หลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา บรรยากาศของผู้คนในสังคม มีทั้งดีใจและเสียใจจากชัยชนะและความพ่ายแพ้ของพรรคการเมืองที่แต่ละฝ่ายให้การสนับสนุน แต่มีข่าวเล็ก ๆ ข่าวหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะเป็นข่าวที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายมีรอยยิ้มขึ้นมาทันที
มีรายงานข่าวสั้น ๆ ว่า นายภิมุข สิมะโรจน์ ผอ.องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้แถลงมติบอร์ดบริหารให้ยุติการนำหมีขั้วโลกจัดแสดงสวนสัตว์เชียงใหม่ หลังจากเกิดความเห็นขัดแย้งกันมานานหลายเดือน
การยุติโครงการนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งตลอดระยะเวลาสองปีของรัฐบาลชุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หากใครจำได้ดี เมื่อหลายเดือนก่อนมีข่าวว่าสวนสัตว์เชียงใหม่ได้ริเริ่มโครงการ Polar World Chiang Mai Zoo โดยวางแผนจะให้มีการจัดแสดงหมีขั้วโลกและ นกเพนกวินคิง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมของขั้วโลก และเป็นจุดขายใหม่ของสวนสัตว์ ขณะนี้กำลังก่อสร้างอาคารจัดแสดงต่างๆ คืบหน้าไปแล้วเกือบครึ่ง โดยใช้งบประมาณ 71 ล้านบาท คาดว่าจะสร้างเสร็จและเปิดให้คนเข้าชมภายในปีหน้า โครงการนี้ได้รับเสียงคัดค้านจากบรรดานักอนุรักษ์ธรรมชาติโดยถ้วนหน้าด้วยเหตุผลหลายประการ
คุณหมอรังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ นักอนุรักษ์ชื่อดังแห่งจังหวัดเชียงใหม่ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า หมีขั้วโลกเป็นสัตว์ที่คนนิยมชมชอบและเป็นหนึ่งในดาราสวนสัตว์ โดยเฉพาะลูกหมีขาวที่มีความน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้ในอดีตมีสวนสัตว์จำนวนมากพยายามนำเข้ามาจัดแสดงในสวนสัตว์ของตน
แต่มีการพบว่าหมีขั้วโลกเป็นสัตว์ป่าที่มีปัญหาในการปรับตัวในสภาพกักขังมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสวนสัตว์ประเทศเขตร้อน ทั้งนี้เพราะหมีขั้วโลกเป็นสัตว์ผู้ล่าที่ต้องอาศัยอยู่ในอุณหภูมิเย็นจัดตลอดปี และใช้อาณาบริเวณกว้างใหญ่ออกล่าแมวน้ำในทุ่งน้ำแข็ง จึงเป็นเรื่องยากที่จะจำลองระบบนิเวศที่เหมาะสม คือต้องมีพื้นที่ที่กว้างพอ อุณหภูมิเย็นจัดตลอดปี
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษระบุชัดเจนว่าหมีขั้วโลกที่ถูกจัดแสดงในสวนสัตว์ทั่วโลกเกือบทั้งหมดแสดงอาการป่วยทางจิต โดยแสดงอาการซึมเศร้าเนื่องจากไม่สามารถปรับตัวกับการถูกจำกัดบริเวณให้อยู่ในพื้นที่ 1 ในล้านส่วนของ อาณาบริเวณในการดำรงชีวิตตามสภาพธรรมชาติ
กล่าวคือ หมีขาวเป็นสัตว์พเนจรใช้พื้นที่หากินกว้างขวางกว่า 50,000.ตร.กม. ดังนั้นเมื่อต้องมาถูกกักขังในพื้นที่ไม่กี่ตารางเมตร มันจึงมีอาการเครียดมากกว่าสัตว์ชนิดอื่น สวนสัตว์ทั่วโลกหลายแห่ง อาทิในอังกฤษ สวิสเซอร์แลนด์ เยอรมนีจึงได้ยุติการจัดแสดงหมีขั้วโลกแล้ว ด้วยเหตุผลด้านสวัสดิภาพสัตว์เป็นสำคัญ
นอกจากความเครียดจากการถูกกักขังแล้ว อากาศร้อนก็เป็นปัญหาสำคัญที่สุดโดยเฉพาะในฤดูร้อนจังหวัดเชียงใหม่ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส แม้ทางสวนสัตว์จะลงทุนติดตั้งเครื่องปรับอากาศขนาดยักษ์เพื่อปรับอุณหภูมิไว้ที่ 18 ถึง 22 องศาเซลเซียส แต่ในชีวิตจริงของน้องหมีขั้วโลกมีชีวิตอยู่ในอุณหภูมิ -40 ถึง 0 องศาเซลเซียสในฤดหนาวและ -10 ถึง 10 องศาเซลเซียสในฤดูร้อน หากนำมาอยู่ในบ้านเรา มันคงไม่สามารถปรับตัวได้อย่างสบายตัวสบายใจเหมือนกับอยู่ในขั้วโลก อาจจะเกิดอาการร้อนตับแตก หรือสภาวะที่เรียกว่า heat stroke
