กลับไปหน้า สารบัญ
ทำ ลู ก ใ น สิ ง ค โ ป ร์
ทำลูกในสิงคโปร์
   "มาเล่นรักในรถกันเถิด"
   ข้อความข้างบนนั้นเป็นข้อความรณรงค์ในหนังสือพิมพ์ สเตรตไทมส์ เชิญชวนให้คนสิงคโปร์เล่นจ้ำจี้กันในรถยนต์
   ดูพิกล ๆ อยู่ที่ประเทศซึ่งค่อนข้างเข้มงวด ในเรื่องเพศ จะออกมารณรงค์เรื่องนี้
   ข้อความโฆษณาเต็มสองหน้าในหนังสือพิมพ์ ที่เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลสิงคโปร์ ยังแนะนำจุดบนเรือนร่าง ที่กระตุ้นให้เกิดความกระสันได้ บอกถึงสถานที่บางแห่งที่ เป็นส่วนตั๊วส่วนตัว และยังบอกถึงอุปกรณ์บางอย่าง ที่จำเป็นต้องใช้ในขณะปฏิบัติกิจ อาทิ กระดาษหนังสือพิมพ์ เอาไว้ปิดหน้าต่างกันพวกถ้ำมอง
   สาเหตุที่ทำให้รัฐบาลสิงคโปร์ต้องลงโฆษณาเชิญชวน ให้คนเล่นเกมพิศวาสบนรถนั้น เพราะคนสิงคโปร์เชื้อสายจีน มีแนวโน้มไม่นิยมมีลูก รัฐบาลกลัวว่าในอนาคตสัดส่วนของคนจีนจะลดลง เมื่อเทียบกับพลเมืองเชื้อสายมาเลย์และอินเดียในประเทศ
   ปัจจุบันสิงคโปร์มีประชากร ๔ ล้านคน ประกอบด้วยคนจีน ๗๖.๘ เปอร์เซ็นต์ มาเลย์ ๑๓.๙ เปอร์เซ็นต์ และอินเดีย ๗.๙ เปอร์เซ็นต์ คนจีนจึงเป็นชนกลุ่มใหญ่ที่เป็นพวกหัวกะทิ เป็นพวกเสียงข้างมากในสิงคโปร์ ผู้นำประเทศไม่ต้องการให้สัดส่วนเชื้อชาติ ของประชากรเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้ 
   "เราต้องการเด็กทารก (จีน) มาก ๆ" นายโก๊ะจ๊กตง นายกรัฐมนตรี ประกาศลั่น 
   ทุกวันนี้อัตราการเกิดของเด็กสิงคโปร์ ในหมู่ผู้หญิงจีนเท่ากับ ๑.๓ ขณะที่ผู้หญิงมาเลย์เท่ากับ ๒.๔ 
   นอกจากปัญหาเรื่องเชื้อชาติแล้ว รัฐบาลสิงคโปร์กลัวว่าการมีลูกน้อยจ ะส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศด้วย สิงคโปร์นั้นมีทหารและกองกำลังสำรอง ๓ แสนคน ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่สูงมาก เมื่อเทียบกับประชากรของประเทศ และทหารสิงคโปร์เชื้อสายจีนเท่านั้น ที่ทำหน้าที่สำคัญ ๆ ในกองทัพ ส่วนทหารเชื้อสายมาเลย์ หรืออินเดีย ซึ่งถือกันว่าเป็นพวกลูกเมียน้อย มักไม่ค่อยได้รับการไว้วางใจมากนัก
   เมื่อถามอาตี๋อาหมวยชาวสิงคโปร์ถึงเรื่องการมีลูก ก็มักจะได้คำตอบว่า
   "การมีลูกไม่ใช่ของยากหรอก แต่เด็กที่ออกมา จะอยู่อย่างไรในประเทศที่มีค่าครองชีพแพงเกือบที่สุดในโลก"
   อีกคนกล่าวว่า "ในประเทศนี้คุณต้องเลือกระหว่าง คุณอาจจะมีเงินล้าน กับคุณไม่มีเงินเลยแต่มีลูก ๓ คน"
   กล่าวกันว่าการเลี้ยงลูกหนึ่งคนในสิงคโปร์ ตั้งแต่ไปฝากท้องจนลูกโต จบการศึกษาปริญญาตรี ต้องใช้เงินประมาณ ๗.๒ ล้านบาท ซึ่งคุณพ่อต้องมีรายได้อย่างต่ำเดือนละ ๑ แสนบาทถึงจะเลี้ยงลูกได้
   อาตี๋นักค้าเงินคนหนึ่งกล่าวว่า "ให้คุณเลือกระหว่าง หากคุณไม่มีลูก พอเกษียณแล้วคุณอาจจะไปขี่ม้าเล่น ในบริเวณบ้านพื้นที่หลายเอเคอร์ที่ออสเตรเลีย หรือคุณพร้อมลูกสามคน ยังต้องพักอยู่ในแฟลตอันแสนคับแคบ ของรัฐบาลต่อไป และไปเที่ยวได้แค่รอบ ๆ เกาะโดยรถประจำทาง"
   ปัญหาอีกประการหนึ่ง ที่รัฐบาลสิงคโปร์คิดมากก็คือ ที่ผ่านมาหญิงที่มีการศึกษาสูง มักไม่ค่อยแต่งงาน หรือแต่งงานแต่ไม่ยอมมีลูก และขณะนี้หญิงที่มีการศึกษาต่ำ ก็มีแนวโน้มไม่ค่อยอยากมีลูกด้วย เพราะอยากทำงานหาเงินเพื่อยอดปรารถนาห้า C คือ car, condominium, credit card, cash, club membership
   สรุปแล้ว ชาวสิงคโปร์ยังยึดมั่นในคาถาที่ว่า "มีลูกมากจะยากจน" แต่รัฐบาลสิงคโปร์ก็ยึดมั่นว่า "มีลูกมากรัฐมั่นคง"
   ขณะที่กระจิบข่าว สารคดี ประจำสิงคโปร์รำพึงเบา ๆ ว่า "เรื่องในมุ้ง (ของชาวบ้าน) ยังเข้ามายุ่งจนได้"