สารคดี ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๑๙๘ เดือน สิงหาคม ๒๕๔๔ "สุริโยไท บทสนทนาอันไม่รู้จบระหว่างปัจจุบันกับอดีต"
นิตยสารสารคดี Feature Magazine
นิตยสารสำหรับครอบครัว
www.sarakadee.com
ISSN 0857-1538
  ฉบับที่ ๑๙๘ เดือน สิงหาคม ๒๕๔๔
 กลับไปหน้า สารบัญ

จากบรรณาธิการ

    วันหนึ่งในเดือนกรกฎาคม ขณะที่ทางกองบรรณาธิการกำลังปิดต้นฉบับกันอย่างขมักเขม้น ได้มีมีชาวญี่ปุ่นวัย ๓๐ กว่าคนหนึ่ง โผล่เข้ามาที่สำนักงาน เขาแนะนำตัวเองว่าชื่อ นายไซอิชิ ซูกิโมโต แจ้งความประสงค์ว่า จะขอพบบรรณาธิการสารคดี
    ตอนแรกผมคิดว่า นายญี่ปุ่นคนนี้ คงเป็นนักเขียน นักถ่ายภาพอิสระซึ่งมีทั้งที่เป็นคนไทย เป็นฝรั่งและคนเอเชีย ที่มักแวะเวียนเอาต้นฉบับและภาพถ่ายมาเสนอ เพื่อให้ทางกองบก.พิจารณา มีทั้งคนไทย ฝรั่ง และคนเอเซียชาติต่างๆ
    แต่เขากลับยื่นหนังสือให้ผมเล่มหนึ่ง (ที่เห็นในภาพ) เป็นหนังสือภาษาญี่ปุ่น แต่หน้าปกมีชื่อเรื่องภาษาไทย อ่านว่า สวัสดีรถไฟ แล้วกล่าวคำว่า ขอบคุณมาก
คลิกดูภาพใหญ่    หนังสือเล่มนี้ เป็นสารคดีเรื่องราวเกี่ยวกับรถไฟในเมืองไทย หนา ๒๕๖ หน้า มีภาพประกอบ ๔ สีอยู่หลายหน้า
    ขอบคุณผมเรื่องอะไรครับ ผมนึกในใจจะถามกลับไป แต่เขาชิงอธิบายให้ฟังว่า หนังสือ สวัสดีรถไฟ ที่ผมเห็นอยู่นี้ เขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเห็นสารคดีประจำเดือนมีนาคม ๒๕๔๐ ฉบับ ๑๐๐ ปีรถไฟไทย เมื่อพิมพ์หนังสือเสร็จแล้วจึงถือโอกาสเดินทางมาขอบคุณด้วยตัวเอง
    ผมมานั่งนึกในใจว่า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นหนังสือเกี่ยวกับรถไฟไทยสักเล่ม ที่เห็นกันส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องราวรถไฟตามนิตยสารต่าง ๆ แต่หนังสือที่เป็นเรื่องราวรถไฟทั้งเล่มดันเป็นภาษาญี่ปุ่นที่แต่งโดย คนญี่ปุ่นที่คลั่งไคล้รถไฟ
    ผมคำนวณดูว่า นายซูกิโมโตคงใช้เวลาเพียงสามปีกว่า ขึ้นเหนือล่องใต้ไปตามเส้นทางรถไฟทั่วประเทศ และมุมานะทำจนเป็นเล่มออกมา หากเขาไม่มีเลือดบ้าในตัวเอง ก็คงไม่สำเร็จออกมาได้ง่าย ๆ
    คุยกันไปมาสักพักก็รู้ว่า เขามีเลือดบ้าจริง ๆ คือบ้ารถไฟมาตั้งแต่เด็ก และทุกวันนี้ยังเป็นบรรณาธิการนิตยสารเกี่ยวกับรถไฟในเมืองโยโกฮามาอีกด้วย
    เขาบอกว่าคนญี่ปุ่นเองก็บ้ารถไฟกันไม่น้อย ดูจากยอดพิมพ์นิตยสารรถไฟของเขา ก็มียอดพิมพ์ฉบับละ ๕๐,๐๐๐ เล่ม
    ฟังเรื่องราวของนายไซอิชิ ซูกิโมโตแล้ว ชวนให้นึกถึงรายการ ทีวีแชมเปี้ยน ทางยูบีซี ช่อง ๓๗ ที่จะเชิญคนที่มีความสามารถด้านต่าง ๆมาแข่งขันกัน
    รายการนี้ไม่ใช่เอาดารามาแข่งขัน ทำอะไรพิเรน ๆ แต่เป็นรายการที่ดึงเอาทักษะ ความชำนาญของผู้เข้าแข่งขันออกมาให้มากที่สุด อาทิ ตอนคนบ้าแมว ก็จะเชิญคนที่รู้เรื่องแมวมากที่สุด มาแข่งกันตอบปัญหาว่า ใครบ้าแมวมากกว่า ตอนคนบ้าปลา ก็จะเชิญคนที่รู้หน้าตาและชนิดของปลามาแช่งกัน
คลิกดูภาพใหญ่
ฉบับหน้า
เหล้า สิ่งเสพย์ติด ที่ถูกกฎหมาย
    คนที่ดูรายการนี้ก็แทบจะไม่เชื่อเลยว่า จะมีคนที่มีความรู้เรื่องนั้น ๆ อย่างลึกซึ้งได้ขนาดนี้ อาทิตอนคนบ้าหมา เพียงแต่ผู้เข้าแข่งขันเห็นขนหมาเพียงเส้นเดียว ก็รู้ได้ว่า เป็นหมาพันธุ์ใด หรือบางตอนมีการปิดตาคนเข้าแข่งขัน ให้ดมกลิ่นปลา ก็บอกได้ว่าเป็นปลาชนิดใด
    รายการนี้จึงให้ทั้งสาระและความบันเทิงแก่คนดูจนได้รับความนิยมสูงสุดรายการหนึ่งในญี่ปุ่น
    คนญี่ปุ่นมีคนที่รู้จริง หรือบ้าในแต่ละเรื่องอยู่เป็นจำนวนมาก และการที่คนญี่ปุ่นมีลูกบ้าหรือรู้จริงในแต่ละเรื่องนั้นเอง ทำให้ญี่ปุ่นจึงมีผู้เชี่ยวชาญในทุก ๆด้านจนกลายเป็นผู้นำติดอันดับโลก ตั้งแต่ศิลปินนักร้องนักแต่งเพลง นักออกแบบเสื้อผ้า น้ำหอม รถยนตร์ เครื่องไฟฟ้า เรือเดินสมุทร ไปจนถึงกุ๊กมือหนึ่ง
    คนบ้าเหล่านี้ก็คงไม่ต่างจากนายซูกิโมโต ที่บอกว่าชีวิตนี้ขอเพียงแต่เป็นผู้แตกฉานเรื่องรถไฟอย่างเดียว ก็มีความสุขแล้ว
    เลือดบ้าของคน สร้างคนให้ประสบความสำเร็จมานักต่อนักแล้ว ขอเพียงแต่ให้สนใจบ้าจริง ๆ อย่าแกล้งทำเป็นบ้า ประเภทเห่อตามกระแสชั่วประเดี๋ยวประด๋าวแบบคนไทยบางคน

 

วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์
vanchait@hotmail.com