สิงคโปร์วันนี้

คนไทยอาจรู้จักคำว่า เทมาเส็ก เป็นอย่างดี ในฐานะกองทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ที่เข้ามาซื้อกิจการโทรคมนาคมแห่งหนึ่งของประเทศไทย จนกลายเป็นความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงเมื่อ ๕-๖ ปีก่อน

มาสิงคโปร์ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคม ทำให้ผมเพิ่งรู้ว่า เทมาเส็ก หรือ ทูมาสิค อันมีความหมายว่าเมืองทะเล เป็นชื่อเรียกเกาะแห่งนี้มาตั้งแต่ครั้งเป็นหมู่บ้านประมงเล็ก ๆ  ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็น สิงหปุระ หรือสิงคโปร์เมื่อประมาณ ๔๐๐ ปีก่อน

เวลาใครพูดถึงสิงคโปร์ เรามักจะนึกถึงเมืองธุรกิจ ศูนย์กลางการค้า การเงินและการขนส่งอันดับต้น ๆ ของโลก เพราะทราบดีว่าแม้สิงคโปร์แทบจะไม่มีทรัพยากรธรรมชาติในประเทศเลย เป็นประเทศขนาดเล็กที่สุดประเทศหนึ่งของโลก พื้นที่เล็กกว่ากรุงเทพมหานครเกือบเท่าตัว มีประชากรแค่ ๕ ล้านคน แต่กลับเป็นประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี เป็นเมืองท่าสำคัญ มีท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง  ผู้คนส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าคนกลางประกอบอาชีพซื้อมาขายไป เป็นนายหน้ารับซื้อสินค้าไปขายต่อ ไม่มีบ่อน้ำมันเป็นของตัวเอง
แต่มีกิจการโรงกลั่นน้ำมันใหญ่เป็นอันดับ ๒ ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา จนกลายเป็นประเทศร่ำรวยติดอันดับโลกภายในเวลาไม่ถึง ๕๐ ปี

สิงคโปร์เป็นประเทศเกิดใหม่แยกตัวออกจากมาเลเซียเมื่อปี ค.ศ.๑๙๖๕ เป็นประเทศเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเอเชีย แต่อย่างไรก็ตาม ใครไปสิงคโปร์กลับมามักบอกว่า สิงคโปร์ไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลย ผู้คนก็ดูเหมือน ๆ กันทั้งเกาะ เป็นอาตี๋อาหมวยใส่สูทนักธุรกิจหายใจเป็นเงินเป็นทอง อาคารบ้านเรือนก็มีสภาพคล้าย ๆ กัน  เวลาจะกินอาหารแต่ละมื้อก็ต้องมีเวลาแน่นอน มีย่านร้านอาหารชัดเจน ไม่มีร้านอาหารแทบทุกตรอกซอกซอยตลอด ๒๔ ชั่วโมงแบบบ้านเรา  แถมบ้านเมืองยังมีกฎระเบียบ กติกาเคร่งครัดมากมาย มีตำรวจสิงคโปร์คอยจับตาดูผู้คนตามท้องถนนจนอึดอัดกันไปหมด

มาสิงคโปร์ครั้งนี้ เห็นการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่น่าสนใจ  ดูเหมือนสิงคโปร์จะผ่อนคลายมากขึ้น ชีวิตผู้คนไม่ค่อยเร่งรีบเหมือนก่อน

เราเดินไปตามท้องถนนหลายสาย เห็นต้นไม้ใหญ่ปลูกตามริมถนนอย่างร่มรื่นแทบทุกพื้นที่ว่าง  ในประเทศสิงคโปร์ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเขตอนุรักษ์ต้นไม้ มีกฎหมายห้ามตัดต้นไม้ขนาดใหญ่แม้ว่าจะอยู่ในที่ดินของตัวเอง นอกจากจะได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ  เคยมีข่าวว่าเมื่อปี ๒๕๔๖ บริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งได้ตัดต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในที่ดินของตัวเองโดยไม่ขออนุญาต จึงถูกทางการสั่งปรับเป็นเงินเกือบ ๒ ล้านบาท  ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจที่เราจะพบไลเคนสีเขียวชนิดที่เจริญเติบโตได้ในอากาศดี ๆ หลายชนิดตามต้นไม้ใหญ่ ขณะที่ไม่พบเลยในกรุงเทพมหานคร คุณภาพอากาศตามท้องถนนในสิงคโปร์ดีกว่าอากาศในกรุงเทพมหานครอย่างเทียบกันไม่ได้

