สายน้ำคานขุ่นแดง ไหลมาจากเบื้องตะวันออก การมาถึงของมันได้กลืนตลิ่งเมืองหลวงจนลาดชันไปหลายส่วน หามุมดูซ้อมเรือส่วงให้ถนัดแทบไม่ได้ จึงอย่าว่าแต่ชายหาด เนินดินที่เคยมาเห็นเมื่อหลายปีก่อน บุญเดือนเก้าปีนี้-ตรงกับ ๑๘ สิงหาคม น้ำมากกว่าทุกปี ความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างที่สังเกตได้ทันทีจากถนน "แคมคาน" ไม่ใช่ความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ แต่เป็นเขื่อนตรงริมตลิ่งตีนภูสี สร้างขึ้นใหม่เป็นขั้นบันไดกว้างขวางด้วยหินผสมดิน ตรงจุดนี้มุมมองค่อนข้างเปิดโล่ง ให้เราเห็นวิถีชีวิต ทิวทัศน์สองฝั่งน้ำ หรือแม้แต่การแข่งเรือ อยู่ที่ว่าจะมาเยือนเวลาใด... หลวงพระบางเป็นเมืองริมน้ำโขง ที่พิเศษกว่าเมืองอื่นเพราะมีน้ำอีกหนึ่งสาย คือ น้ำคาน ไหลผ่านตัวเมืองทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ก่อนจะไหลลงสบน้ำโขงตรงปากคาน ถนนเลียบลำน้ำทั้งสองสายที่เรียกกันว่า "ถนนแคมคาน" และ "ถนนแคมของ" น่าจะมีส่วนให้ผู้มาเยือนตกหลุมรักหลวงพระบางอยู่ไม่น้อย ทั้งที่จริง ถนนแคมคานเป็นเพียงถนนสายสั้น ๆ จากตีนภูสีไปถึงปากคาน และแทบไม่ได้เชื่อมต่อกับถนนสายอื่นใด แต่ความโรแมนติกนั้นก็ไม่เกี่ยวว่าจะสั้นหรือยาว กำลังจะบอกว่า ไม่ว่ามันจะโรแมนติกจริง ๆ หรือถูกทำให้โรแมนติกก็ตาม การมายืนตรงนี้เวลาปรกติย่อมสัมผัสได้ถึงความสงบเงียบ --- ด้านหนึ่งของถนนเป็นแถวอาคารบ้านเรือนเก่า ที่ยังมีคนอาศัยอยู่ ไม่ได้เปิดเป็นเกสต์เฮาส์เหมือนส่วนอื่นของเมือง ส่วนอีกด้านคือแนวกำแพงเตี้ย ๆ มีบันไดปูนทางลงท่าน้ำเป็นระยะ เลยข้ามฟากไปอีกฝั่งของแม่น้ำคาน ก็มีหมู่บ้านและวัดหลายแห่ง ซ่อนตัวอยู่หลังแนวไม้ครึ้ม ชั่วไม่นานที่มาถึง ... ผมเห็นคนสัญจรข้ามฟากไม่ขาด ด้วยความที่น้ำคานสายน้อยไหลลงน้ำโขงที่กว้างใหญ่ทรงพลัง ความเร็วความแรงของมัน จึงถูกผ่อนเบาลงกลายเป็นไหลเอื่อย ๆ แม้ยามฤดูฝน นักส่วงเฮือยังบอกว่า "น้ำคานมันนิ่ง เหมาะจะส่วงเฮือ" นั่นเป็นความรู้สึกแผกต่างอย่างมากจากแม่น้ำโขงทางอีกฟากของเมือง
ที่บันไดท่าน้ำ...แคมของ เราขึ้นจากเรือครัว มาดักรอฝีพายบ้านป่าขาม เหมือนเซียนมวยเกาะติดการฟิตซ้อมของนักมวย ชายหนุ่มผิวกร้านแกร่งร่วมครึ่งร้อยแบกไม้พายขนาดต่าง ๆ ขึ้นมาตามบันไดปูน ท่ามกลางความสนใจของเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน บางคนกุลีกุจอช่วยแบกไม้พายไปวาง ตอนนั้นผมประหลาดใจเล็กน้อยว่าฝีพายส่วนใหญ่ดูแก่กว่าที่คิดไว้ ภารกิจฝึกซ้อมประจำวันเพื่อให้ "กำลังวังชาอยู่ตัว รู้จักลายน้ำและจัดตำแหน่งที่นั่งในเรือ" จบสิ้นลง เหลือแต่พรุ่งนี้ซ้อมเบา ๆ อีกวัน พอวันมะรืนก็ลงแข่ง นายบ้านบอกว่า ปีนี้ซ้อมมาดี หวังว่าเรือบ้านป่าขามจะกลับมาครองความยิ่งใหญ่อีก ปีกลายพวกเขาลงชิงชนะเลิศกับเรือพัฒนาชนบท พ่ายไปฉิวเฉียด เวลาขณะนั้น...