ระยะนี้หากใครสังเกต จะพบว่าในช่วงนี้ไปจนถึงสิ้นปี วาฬบรูด้าร่วมสิบตัวจะติดตามฝูงปลาเข้ามาในอ่าวไทยเพื่อกินเป็นอาหาร
ผมนึกถึงฝูงสิงโตที่ติดตามฝูงกวาง ม้าลายที่หากินให้เติบใหญ่ในทุ่งหญ้าแอฟริกา เวลาหิวก็ออกไล่ล่าเหยื่ออย่างง่ายดาย พออิ่มหมีพีมัน ก็พักผ่อนกระดิกหางตามร่มไม้อยู่แถวนั้น และเคลื่อนไหวติดตามอาหารของตัวเองไปทุกย่างก้าวด้วยความสุข
นึกถึงคาวบอยขี่ม้าต้อนฝูงวัวให้หาหญ้ากินไปเรื่อย ๆ ในท้องทุ่งอันกว้างใหญ่ของทวีปอเมริกา พอขุนจนอ้วน เติบโตได้ราคาก็ต้อนเข้าโรงฆ่าสัตว์ เป็นอาหารของมนุษย์
พฤติกรรมของสัตว์ใหญ่อย่างบรูด้าที่ติดตามฝูงปลา ก็คงไม่ต่างจากธรรมชาติของสัตว์ผู้ล่าทั้งหลายในโลกนี้
อันที่จริงนักดำน้ำ พบเห็นวาฬบรูด้าในอ่าวไทยมานานนับสิบปีแล้ว เพื่อนนักถ่ายรูปใต้น้ำคนหนึ่งเคยถ่ายวาฬบรูด้าใต้ทะเลได้เป็นคนแรก เอามาขึ้นปกสารคดีเมื่อสิบกว่าปีก่อนจนเป็นที่ฮือฮา และข่าวคราวของวาฬชนิดนี้ก็เงียบหายไป จนกระทั่งเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา วาฬบรูด้าได้ปรากกฏให้เห็นบ่อยมากขึ้น และผมเองมีโอกาสเห็นวาฬบรูด้าเป็นครั้งแรกในอ่าวไทย หลังจากออกเรือกับชาวประมงเมืองเพชรไปหลายชั่วโมง
กลางทะเลอันเวิ้งว้าง คุณลุงได้ชี้ให้เห็นฝูงนกนางนวลบินอยู่เหนือทะเลไม่สูงนัก เป็นสัญญาณว่าบรูด้าน่าจะอยู่แถวนั้น และลุงได้หันหัวเรือมุ่งไปตรงนั้น ไม่นานบรูด้าก็อ้าปากขนาดใหญ่กวาดฝูงปลาจากใต้ทะเลและโผล่ขึ้นมาเหนือพ้นน้ำ เห็นนกบินจิกปลาที่ถูกผลักขึ้นสู่อากาศ เป็นภาพงดงามครั้งหนึ่งในชีวิต
ทุกวันนี้การพานักท่องเที่ยวแห่กันมาดูวาฬบรูด้า ได้เพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว แต่ละวันมีเรือหลายสิบลำลอยเรือกลางทะเลเพื่อหวังดูวาฬบรูด้า และดูเหมือนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็มีแผนจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อหารายได้อย่างงาม
ตอนที่ไปดูวาฬครั้งนั้น ผมเห็นเรือท่องเที่ยวเหมาลำจากพัทยาหลายลำ พานักท่องเที่ยวมาดู เรือบางลำเป็นสปีดโบท เร่งเครื่องยนต์เสียงดึงกระหึ่มแล่นเรือโฉบเฉี่ยวเข้าไปใกล้ ดักหน้าดักหลังวาฬบรูด้าด้วยความคึกคะนอง ท่ามกลางการส่งเสียงกรีดร้องด้วยความสนุกสนานของบรรดาลูกเรือ
พอทราบข่าวเรื่องวาฬบรูด้ามาขึ้นกลางอ่าวไทย หลายคนรีบเดินทางมาเที่ยวชมปรากฏการณ์ด้วยความตื่นเต้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็น และจากไปพร้อมกับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่า อาจจะทำให้วาฬบรูด้าอันตรธานหายไปจากอ่าวไทย ด้วยความรู้สึกถูกรบกวน ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