และที่สำคัญคือ การเปิดแอร์ขนาดยักษ์ทั้งวันทั้งคืนคงส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนอีกมาก
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฝ่ายอนุรักษ์ได้ส่งจดหมายคัดค้านให้ทางองค์การสวนสัตว์ ฯ มีการรณรงค์เผยแพร่ข้อมูลเหตุผลผ่านสื่อต่าง ๆ ทั้งทางหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ เฟสบุ๊ก แม้ว่าคนเหล่านี้จะถูกกล่าวหาจากฝ่ายสนับสนุนนำโดย กลุ่มรถสองแถวแดงในเมืองเชียงใหม่ซึ่งเคยระดมพลมากกดดัน กล่าวหาว่าฝ่ายคัดค้านไม่ใช่คนเชียงใหม่แล้วมายุ่งทำไม หรือ เป็นพวกทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว เพราะหมีขั้วโลกจะเป็นแม่เหล็กล่าสุดที่จะดึงดูดให้คนมาเที่ยวเชียงใหม่
แต่ความใจกว้างของทางองค์การสวนสัตว์ฯ ได้นำมาสู่การจัดประชาพิจารณ์เพื่อให้ทั้งฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านมาแสดงข้อมูลพร้อมกันเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา
และเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม บอร์ดบริหารองค์การสวนสัตว์ฯ ได้มีมติ ยกเลิกการนำหมีขั้วโลกมาจัดแสดงที่สวนสัตว์เชียงใหม่ โดยให้เหตุผลว่าโครงการไม่สามารถตอบโจทย์ หรือพิสูจน์ได้ว่าการนำหมีมาจัดแสดงจะมีประโยชน์ หรือกระตุ้นด้านเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังเป็นห่วงว่าหากเกิดการต่อต้านและเกิดความขัดแย้งในสังคมขึ้นก็เท่ากับสวนสัตว์ไม่ได้ที่หน้าที่ในการดึงให้คนมาพักผ่อนหย่อนใจและเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์
“การยกเลิกนำตัวหมีขั้วโลกมาจัดแสดงครั้งนี้ ผมได้พูดคุยกับหลายส่วนที่เกี่ยวข้องแล้วนำมาประเมินถึงข้อดีข้อเสียอย่างมีหลักการและต้องการหาทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับกันได้ทั้งฝ่ายสนับสนุน ฝ่ายคัดค้าน และไม่อยากให้เป็นการมองว่าเป็นเรื่องแพ้หรือชนะของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยยืนยันว่าไม่ได้เอาใจกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษอย่างแน่นอน” นายภิมุข สิมะโรจน์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์ ฯได้กล่าวแถลงว่า
“ ทางบอร์ดสวนสัตว์ได้อ่านข้อมูลของฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้านทั้งหมดไม่ได้มองว่าถูกผิดเป็นอย่างไร แต่บอร์ดได้พิจารณาแล้วว่าการที่ไม่นำหมีขั้วโลกมาจัดแสดงคงไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ถึงกับจะล่ม”
ผู้เขียนคิดว่านี่อาจจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ที่การตัดสินใจต่อการดำเนินโครงการที่มีผลกระทบ ได้ใช้ความรู้และข้อมูลทางวิชาการที่ถูกต้องมาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจ แทนที่จะใช้แรงกดดันทางการเมืองหรือผลประโยชน์ทางการเมืองเป็นตัวตั้งต้นในการตัดสินปัญหา
ขอปรบมือดัง ๆ ให้กับนายภิมุข สิมะโรจน์ ที่ทำให้เกิดรอยยิ้มจากผู้คนที่เลือกพรรคการเมืองคนละฝ่าย แต่มีจุดร่วมกันคืออยากเห็นความถูกต้อง อยากเห็นการตัดสินปัญหาจากการหาข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องครบถ้วนมากกว่าแรงกดดันจากกลุ่มพลังผู้คนจำนวนมากล้วนต้องการการตัดสินใจเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่หมักหมมมานานบนพื้นฐานจากข้อมูลและความรู้แทนความรู้สึกอีกหลายกรณี
ไม่แน่ว่า จุดเริ่มต้นความปรองดองในสังคม อาจจะเริ่มต้นจากนิทานเรื่องหมีขั้วโลกกับสวนสัตว์เชียงใหม่
มติชน 10 กค. 2554