 |
 |
|
 |
สองสามเดือนที่ผ่านมา
ผมแวะไปอำเภอกระทุ่มแบน
จังหวัดสมุทรสาคร
หลายครั้ง เพื่อพาเพื่อน
ๆ
ทั้งชาวไทยและต่างประเทศไปดูหิ่งห้อยในป่าชายเลน |
|
|
ยุคนี้
หิ่งห้อยกลายเป็นสัตว์หาดูยากไปแล้ว
สมัยที่ผมยังเป็นเด็ก
ไปเที่ยวเล่นบ้านเพื่อน
แถวบางขุนเทียนทีไร
ตกเย็นก็มักจะชวนกันไปจับหิ่งห้อย
ที่มีอยู่มากมายมาดูเล่นกัน
ปัจจุบันบริเวณนั้น
ก็เปลี่ยนเป็นโรงงาน
และสวนอาหาร
ไม่มีหิ่งห้อยให้เห็นอีกต่อไป
เราออกจากกรุงเทพฯ
ในช่วงเย็น
มุ่งหน้าไปสมุทรสาคร
ตามถนนสายธนบุรี-ปากท่อ
พอเลยทางเข้าตัวเมืองสมุทรสาครมาเล็กน้อย
จะเห็นสะพานมีป้ายเลี้ยวขวา
ไปอำเภอกระทุ่มแบน
ขับไปเรื่อย ๆ
ก็จะเห็นตลาดอยู่ทางซ้ายมือ
มีสาวโรงงานจำนวนมากเดินมาจับจ่ายซื้อของ
จากจุดนี้ให้คอยสังเกต
ซอยที่มีป้ายเขียนไว้ว่า
ทางเข้าวัดศรีเมือง
ตรงเข้าไปอีกราว ๑๐
กิโลเมตรก็จะถึงตัววัด
เราไปถึงวัดศรีเมืองยามที่ตะวันลาลับขอบฟ้าไปแล้ว
จอดรถริมศาลาท่าน้ำ
ที่มีแม่น้ำท่าจีนไหลผ่าน
แล้วลงเดินต่อ
ข้างวัดมีสะพานไม้ทอดตัวเป็นแนวยาว
ขนานไปกับแม่น้ำ
สะพานแห่งนี้
ทอดข้ามเรือกสวนริมน้ำ
ไปสิ้นสุดที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ระยะทางเกือบ ๑ กิโลเมตร
สองข้างทางเป็นป่าชายเลน
มีต้นจากขึ้นหนาแน่น
เห็นต้นลำพูอยู่เป็นระยะ |
|
|
ความมืดที่ปกคลุมในคืนเดือนมืด
เส้นทางเปลี่ยวบนสะพานไม้
ที่แทบจะไม่มีผู้คนเดินผ่าน
ประกอบกับทิวทัศน์สองข้างทาง
ที่เป็นดงจากสลัวรางอยู่ในความมืด
ชวนให้นึกถึงบรรยากาศในภาพยนตร์เรื่อง
แม่นาก เป็นยิ่งนัก
ทำให้พวกเราสี่ห้าคน
พร้อมใจเดินเกาะกลุ่มกันไปโดยปริยาย
แถมบางคนยังยึดแขนเพื่อนไว้แน่น
ชนิดไม่ยอมให้คลาดกัน
พลางมองหาแสงไฟวับ ๆ แวม
ๆ ตามต้นไม้ข้างทาง
"หวังว่าคงไม่เจออย่างอื่นนะ"
ใครคนหนึ่งพูดขึ้นมาขณะที่ลมเย็น
ๆ พัดมาวูบหนึ่ง
"นั่นไง"
เพื่อนคนหนึ่งอุทานออกมาด้วยความยินดี
เมื่อเห็นหิ่งห้อยไม่ต่ำกว่า
๕๐ ตัวกะพริบแสงอยู่รอบ ๆ
ต้นลำพูต้นหนึ่ง
แลดูคล้ายไฟราวประดับต้นคริสต์มาส
เพื่อนบางคนพยายามเอามือไปจับหิ่งห้อย
แต่ไม่ได้ผล
"อย่าไปรบกวนความสุขของหิ่งห้อยเลย
เค้ากำลังจีบกันอยู่นะเธอ"
อีกคนห้ามไว้
ในช่วงเวลาผสมพันธุ์