ที่ผ่านมาใครอยากจัดเรือพานักท่องเที่ยวไปดูวาฬบรูด้า สามารถทำได้อย่างเสรี ใครมีเรือก็ออกไปได้ ไม่มีกฎกติกา มารยาทใด ๆ
อันที่จริง การจัดเรือไปดูวาฬกลางทะเลนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ในต่างประเทศ เขาทำกันมานานและทุกวันนี้ยังมีวาฬมาให้ดูอย่างต่อเนื่อง เรือที่ทำธุรกิจพานักท่องเที่ยวออกไปชมวาฬ ต้องได้รับการกวดขันอย่างเข้มงวดจากทางการ
สองปีก่อน ผมมีโอกาสนั่งเรือท่องเที่ยวไปดูวาฬออร์ก้า วาฬเพชฌฆาต ในมหาสมุทรแปซิฟิก ผมนั่งเรือดูวาฬพร้อมนักท่องเที่ยวประมาณสิบคนจากเมืองท่าวิกตอเรีย รัฐบริติช โคลัมเบีย ประเทศแคนาดา เลียบฝั่งมหาสมุทรไปประมาณสองชั่วโมง
บริเวณนี้เป็นเขตแดนติดต่อกับรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เรียกว่าเขตมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ ถือว่าเป็นแดนสวรรค์ของวาฬออร์ก้าประมาณสามร้อยตัว ที่มาหาอาหารกินบริเวณนี้อย่างหนาแน่น
ครั้งหนึ่งในชีวิตกับค่าโดยสารเรือ ๑๐๐ เหรียญสหรัฐเพื่อดูวาฬออร์ก้า ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ จากฝีมือมนุษย์ที่จับมันมาเลี้ยงในอะควอเรียมโชว์ให้นักท่องเที่ยวดู และติดอวนของชาวประมงตายปีละหลายร้อยตัว
พอขึ้นเรือ กัปตันได้แนะนำให้ปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดกับการดูวาฬออร์ก้า เพื่อให้คนรุ่นหลังได้มีโอกาสศึกษา ด้วยการดูอย่างสงบ อย่าส่งเสียงดัง และอย่าเรียกร้องให้กัปตันขับเรือเข้าไปใกล้อีก เพราะเป็นการรบกวนเค้าเกินไป
ลมหนาวเย็นจัดผ่านเสื้อกันหนาวสองชั้นเข้าไปไล่ความอบอุ่นในร่างกาย จนเราสั่นสะท้าน แต่ก็กัดฟันยืนบนดาดฟ้าเรือ เมื่อกัปตันเรือให้สัญญาณว่า เห็นวาฬบรูด้าแล้วในระยะห่างออกไป และกัปตันได้ลดความเร็วลงทันที อันเป็นกฏชัดเจนทุกครั้งที่เห็นออร์ก้า และเมื่อเรือเข้าไปใกล้ในระยะ ๔๐๐ เมตร ต้องแล่นด้วยความเร็วเพียง ๗ น็อต เพื่อไม่เป็นการรบกวนสัตว์น้ำตัวใหญ่ที่หากินเป็นฝูง
ออร์ก้าที่เราเห็นไม่ได้มีเพียงตัวเดียว แต่มากันเป็นครอบครัว ทั้งแม่ลูกสามสี่ตัว สีดำ ขาว ต้องแสงแดดเป็นประกายชัดเจน ออร์ก้ามีลักษณะเหมือนกันหมด จนแทบแยกไม่ออก นอกจากขนาดของมัน แต่กัปตันให้เราสังเกตดูครีบสีดำขนาดใหญ่ที่โผล่พ้นทะเล เป็นจุดสังเกตว่า ลักษณะครีบของแต่ละตัวไม่เหมือนกัน ทำให้เราสามารถจำแนกได้ว่าออร์ก้าที่พบเป็นตัวเดียวกันหรือไม่
