นานมาแล้วเพื่อนรุ่นใหญ่คนหนึ่งมักจะพูดให้ฟังว่า สมมุติว่าจะมีบ้านอยู่ต่างประเทศสักหลัง หากเลือกได้อยากไปอยู่ที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา
เมืองเล็กๆด้านฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือแห่งนี้ ตั้งอยู่ในรัฐบริติชโคลัมเบีย ติดอันดับเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกมาโดยตลอดสิบปี
“อากาศดี เมืองสวย ร่มรื่นย์ ต้นไม้เยอะ สิ่งแวดล้อมดี มลพิษน้อย” ดูจะเป็นคำนิยามให้กับเมืองน่าอยู่ในโลกนี้มากกว่า ผู้คนเป็นมิตร อาหารอร่อย ความทันสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกกันเสียอีก
ในโลกยุคปัจจุบัน ปัจจัยสำคัญในการดำรงอยู่ของมนุษย์ คืออาหาร น้ำ และอากาศ นั้น อากาศกลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการชี้วัดความเป็นเมืองน่าอยู่
สองปีก่อนผมมีโอกาสเช่ารถขับจากเมืองซีแอตเติ้ล ประเทศสหรัฐอเมริกา มุ่งหน้าไปทางถนนไฮเวย์ขึ้นเหนือ ข้ามชายแดนเข้าสู่ประเทศแคนาดา ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองรูปร่างสูงใหญ่ ขอดูพาสปอร์ตและซักถามนานพอควร สำหรับคนหน้าตาเอเชียอย่างเรา เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าประเทศที่มีมากขึ้น
หน้าร้อนในเดือนกรกฎาคม อากาศยังหนาวกว่าปรกติ เราขับรถตรงเข้าเมืองแวนคูเวอร์ เห็นอาคารตึกระฟ้าแต่ไกล ก่อนที่จะขับมาจอดรถที่ Stanley Park สวนสาธารณะชื่อดัง หยอดเหรียญจ่ายเงินค่าจอดแบบอัตโนมัติ เป็นระบบไว้ใจกัน โดยที่ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่มาคอยตรวจตราว่าใครเบี้ยวตังค์ค่าจอดรถ
ทุกปีมีนักท่องเที่ยวมาเยือนสวนสาธารณะแห่งนี้ถึง ๘ ล้านคน สวนแห่งนี้มีทั้งป่า บึง หนองน้ำ นกและสัตว์หลายชนิด อาควอเรียม เส้นทางเดินธรรมชาติ สวนสัตว์ เวทีแสดงดนตรี แต่อันที่จริงน่าจะเรียกว่าเป็นป่าใหญ่กลางเมืองมากกว่า เพราะมีเนื้อที่ ๒,๕๐๐ กว่าไร่ ปกคลุมด้วยต้นไม้กว่าครี่งล้านต้น บางต้นสูงเท่ากับตึกสามสิบชั้น เปรียบเทียบกับสวนลุมพินี ของกทม.มีพื้นที่ ๓๖๐ ไร่ ขณะที่ขนาดของกทม.มีพื้นที่ ๑,๕๐๐ ตารางกิโลเมตร แต่แวนคูเวอร์มีพื้นที่เพียง ๑๑๔ ตารางกิโลเมตร
ตัวช่วยในการฟอกปอดของคนแวนคูเวอร์ประชากร ๖๐๐,๐๐๐ กว่าคน จึงโดดเด่นกว่าชาวกทม.ประชากร ๑๒ ล้านคนอย่างเทียบกันไม่ติด แต่เท่านั้นยังไม่พอ นอกจากต้นไม้ใหญ่ที่ดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว การลดมลพิษในอากาศจากปัญหาการจราจรยังเป็นปัจจัยสำคัญอีก
เราตั้งใจมาจอดรถ เพื่อเริ่มต้นสัญจรในเมืองเฉกเช่นชาวเมืองจำนวนมาก คือเดินเท้า ใช้รถประจำทาง หรือ ขี่จักรยานไปทำงาน เราเลือกเส้นทางเดินริมทะเล มองออกไปด้านนอกเห็นนกน้ำนานาชนิด กำลังหากินตามชายฝั่ง ไกลออกไปเห็นเครื่องบินกำลังแล่นขึ้นจากทะเล ผู้คนขี่จักรยานมากมาย บ้างก็มาถีบเล่นกินลม แต่ส่วนใหญ่ถีบไปทำงาน ทำธุระโดยผ่านสวนสาธารณะออกไปด้านนอก ไม่เห็นรปภ.คนใดมาโบกมือไล่ออกไป เหมือนกับสวนสาธารณะในกทม.