เงาของเรือยาวอีกสองลำก็เคลื่อนเข้าทาบประกายแดดระยิบกลางลำโขง เสียงขับร้องอันพร้อมเพรียงของฝีพายแว่วมาเป็นสัญญาณเตือนป่าขามว่า คู่แข่งของเขาเพิ่งกลับจากน้ำคานอย่างครึ้มใจได้แรงไม่แพ้กัน ก่อนถึงวันแข่งจริงประมาณ ๑๐-๑๒ วัน เรือยาวของแต่ละบ้านจะได้รับการเซ่นสรวง และอัญเชิญลงน้ำเพื่อฝึกซ้อม การฝึกซ้อมนั้นทำกันในแม่น้ำโขงและแม่น้ำคาน ข้อสำคัญต้องฝึกเพื่อให้เกิดความพร้อมเพรียง จัดลำดับที่นั่งให้เหมาะสมตามน้ำหนักของฝีพายแต่ละคน และเพื่อให้คุ้นกับ "ลายน้ำ" หรือกระแสน้ำทั้งสองฝั่งของแม่น้ำคาน กิจกรรมนี้จริงจังเสียจนกล่าวได้ว่า ถ้าจะดูความร่วมแรงร่วมใจของชายหนุ่มแต่ละบ้านแล้ว สามารถดูได้จากส่วงเฮือนี่เอง ผมกับเพื่อนเดินตามพวกเขาเข้าหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ตรงหลังวัดใหม่สุวันพูมาราม ติดกับพระราชวังเจ้ามหาชีวิตและธาตุจอมภูสี บ้านป่าขามมิได้อยู่ไกลโพดเหมือนชื่อ ตรงกันข้าม บริเวณนี้ถือกันว่าใกล้ชิดเจ้านาย เป็นบ้านของเชื้อสายข้าราชบริพารเก่า มีวัดใหม่เป็นวัดประจำบ้าน เหมือนที่ทางเหนือของไทยเรียก "ศรัทธาวัด" ยุคก่อนตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส (ช่วงปลายศตวรรษที่ ๑๙ ถึงต้นศตวรรษที่ ๒๐) เขตเมืองหลวงพระบางมีวัด ๖๖ วัด ซึ่งทุกวันนี้ยังคงเหลือจำนวนกว่า ๓๒ วัด และวัดแต่ละแห่งจะมีกลุ่มบ้านขึ้นด้วย เช่น วัดเชียงทอง วัดแสน วัดมะโน วัดใหม่ วัดวิชุน แต่ก่อนวัดเหล่านี้มีเรือยาวเป็นของตัวเองไว้แข่งขันตามประเพณี แต่ปัจจุบันจะหาวัดที่มีทีมเรือยาวลงแข่งได้น้อยลง
ตลอดบ่ายที่ผ่านมา... ผมกับเพื่อนอีกสองคนขึ้นล่องน้ำคานไปกับเรือครัวทีมป่าขาม เพราะขอติดสอยห้อยตามไปดูการฝึกซ้อมโค้งสุดท้าย บรรยากาศแถวผามไซยและตลอดแนวขอบบนของเขื่อนคึกคัก นี่ขนาดซ้อมโดยไม่มีกรรมการตัดสิน คนยังมาจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์พลุกพล่าน มีทั้งเซียนเฮือส่วงพันธุ์แท้ เด็ก ๆ และหนุ่มสาวที่เฝ้าคอยให้กำลังใจเรือบ้านตน หลายมุมจะเห็นเบียร์ลาวถูกนำมาเพิ่มรสชาติให้วงสนทนา หรือเดิมพันความคิดเห็นที่ไม่ลงรอยกันต่อเรือที่กำลังฝึกซ้อม สายน้ำคานคลาคล่ำไปด้วยเรือยาวบ้านต่าง ๆ จำนวนไม่น่าจะต่ำกว่า ๑๕ ลำ เสียง "ฮึ่บฮึบ! ฮึ่บฮึบ! " เสียงจ้วงพาย และเสียงนกหวีดดังเป็นจังหวะอยู่รอบ ๆ เรือแต่ละลำจะซ้อมเบาจับจังหวะตามสัญญาณนกหวีดไปเรื่อย ๆ รอเวลาจับคู่ซ้อมพายเต็มพิกัดตามระยะทางที่แข่งขันจริง ๆ พอเวลานั้นมาถึง จะเห็นเรือแข่งสองลำพายตีคู่กันมาเต็มกำลัง พายงัดน้ำกระจายสลับไปมากลางเปลวแดดเป็นจังหวะเคลื่อนไหวที่น่าดูยิ่ง