สารคดี ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๒๐๐ เดือน ตุลาคม ๒๕๔๔ "๑๑ กันยายน ๒๐๐๑ วันถล่มอเมริกา"
นิตยสารสารคดี Feature Magazine
นิตยสารสำหรับครอบครัว
www.sarakadee.com
ISSN 0857-1538
  ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๒๐๐ เดือน ตุลาคม ๒๕๔๔
 กลับไปหน้า สารบัญ

จากบรรณาธิการ

     หลังจากเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมในประเทศสหรัฐอเมริกาผ่านพ้นไป มีรายงานข่าวแจ้งมาว่า สินค้าที่ขายดีที่สุดในช่วงเวลานั้นคือ โทรศัพท์มือถือ
     อันที่จริง ถึงไม่มีเหตุการณ์นี้ โทรศัพท์มือถือก็จัดได้ว่าเป็นสินค้าขายดีอยู่แล้ว และยังเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่แพร่หลายที่สุดนับแต่มนุษย์ประดิษฐ์อุปกรณ์สื่อสารขึ้นมา
     ธนาคารดอยช์ แบงก์ ของประเทศเยอรมนีรายงานว่า ภายในสองสามปีข้างหน้า จะมีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือทั่วโลก ประมาณ ๑.๓ พันล้านคน และหนึ่งในสี่ของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ คือเด็กที่มีอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี อันเป็นวัยที่สมองกำลังเจริญเติบโต และพัฒนาอย่างเต็มที่
     เด็กวัยรุ่นจัดว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายการทำตลาด ของบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือทั่วโลก และในขณะเดียวกัน ดูเหมือนเป็นวัยที่อาจจะได้รับอันตรายจากโทรศัพท์มือถือมากที่สุดด้วย
     จากการวิจัยของ ดร. เจอราร์ด ไฮแลนด์ แห่งคณะฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยวอร์วิคก์ ประเทศอังกฤษ พบว่าในปี ๒๕๔๒ ร้อยละ ๒๕ ของเด็กระดับมัธยมในประเทศอังกฤษ ใช้โทรศัพท์มือถือ พอปีต่อมาก็เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๖๔ 
       ผลการวิจัยชี้ว่า เด็กและวัยรุ่นของอังกฤษ อาจได้รับผลกระทบต่อสมอง อันเนื่องมาจากการใช้โทรศัพท์มือถือ ทั้งนี้การที่เด็กมีโอกาสเสี่ยงต่อคลื่นโทรศัพท์มือถือ ที่ผ่านเข้าไปในสมองมากกว่าผู้ใหญ่ เพราะกะโหลกเด็กนั้นบางกว่าผู้ใหญ่ การดูดซับคลื่นจึงสูงกว่า ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ มากมายตามมา หากใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกันเป็นเวลานาน
     จากการรวบรวมรายงานของนักวิทยาศาสตร์หลายประเทศ ดร. เจอราร์ดพบว่า ผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน จะมีอาการใกล้เคียงกัน คือ ปวดหัว นอนไม่หลับ สูญเสียความจำในช่วงเวลาสั้น ๆ เลือดกำเดาไหล และผู้ใช้โทรศัพท์ที่เป็นเด็ก มีอาการเป็นโรคลมบ้าหมูมากขึ้น
     นอกจากนี้ยังมีรายงานการศึกษาจากประเทศอื่น ๆ ด้วย
     เดือนมกราคมที่ผ่านมา จากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Essen พบว่า ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ มีโอกาสเป็นเนื้องอกในม่านตาเพิ่มขึ้นสามเท่า
     ปี ๒๕๔๑ จากการศึกษาผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ ๑๑,๐๐๐ คนในประเทศนอร์เวย์และสวีเดน พบว่าผู้ใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกันนานกว่า ๑ ชั่วโมง จะมีอาการร้อนที่หลังหู มากกว่าคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกันไม่ถึง ๒ นาทีถึง ๒๒ เท่าในสวีเดน และ ๑๖ เท่าในนอร์เวย์
     เมื่อนักวิจัยในสวีเดน ทดลองส่งคลื่นโทรศัพท์มือถือให้แก่หนูทดลอง ติดต่อกันเป็นเวลา ๒ นาที ปรากฏว่าผนังกรองโลหิตสู่สมอง ที่ทำหน้าที่คอยสกัดกั้นสารที่เป็นพิษเข้าสู่สมอง มีการทำงานที่เปลี่ยนไป
     ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างการศึกษางานวิจัยหลายชิ้น ที่พยายามชี้ให้เห็นถึงผลกระทบ ของการใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งก็มีข้อโต้แย้ง จากบริษัทผู้ผลิตมาโดยตลอดว่า งานวิจัยเหล่านี้เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน บางบริษัทก็ปฏิเสธอย่างแข็งขัน
     แต่ประเด็นสำคัญที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ พยายามจะชี้ให้เห็นก็คือ การใช้โทรศัพท์มือถือนาน ๆ อาจก่อให้เกิดผลกระทบทางสมองกับผู้ใช้ โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่น ที่มีกะโหลกบางกว่าผู้ใหญ่ การทะลุทะลวงของคลื่นย่อมรุนแรงกว่า
     คงต้องติดตามดูกันต่อไปว่า บริษัทเหล่านี้จะปรับตัวอย่างไร เพื่อไม่ให้เสียลูกค้ากลุ่มนี้ไป ในขณะที่งานวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้โทรศัพท์มือถือ เริ่มทยอยออกมาเรื่อย ๆ 
คลิกดูภาพใหญ่
ฉบับหน้า
ตามหาจีเอ็มโอ
แบบไทย ๆ
     ต่อไปนี้คือวิธีใช้โทรศัพท์มือถืออย่างปลอดภัย 
     พูดให้สั้นที่สุด น้อยที่สุด (ซึ่งสวนทางกับพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ของวัยรุ่นทั่วโลก ที่พูดโทรศัพท์ติดต่อกันนานกว่าผู้ใหญ่มาก)
     ระหว่างใช้โทรศัพท์พยายามให้เสาอากาศห่างจากศีรษะและมือมากที่สุด เพราะระยะเพียงครึ่งนิ้วก็ช่วยทำให้คลื่นที่เข้าไปสะสมในร่างกายลดความเข้มข้นลงไปได้มาก
     เมื่ออยู่ในอาคาร ควรใช้โทรศัพท์มือถือใกล้หน้าต่าง เพื่อลดความแรงของคลื่นที่ส่งจากตัวโทรศัพท์มือถือ
     ควรใช้โทรศัพท์มือถือ เมื่อระดับแสดงความชัดของสัญญาณ ที่ปรากฏบนเครื่องอยู่ที่ระดับที่สี่หรือห้า เพราะความแรงของคลื่นจะสูงขึ้นถึง ๑๐๐ เท่าระหว่างระดับสัญญาณที่ชัดกับไม่ชัด
     หลีกเลี่ยงโทรศัพท์มือถือที่มีเสาอากาศภายใน ซึ่งมีแนวโน้มว่า จะทำให้ศีรษะและมือได้รับคลื่นมากขึ้น
     ชุดหูฟังที่มีสายเชื่อมต่อจากโทรศัพท์มือถือ สามารถลดระดับความแรงของสัญญาณคลื่นได้ระดับหนึ่ง
     เลือกกันเองนะครับ ว่าจะใช้โทรศัพท์มือถือด้วยวิธีใด ตราบใดที่ผู้บริโภคอย่างเรา ยังไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริงว่า โทรศัพท์มือถือจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้อย่างไร

 

วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์
vanchait@hotmail.com