สิงคโปร์พยายามทำให้คนของเขาใกล้ชิดกับธรรมชาติมาก การรักษาต้นไม้ใหญ่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับพวกเขา แม้แต่สวนพฤกษศาสตร์ระดับโลกก็อยู่ที่นี่ เพราะดูจะเป็นเพียงไม่กี่อย่างที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติในเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ และก็ไม่น่าแปลกใจที่จะรู้ว่า น้ำตกจำลองขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงสวนสัตว์กลางคืนหรือไนต์ซาฟารีแห่งแรกของโลก ก็อยู่ในประเทศนี้เช่นกัน

เราเดินเลียบแม่น้ำสิงคโปร์ ตลอดสองข้างทางมีทางเดินสาธารณะให้ผู้คนได้เดินทอดน่อง ได้ละเลียดนั่งพักผ่อนริมแม่น้ำ ไม่มีการปลูกอาคารหรือบ้านเรือนในพื้นที่ติดแม่น้ำ  เราแวะดื่มเบียร์เย็น ๆ แก้กระหายในร้านเหล้าเล็ก ๆ ตบแต่งอย่างมีรสนิยม เห็นนักท่องเที่ยวและชาวสิงคโปร์หลายคนนั่งดื่มกันอย่างสบาย ๆ

ตามเมืองใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นปารีส ลอนดอน สิงคโปร์ ฯลฯ ล้วนมีทางเดินสาธารณะริมแม่น้ำเพื่อให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำได้ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจไม่ต่างจากสวนสาธารณะ  ดูจะมีเฉพาะบ้านเราที่ผู้คนยังไม่อาจมาพักผ่อนริมแม่น้ำได้ เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกบุกรุกจากอาคารบ้านเรือนอย่างผิดกฎหมายมานานเต็มทีแล้ว

แต่ยอมรับว่า สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงของสิงคโปร์คือ ความสะอาด และความปลอดภัย  อย่างแรกเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทุกแห่งหนที่เดินผ่านแทบไม่มีถังขยะหรือเศษขยะตามท้องถนน น้ำในแม่น้ำก็สะอาด ไม่ส่งกลิ่นหรือมีสิ่งปฏิกูลลอยน้ำ วัฒนธรรมการไม่ทิ้งขยะคงซึมเข้าไปในดีเอ็นเอของคนสิงคโปร์แล้วจริง ๆ

ส่วนความปลอดภัยนั้น แม้ไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่ก็รู้สึกได้เวลาเดินไปตามท้องถนน หรือเวลาหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปก็ไม่ต้องเหลียวซ้ายแลขวาอย่างเช่นหลายเมืองที่เคยไปมา

บ่ายแก่ ๆ วันนั้น เราแวะเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งมีชื่อว่า The Asian Civilisations Museum เพื่อนสาวที่ไปด้วยบอกว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจที่สุด เพราะขณะที่พิพิธภัณฑ์บ้านเรายังสาละวนกับการรักษาของเก่าของตัวเอง แต่ภัณฑารักษ์สิงคโปร์ก้าวกระโดดไปกว้านซื้อวัตถุโบราณระดับโลกมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

The Asian Civilisations Museum ดูจะเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกในภูมิภาคนี้ที่จัดแสดง
ชาติพันธุ์ วัฒนธรรม และอารยธรรมของผู้คนในเอเชีย รวมถึงประวัติการตั้งถิ่นฐานของคนสิงคโปร์ได้อย่างน่าสนใจมาก  ตลอดเวลา ๓-๔ ชั่วโมงที่เดินชม เราเห็นการจัดแสดงวิถีชีวิตผู้คนทั้งชาวจาม มอญ ขอม จีน อินเดีย ไทย พม่า มาเลย์ อินโด และชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ไปจนถึงอารยธรรมมุสลิมได้อย่างน่าตื่นเต้น  พิพิธภัณฑ์ที่นี่ลงทุนด้วยเงินมหาศาล ซื้อวัตถุโบราณจากทุกประเทศ ตั้งใจเลือกของมีคุณค่ามาจัดแสดง ตั้งแต่กลองสำริดดองซอนของเวียดนาม เครื่องดนตรีพื้นเมืองทั่วเอเชีย  พระพุทธรูปปางต่าง ๆ ของพม่า ไทย อินเดีย  หน้ากากโบราณ กริชชนิดต่าง ๆ ของชวา ผ้าบาติกโบราณ ฯลฯ

ภัณฑารักษ์สิงคโปร์ได้ก้าวกระโดดเป็นลูกค้ารายใหญ่เที่ยวประมูลวัตถุโบราณราคาแพงตามสถานที่ประมูลระดับโลก เพื่อได้มาครอบครองเป็นสมบัติของชาติ

