาศร้อนก็เป็นปัญหาสำคัญที่สุด โดยเฉพาะในฤดูร้อนจังหวัดเชียงใหม่ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส แม้ทางสวนสัตว์จะลงทุนติดตั้งเครื่องปรับอากาศขนาดยักษ์ เพื่อปรับอุณหภูมิไว้ที่ 18 ถึง 22 องศาเซลเซียส แต่ในชีวิตจริงของน้องหมีขั้วโลกมีชีวิตอยู่ในอุณหภูมิ -40 ถึง 0 องศาเซลเซียสในฤดหนาวและ -10 ถึง 10 องศาเซลเซียสในฤดูร้อน  หากนำมาอยู่ในบ้านเรา มันคงไม่สามารถปรับตัวได้อย่างสบายตัวสบายใจเหมือนกับอยู่ในขั้วโลก อาจจะเกิดอาการร้อนตับแตก หรือสภาวะที่เรียกว่า heat stroke

ขนาดหมีขั้วโลกในสวนสัตว์ของประเทศอบอุ่นอย่างญี่ปุ่นหรือทางยุโรปที่มีอากาศหนาวเย็นกว่าบ้านเรามาก ก็ยังเจอสภาพเดียวกัน

ส่วนเหตุผลที่บอกว่าจะเป็นแหล่งศึกษาวิจัยหมีขั้วโลกนั้น  หมีขั้วโลกในกรงคงไม่สามารถแสดงพฤติกรรมปกติ อาทิ การล่า การย้ายถิ่น การจำศีล ตามธรรมชาติได้  จึงเป็นการไม่คุ้มค่าอย่างยิ่งหากประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทย จะเป็นผู้นำในการศึกษาวิจัยเพาะเลี้ยงสัตว์ที่มีถิ่นอาศัยแถบขั้วโลก

พอเห็นอนาคตของหมีขั้วโลกในสวนสัตว์เชียงใหม่ได้แล้ว ว่ามันจะต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใดแล้ว เราไม่คิดจะทำอะไรเพื่อหมีขั้วโลก มากกว่าความสงสารและความเห็นใจหรือครับ

กรุงเทพธุรกิจ  ๒๑ เมษา ๕๔

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.