สถาปนิกของเมืองได้ออกแบบทางเดินเชื่อมสวนสาธารณะเข้าสู่ถนนในเมืองแวนคูเวอร์ได้อย่างกลมกลืน พอเราเดินโผล่ออกมานอกสวนสาธารณะ เจอทางฟุตบาทขนาดใหญ่ปลูกต้นไม้สองข้างทาง บนถนนเป็นทางจักรยานตีเส้นชัดเจน เห็นรถถีบผ่านไปคันแล้วคันเล่า ไม่มีรถมอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์มาขับแย่งเลนแบบบ้านเรา และปัจจุบัน ถนนบางสายในเมืองได้เริ่มทำกำแพงกั้นทางจักรยานจากพื้นผิวจราจรของถนน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุอย่างเต็มที่
มีการวิจัยพบว่าการเดินทางด้วยจักรยานในเมืองแวนคูเวอร์เพื่อไปสู่จุดมุ่งหมายรวดเร็วที่สุด เร็วกว่ารถยนต์หรือรถโดยสารเสียอีก ทำให้อัตราการใช้จักรยานเพิ่มขึ้นสองเท่าตัวในรอบสิบปีที่ผ่านมา ทุกวันนี้ชาวเมืองเกือบแสนคนเดินเท้าหรือปั่นจักรยานไปทำงาน และทางการได้ออกแบบทางจักรยานระยะทางสี่ร้อยกว่ากิโลเมตรเฉพาะในตัวเมืองเพื่อรองรับการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด
ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นฉับพลัน แต่เมื่อสิบกว่าปีก่อน ทางผู้บริหารเมืองแวนคูเวอร์ได้ร่างแผนแม่บทระบบการจราจรในเมืองว่า จะให้ความสำคัญกับการเดินทางด้วยจักรยานเป็นหลัก ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล และจึงมีการวางแผนตัดถนนที่มีเลนจักรยาน การเชื่อมเส้นทางโครงข่ายของถนนที่มีเลนจักรยาน เพื่อสะดวกต่อการปั่นจักรยาน การกระตุ้นวางแผนประชาสัมพันธ์ให้ผู้คนหันมาสนใจปั่นจักรยานเพื่อการเดินทาง และการเข้มงวดทางกฎหมายกับผู้ที่ละเมิดสิทธิ์ของผู้ใช้จักรยาน
สิบปีผ่านไป การเดินทางด้วยจักรยานเป็นภาพชินตาในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยอาคารทันสมัย การจราจรไม่ติดขัดเหมือนเดิม ผู้คนไม่ต้องคาดที่ปิดจมูกเวลาเดินตามท้องถนน ไม่มีเสียงบีบแตรรถให้ตกใจ ไม่มีอากาศเป็นพิษจากท่อไอเสีย ผู้คนประหยัดรายจ่ายจากค่าน้ำมัน ที่จอดรถหลายแห่งกำลังจะถูกเปลี่ยนให้เป็นสวนสาธารณะเพราะแทบไม่มีรถจอด มีที่วิ่งเล่นให้กับเด็ก ๆมากขึ้น ค่าใช้จ่ายในการประกันสุขภาพของประชาชนโดยรวมลดลง เพราะผู้คนป่วยไข้น้อยลง จากการได้ปั่นจักรยานออกกำลังกายสร้างภูมิคุ้มกัน และได้สูดอากาศบริสุทธิ์ขึ้น และที่สำคัญคือมีส่วนในการช่วยลดโลกร้อน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์จากการใช้น้ำมัน
เราเดินผ่านลานคนเมืองที่มีน้ำพุให้เด็กได้เล่นกัน ผ่านลานดนตรี สวนสาธารณะเล็ก ๆ ที่มีการแสดงงานศิลปะกลางแจ้ง มีสวนสาธารณะมากมายล้อมรอบอาคารที่อยู่อาศัยของชาวเมือง ผู้คนสามารถมานั่งปิกนิก พักผ่อนหย่อนใจได้เสมอ เวลาข้ามถนนรถจะหยุดทันทีบนทางม้าลาย เราเดินผ่านอาคารระฟ้าที่มีต้นเมเปิ้ลปลูกล้อมรอบ จนอดคิดไม่ได้ว่า ในความทันสมัยของเมืองนี้เราเห็นความร่มรื่นย์ของธรรมชาติโอบล้อมเสมอ
แวนคูเวอร์ตั้งเป้าว่าจะเป็นเมืองสีเขียวน่าอยู่ที่สุดในโลกตลอดไป ขณะที่บ้านเรา นอกจากจะตัดต้นไม้ใหญ่กลางเมืองแล้ว ไม่สนใจทำทางจักรยานเพื่อการเดินทางอย่างจริงจัง ยังเห็นจักรยานเป็นการปั่นเล่น ๆวันหยุด แต่วันนี้ทางกรุงเทพมหานครได้ประกาศแผนการจะทุ่มเงินเกือบแสนล้านบาทเพื่อแก้ปัญหาการจราจร ด้วยการเวนคืนที่ดินเพิ่มพื้นที่ถนน ตัดถนนใหม่ ๆ รองรับรถยนต์เท่านั้น
สโลแกนคำว่า กรุงเทพฯ เมืองสีเขียว คงเป็นได้แค่การทาสีเขียวบนพื้นผิวถนนจราจรเพียงอย่างเดียวจริง ๆ ส่วนคำว่า กรุงเทพฯ เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก ยิ่งมองไม่เห็นฝั่งแต่ประการใดเลย
สารคดี เมษ. ๕๕
Comments
อยากสอบถามเรื่องแผนการแก้ปัญหาจราจรของกทม.ว่าเป็นโครงการไหนหรอคับ?