เพื่อนสาวยังบอกว่า ทุกวันนี้พิพิธภัณฑ์หลายแห่งในสิงคโปร์ได้กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่คอยตามล่าทุ่มเงินประมูลผลงานศิลปะระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นงานเขียน ภาพถ่าย ประติมากรรม มาประดับไว้ในพิพิธภัณฑ์ ไม่ต่างจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์หรือสมิทโซเนียนที่ต้องมีวัตถุล้ำค่าคุณภาพระดับโลกไว้ดึงดูดนักท่องเที่ยว และเป็นการยกระดับพิพิธภัณฑ์สู่ระดับสากล

ช่วงเวลาที่เราไปเยือน ทางพิพิธภัณฑ์ได้ลงทุนนำเอากองทัพทหารดินเผาภายในสุสานฉินสื่อหวง หรือจิ๋นซีฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์ของแผ่นดินจีนผู้สร้างกำแพงเมืองจีน ซึ่งถูกค้นพบที่เมืองซีอาน มาจัดแสดงที่นี่ ด้วยความร่วมมือจากรัฐบาลจีนที่ไม่ยอมให้มีการเคลื่อนย้ายอย่างง่าย ๆ นอกจากสิงคโปร์จะต้องควักเงินมหาศาล

ดูเหมือนสิงคโปร์ก็คงไม่ต่างจากประเทศร่ำรวยทั่วไป เมื่อท้องอิ่ม เศรษฐกิจเจริญมั่งคั่ง ประเทศเติบโตรุ่งเรือง เงินในคลังมีเหลือใช้  สิ่งที่ตามมาคือ ความใส่ใจในสิ่งแวดล้อม อยากใกล้ชิดธรรมชาติ ตามหาประวัติศาสตร์รากเหง้าของชนชาติตัวเองผ่านทางโบราณวัตถุ และสะสมงานศิลปะจากทุกมุมโลกเพิ่มมูลค่าให้แก่ประเทศ  ทุกอย่างนั้นดูเหมือนจะใช้เงินมหาศาลในการสร้างให้เป็นจริง

แต่สำหรับบ้านเรา จำเป็นต้องเดินตามเส้นทางนั้นด้วยหรือไม่

Comments

  1. eyeont

    พิพิธภัณฑ์อีก 2 แห่งที่น่าสนใจ ถ้าใครไปได้ไปเยือนสิงคโปร์ คือ National Museum of Singapore เป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเรื่องราวของประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่ยังเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ จนมาถึงยุคใต้อุ้งมืออังกฤษ ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 รวม-แยกกับมาเลเซีย จนมาถึงยุคปัจจุบัน …ด้วยแสงสีและเทคโนโลยีที่สวยงามมากๆ ครับ (แค่ห้องแรกก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว) ควรมีเวลาสัก 4-5 ชั่วโมง สำหรับการชมแบบละเอียด

    อีกแห่ง คือ Peranakan Museum พิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวของลูกครึ่ง (มาเลฯ-จีน, มาเลฯ-อินเดีย) ตั้งแต่ความหมาย ประวัติความเป็นมา ขนมธรรมเนียมประเพณีที่ผสมผสานระหว่างสองเผ่าพันธ์ และมีข้าวของเครื่องใช้ที่สวยงามมาก (จนนำมาเป็นผลิตภัรฑ์ขายได้ด้วย)

    พิพิธภัณฑ์ทั้ง 3 แห่ง (รวมในบทความด้วย) สามารถซื้อตั๋วร่วมได้ครับ ราคาถูกกว่า และในบางช่วงจะมีโปรโมชั่นพิเศษด้วย เช่น เข้าฟรีในบางวัน เข้าฟรีสำหรับผู้ชายในเดือนวันพ่อ (ของสิงคโปร์) เป็นต้น ครับ

  2. Ruangyot [Yoryot]

    เฝ้าติดตามความเจริญก้าวหน้า , พัฒนาการ , ของประเทศเพื่อนบ้านรอบตัวเรา แล้วย้อนกลับมาดูบ้านเมืองตนเองที่เหมือนอยู่ในช่องเยือกแข็ง แล้วสะท้อนใจ เพียงไม่เดินหน้าก็หมายถึงการถอยหลังแล้ว
    ศักราชใหม่เริ่มต้นจากตัวเอง เดินหน้าสู่มุมใหม่เพื่อเดินหน้าในทิศทางใหม่ ไม่มัวแต่กล่าวโทษใคร
    และติดตามข่าวคราวรอบตัวอย่างใกล้ชิด ไม่ยึดติด เปิดใจให้กว้าง
    ขอบคุณที่มีวันใหม่ ทุกๆ วัน

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.