แต่ยอมรับว่าหากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญคงแยกไม่ออกหรอกว่า ครีบแต่ละตัวแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ขณะที่กัปตันได้ชี้ให้ดูครีบออร์ก้าอีกตัวที่ว่ายเข้ามาในระยะใกล้ ว่าเป็นคนละตัวกับที่เห็นเมื่อครู่นี้
ตามข้อบังคับการออกเรือดูออร์ก้า เรือจะต้องห้ามเข้าใกล้เกินระยะ ๑๐๐ เมตร ไม่แล่นตัดหน้า หรือแล่นดักหน้า ดักหลังอย่างเด็ดขาด และการดูนักล่าแห่งท้องทะเลชนิดนี้คือการแล่นเรือขนานไปกับตัวออร์ก้า
หากบังเอิญออร์ก้าโผล่ขึ้นมาในระยะไม่ถึงร้อยเมตร กัปตันต้องหยุดเครื่องเรือทันที ป้องกันอันตรายของออร์ก้าที่อาจจะเกิดจากใบพัดใต้ท้องเรือ
และข้อบังคับสำคัญที่สุดอีกประการคือ เมื่อเห็นฝูงออร์ก้าทั้งแม่ลูกแล่นตามกันมา ห้ามแล่นเรือเพื่อทำให้แม่กับลูกพลัดพรากหลงทางกันเด็ดขาด
ทุกครั้งที่ออร์ก้าโผล่ขึ้นมาหายใจ กัปตันจะเบาเครื่องยนต์ทันที รักษาระยะไม่นำเรือเข้าไปใกล้เกินร้อยเมตร ปล่อยให้เป็นความสามารถของบรรดานักท่องเที่ยวที่จะใช้กล้องส่องทางไกลดูกันตามชอบใจด้วยความสงบ
“ ผมรักษากฎ กติกามานานแล้ว เราจึงใช้เวลาไม่นานในการตามหาออร์ก้าบริเวณนี้ได้ตลอดทั้งปี หาไม่ยาก เพราะผมเชื่อว่า มันไว้ใจเรา” กัปตันคุยกับนักท่องเที่ยวผู้อยากรู้ ก่อนจะชี้ให้ดูออร์ก้าตัวหนึ่งที่กระโดดขึ้นเล่นน้ำกลางอากาศ ก่อนจะทิ้งตัวลงมาจนน้ำแตกกระจาย ไม่ไกลจากชายฝั่ง
เราอยู่กับออร์ก้าได้เพียงครึ่งชั่วโมง กัปตันก็ขับเรือจากไปแม้ว่าออร์ก้ายังอยู่แถวนั้น ด้วยเหตุผลว่า เพื่อให้นักท่องเที่ยวจากเรือลำอื่นได้มีโอกาสมาดู เพื่อไม่ให้เรือแถวนี้หนาแน่นเกินไป
ไม่แปลกใจนักที่บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือจึงเป็นสวรรค์ของวาฬออร์ก้า เพราะผู้คนแถวนั้นมีกติกาชัดเจนในการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับออร์ก้า
อ่าวไทยอาจเป็นสวรรค์ของวาฬบรูด้าในอนาคต หากพวกเรามีกฎ กติกา มารยาทอย่างแท้จริงในการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับบรูด้า
สารคดี สค. 55
Comments
http://www.pac.dfo-mpo.gc.ca/fm-gp/species-especes/mammals-mammiferes/view-observer-eng.htm
ชอบมากครับที่นำเสนอสิ่งดีๆ ผมทำงานพานักท่องเที่ยวชมออก้า ที่แคนาดาครับ อยากให้บ้านเราสร้าง กฏหมาย เพื่อชมวาฬครับ
http://siamfishing.com/board/view.php?list=all&tid=644161&begin=0 เป็นเรื่องราวที่ผมเคยนำเสนอในเวปตกปลาชั้นนำของเมืองไทย เมื่อปีที่แล้วครับ
Pingback: ฉบับที่ ๓๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๕