โดยเฉพาะที่หัวเรือ ชายคนหนึ่งจะคอยโขยกขย่มหัวเรือให้ขึ้นน้ำ รับจังหวะกับการจ้วงของฝีพายอย่างเมามัน บางครั้งลำที่อยู่ลายน้ำเบื้องเมืองก็ชนะ บางครั้งลายน้ำเบื้องพันหลวงก็ชนะ... จะว่ามันทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบก็ยังเอาแน่ไม่ได้ เรือยาวแต่ละลำมีฝีพายตั้งแต่ ๔๒-๕๒ คน ขึ้นอยู่กับขนาดเรือ ทุกลำจะมี "นายหัวเรือ" หรือผู้ควบคุมจังหวะ นั่งอยู่เป็นคนแรกสุด เวลาซ้อมปรกติ นายหัวเรือจะคอยเป่านกหวีดให้จังหวะฝีพาย หรือจะโหวกเหวกโวยวายลูกทีมก็แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคน แต่พอพายจับเวลา ชายผู้นี้จะลุกขึ้นนั่งยอง ๆ หันหน้าไปทางหัวเรือแล้วขย่มเป็นจังหวะ ทั้งยังปรับทิศเรือให้เข้าลายน้ำด้วย การอ่านลายน้ำผิด อาจส่งผลให้ทีมแพ้ได้ ขณะเดียวกัน เรือคู่แข่งที่เบียดกันเข้าเส้นชัย ลีลาขย่มหัวเรืออาจตัดสินผลแพ้ชนะเลยทีเดียว จะถือว่าการ "หย่มหัว" เป็นทีเด็ดทีขาดของเรือยาวเมืองหลวงก็ไม่ผิด สำหรับตำแหน่งรับผิดชอบตรงนี้ มันจึงเป็นความใฝ่ฝันของลูกชายชาวหลวงพระบางจำนวนมาก ฝีพาย ๔๘ ชีวิตของป่าขาม ถือเสมอว่าการเป็นตัวแทนลงแข่งขันเป็นเกียรติยศส่วนตัว ลองถามผลงานปีที่ผ่าน ๆ มาดูเถอะ พวกเขาจำได้หมด ตั้งแต่ยุคปี ๘๐ กว่า ๆ ที่ป่าขามเริ่มรุ่งโรจน์ จนก้าวขึ้นถึงจุดสูงสุดครองแชมป์ ๓ สมัยได้ขันรางวัลมาครองถาวร บ่ายนี้แม้แดดแผดเปรี้ยง พวกเขาเข้ามาพักดื่มน้ำริมฝั่งเดี๋ยวเดียวก็ออกไปซ้อมอีก เป็นเที่ยวที่ ๕-๖-๗-๘ ของวัน ขณะซ้อมกุนซือและพรรคพวกในเรือครัวจะจ้องเรือส่วงตาเขม็ง ขณะที่หูก็คอยสดับฟังข่าวคราวคู่แข่งตลอดเวลา ผู้ควบคุมเรือบอกให้ซ้อมหนักวันนี้เป็นวันสุดท้าย และนั่นหมายถึงหวายขันชะเนาะ เรือที่เพิ่งเปลี่ยนเมื่อสองวันก่อนจะ "นวลได้ที่" พอดี ไม่แน่นหรือคลายเกินไป มัดหวายที่ใช้ขันชะเนาะตามแนวขวางตลอดลำเรือ มีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ลำเรือแน่น เพรียวได้รูปขึ้น แม้เพียงสัก ๑ หรือ ๒ เซนติเมตร แค่นั้นก็คุ้มค่าแล้ว
วันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าตัวเองรอคอยอะไรมากกว่า -- ข้าวประดับดินหรือส่วงเฮือ แต่ยังไม่ทันตั้งสติ เพื่อนก็พาดิ่งไปที่หน้า "ตึกเจ๊ก" ย่านธุรกิจเก่าแก่จากยุคอาณานิคมซึ่งบัดนี้ ได้สูญเสียเอกราชให้แก่การท่องเที่ยวไปเป็นที่เรียบร้อยอีกครั้ง ย่านตึกเจ๊ก ถนนเลียบพระราชวัง รวมถึงถนนแคมน้ำทั้งสองสาย วันนี้มีสาธุชนมาชุมนุมรอใส่บาตรกันมากมาย ต่างก็ตั้งขบวนแถว พอภิกษุสามเณรผ่านมา ผู้ที่ถือข้าวจบอยู่ใกล้ศีรษะก็วางก้อนข้าวลงในบาตร ภาพลำดับถัดมานับว่าน่าสนใจยิ่ง เมื่อพระหยิบห่อขนมหรือข้าวต้มมัดทิ้งลงในกระบุงกระจาดของเด็ก ๆ (ส่วนใหญ่ผู้ชาย) ที่แทรกตัวรอรับทานอยู่ใกล้ ๆ กันนั้นเอง เป็นไปได้ว่าปริมาณอาหาร และข้าวต้มที่ใส่บาตรในวันนี้ มีมากเกินกว่าพระและเณรจะนำไปฉันได้หมด จึง "ตกใส่ดิน" ให้เด็ก ๆ ที่มารอคอย เพื่อนฝรั่งคนเดิม ซึ่งตลอดการเดินทางพยายามชูประเด็น "หญิง-ชาย" ถกกันตลอด มองดูเหตุการณ์แล้วกระซิบบอกผมด้วยท่าเบื่อ ๆ ว่า "ดูสิ...