หิ่งห้อยหนุ่มจะแข่งกันกะพริบแสง
ให้โดดเด่น
เป็นการดึงดูดหิ่งห้อยสาว
ให้หันมาสนใจ
ถ้าหิ่งห้อยสาวสนใจ
ก็จะยกบั้นท้ายขึ้น
กะพริบแสงด้วยความถี่เดียวกันกับหิ่งห้อยตัวผู้
เป็นการตอบรับรัก
นี่เป็นคำตอบว่า
ทำไมบางครั้งเราจึงเห็นหิ่งห้อยกะพริบแสงพร้อมกัน
หลังจากนั้น
หิ่งห้อยสาวก็จะหันก้นให้หิ่งห้อยหนุ่ม
การผสมพันธุ์ได้เริ่มขึ้น
และสัญญาณแสงก็จะค่อย ๆ
ริบหรี่ลง
อีกไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง
หิ่งห้อยสาวก็จะวางไข่
และตายจากไป |

ฉบับหน้า
ภูเก็ต ๒๐๐๑ |
|
แต่การกะพริบแสงของหิ่งห้อยเพศเมีย
ไม่ใช่แค่เป็นการตอบรับรักเท่านั้น
เพราะหิ่งห้อยสาวบางชนิด
กะพริบแสง
เพื่อหลอกล่อหิ่งห้อยตัวผู้มาเป็นเหยื่อ
หิ่งห้อยสาวสกุล Photuris
จะกะพริบแสงเลียนสัญญาณแสง
ของหิ่งห้อยหนุ่มชนิดอื่น
ที่กำลังบินตามหาสาว
เมื่อหิ่งห้อยหนุ่มโชคร้าย
เห็นสัญญาณแสง
ของหิ่งห้อยสาวสกุล Photuris
แล้วหลงผิดคิดว่าเป็นแม่ยอดขมองอิ่ม
ส่งสัญญาณรักมาให้
ก็จะบินเข้ามาใกล้หมายจะผสมพันธุ์
กว่าจะรู้ตัวว่าถูกหลอกก็สายเกินไป
เพราะหิ่งห้อยสาว
จะใช้ปากอันแหลมคม
แทงร่างของหิ่งห้อยหนุ่มหน้ามืดอย่างรวดเร็ว
แล้วปล่อยพิษเข้าสู่ร่างกาย
พิษนี้จะค่อย ๆ
ย่อยอวัยวะภายในให้เป็นของเหลว
จากนั้นหิ่งห้อยสาว
ก็จะดูดกินเนื้อเยื่อที่เป็นของเหลว
จากหิ่งห้อยหนุ่มจนแห้งเหลือแต่ซาก
นับเป็นบทรักที่ดูดดื่มจริง
ๆ
สาวใดจะเลียนแบบก็ไม่ว่ากัน
เราเดินไปเรื่อย ๆ
ตามทางบนสะพานไม้
ต้นลำพูที่มีหิ่งห้อยส่องแสงระยิบระยับมีไม่ต่ำกว่าสิบต้น
ดูไม่ต่างจากดาวพราวฟ้าในคืนเดือนมืด
ที่บอกตำแหน่ง
และทิศทางให้แก่ผู้คนบนโลกมาช้านาน
ไม่น่าแปลกใจที่เล่ากันมาว่า
คนโบราณจับหิ่งห้อยนับสิบนับร้อยตัว
มาใส่ขวดแก้วใส
เพื่อใช้เป็นตะเกียงส่องทางในยามค่ำคืน
กวีคนหนึ่งเคยเขียนไว้ว่า
เมื่อยามฟ้ามืดดับ
แสงเดือนลับเวหาหน
หิ่งห้อยบินเวียนวน
เพื่อให้คนเห็นเป็นความหวัง
ดูชีวิตของหิ่งห้อยตัวน้อยนิดที่กะพริบแสง
เรื่อเรืองแต่งแต้มโลก
แล้วนึกย้อนดูชีวิตของคนเรา
มีอะไรที่พอจะส่องเป็นแสงนำทาง
ให้คนรอบข้างบ้างไหม |
|
|
วันชัย
ตันติวิทยาพิทักษ์
Vanchai@Sarakadee.com
vanchait@hotmail.com
|