เอาอีกแล้ว ผู้หญิง give ผู้ชาย take" เธอหมายถึงคนใส่บาตรส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ส่วนพวกมารอทานล้วนแต่เป็นผู้ชาย แต่ตอนนั้นผมคิดไปถึงเรื่องอื่น ช่วงเวลาอุดมสมบูรณ์ที่สุดของสังคมที่ (เราเห็นว่า) อุดมสมบูรณ์นั้น บางทียังมีสิ่งที่เรามองไม่เห็น อาจเป็นความเหลื่อมล้ำ ไม่เท่าเทียมด้านความเป็นอยู่และโอกาสด้านสุขอนามัย ลำพังน้ำคานสายสั้น ๆ กว่าจะไหลมาถึงนี่ มันได้ผ่านภูสูงอันเป็นบ้านของชนเผ่ามากหลาย-- ขมุ อีก้อ ลาหู่ ไทแดง และอีกมากที่รวมกันเป็นชนชาติลาว... เวลาตักบาตรผ่านไปค่อนข้างเร็ว เพราะหลังจากนั้น พระเณรจะต้องกลับไปเตรียมฉันภัตตาหารเช้า ให้ศีลให้พรในโบสถ์ ญาติโยมที่ไม่ได้ใส่บาตรตอนเช้า ก็ถือโอกาสนำอาหารไปถวายพระ พร้อมกันที่วัดประจำบ้านของตน อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้วว่า การทำบุญนั้นจะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ แต่สำหรับวิญญาณในอบายภูมิ ที่ไม่มีโอกาสรับส่วนบุญด้วยวิธีนี้ ชาวบ้านได้จัดเตรียมข้าวห่อโป้ บรรจุในกรวยใบตองขนาดใหญ่ วางไว้ให้แล้วตั้งแต่เช้ามืด เวลาเดียวกัน หมู่ฝีพายในชุดแข่งขันก็มารวมตัวกันอีกครั้งกลางลานวัด ไม้พายถูกจัดวางเรียงกันตามแนวยาวเป็นระเบียบ โดยมีโขนเรือหรือหมากเบงสองอันวางไว้ด้านบนสุด รอเวลาหมอพราหมณ์ทำพิธีให้เกิดสิริมงคลคล้าย ๆ ตอนทำพิธีเอาเรือลงน้ำ หลังจากกินข้าวมื้อเช้าร่วมกัน ฝีพายและผู้เกี่ยวข้องก็จะเข้ารับศีลรับพร และการประพรมน้ำมนต์จากสาธุใหญ่ในโบสถ์ ตั้งขบวนแห่หมากเบงเดินวนรอบโบสถ์ จากนั้นก็เคลื่อนขบวนจากวัดไปสู่ท่าน้ำ เพื่อเชิญหมากเบงไปสวมที่หัวและท้ายเรือ ถึงตรงนี้เรือทุกลำก็พร้อมมุ่งหน้าไปยังน้ำคานได้แล้ว
ศรัณย์ บุญประเสริฐ ธานินทร์ นนธะระ ภัทรพงศ์ คงวิจิตร Sally Wright อ้ายเดช เฮือนพักเวียงแก้ว
สัมภาษณ์บุคคล สาธุใหญ่คำจันทร์ วิระจิตตะวัดแสนสุขาราม ท้าวนพพะวง บ้านป่าขาม ท้าวหุมไซลิด รัดตะนา บ้านป่าขาม
พื้นที่และความหมายของการท่องเที่ยวในเมืองหลวงพระบาง วิทยานิพนธ์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย ภัทรพงศ์ คงวิจิตร. ๒๕๔๓ "เยี่ยมยาม หลวงพระบาง" บทสารคดีรายการแอ๊คชั่นฮอลิเดย์ โดย ศรัณย์ บุญประเสริฐ. ๕ และ ๑๕ พศจิกายน ๒๕๔๓ "น้ำคาน : พันธะหัวใจของลูกผู้ชายหลวงพระบาง" โดยศรัณย์ บุญประเสริฐ. ๒๕๔๔