ปีนี้เป็นปีเสือ แต่มีเสือหลายตัวตายจากไป
เสือเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีศักดิ์ศรี สง่างาม กล้าหาญ น่าเกรงขาม ไม่ทำร้ายใครหากไม่จำเป็น
11 มีนาคม ที่ผ่านมา ท่ามกลางข่าวความวุ่นวายทางการเมือง มีข่าวเล็ก ๆ ทางหน้าหนังสือพิมพ์ที่สร้างความสะเทือนใจให้กับคนทั่วไป เมื่อเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ได้พบซากเสือแม่ลูกอ่อนสามตัวถูกวางยาเบื่อตายอนาถกลางป่า ด้วยฝีมือของพรานใจโหด
เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าพบว่านายพรานได้วางยาพิษฆ่าเสือโคร่งจำนวนสามตัว โดยใช้เนื้อเก้งผสมยาพิษชนิดรุนแรงวางล่อเป็นเหยื่อตามด่านสัตว์ เจ้าหน้าที่ฯ ได้พบซากแม่เสือโคร่งตัวแรกในสภาพถูกถลกหนัง เลาะเอากระดูกไปหมด ถูกทิ้งไว้เหลือแต่ซากเนื้อที่มีอุ้งเท้าติดอยู่ และพบลูกเสือโคร่งขนาดเล็กอีกสองตัวนอนตายอยู่ใกล้กัน
รายงานข่าวยังเพิ่มเติมว่า บริเวณพื้นที่พบซากเสือโดยรอบ ยังพบร่องรอยการดิ้นอย่างทุรนทุรายเพราะความเจ็บปวดเป็นวงกว้าง จากยาพิษในเนื้อเก้งที่กินเข้าไป และยังมีร่องรอยการกัด ข่วนต้นไม้ ก่อนที่นายพรานจะแกะรอยตามแล่เอาหนัง เนื้อ กระดูก อวัยวะเพศไปขายทำยาโด๊ป
คืนนั้นผมดูข่าวทางโทรทัศน์ เห็นภาพเสือแม่ลูกแล้วนอนไม่หลับครับ เศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก ชีวิตสัตว์ป่า ที่ไม่เคยเบียดเบียนมนุษย์ มีราคาถูกมากในประเทศนี้
อันที่จริงตอนต้นปีที่ผ่านมารัฐบาลไทยเพิ่งได้หน้าเป็นข่าวไปทั่วโลก เมื่ออาสาเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเสือโคร่งโลก ทำให้ทราบว่าประชากรเสือโคร่งทั่วโลกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 3,200 ตัว ประมาณ 300 ตัว อาศัยอยู่ในป่าของประเทศไทย ส่วนใหญ่อยู่ในป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีประชากรเสือโคร่งอินโดจีนมากที่สุดในเอเชีย
เสือแม่ลูกสามตัวตายจากไปไม่ทันไร วันรุ่งขึ้นมีข่าวสะเทือนใจคนไปทั้งประเทศ
12 มีนาคม สังคมไทยได้สูญเสียข้าราชการผู้ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินไปอีกราย คือจ่าเพียร หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา เนื่องจากถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบลอบวางระเบิดรถยนต์
“กูไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง อีกปีเดียวกูก็เกษียณแล้ว แต่กูทำไปเพื่อตำรวจ ทหาร อส. ใน ๓ จังหวัด คนทำความดีควรได้รับการดูแลตอบแทนบ้าง”
คำพูดของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ที่บอกให้ลูกน้องได้เข้าใจการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแต่งตั้ง ในฐานะที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดนภาคใต้มาร่วม 40 ปี และต้องการย้ายออกนอกพื้นที่ เพื่อความสบายใจของครอบครัว ในช่วงปีสุดท้ายของชีวิตราชการ
ตลอดระยะเวลาสี่สิบปีในชีวิตข้าราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จ่าเพียรเป็นตำนานของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ นับแต่จบการศึกษาจากโรงเรียนตำรวจภูธร จ.ยะลา ก็บรรจุเข้ารับราชการที่ อ.บันนังสตา เขาผ่านการต่อสู้กับการก่อการร้ายทุกยุคทุกสมัย เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายตั้งแต่โจรจีนคอมมิวนิสต์ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนภาคใต้ ผกค. ยิงปะทะกับฝ่ายตรงข้ามนับร้อยครั้ง ที่หนักสุดคือในช่วงปี 2519 ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ขาซ้ายจนเกือบพิการ จนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญรามมาลาเข็มกล้ากลางสมร
เขาเป็นคนทำงานหนักถึงลูกถึงคน ไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย เป็นที่รักยิ่งของชาวบ้านและผู้ใต้บังคับบัญชา
“ผมทำงานในภาคใต้มายาวนาน เคยปะทะผู้ร้ายเกือบ 100 ครั้ง บาดเจ็บ 8 – 9 ครั้ง วิสามัญผู้ร้าย 22 คน คิดว่าผลงานขนาดนี้ เมื่อถึงเวลาจะได้อะไรตอบแทน แต่สิ่งที่ได้กลับเป็นคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย ที่ใครหลายคนบอกว่า แย่ที่สุดในชีวิต เนื่องจากมีการข้ามอาวุโส และเล่นพรรคเล่นพวกจำนวนมาก”
ความตายของจ่าเพียรทำให้ผมนึกถึง ข้าราชการผู้ซื่อสัตย์คนหนึ่งของเมืองไทยที่มีชะตากรรมแทบจะไม่ต่างกัน
ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 20 ปีการเสียชีวิตของคุณสืบ นาคะเสถียร อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
ย้อนอดีตไปตอนรุ่งสางของวันที่ 1 กันยายน 2533 ในราวป่าห้วยขาแข้ง ได้มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด เจ้าหน้าที่แถวนั้นคิดว่าเป็นเสียงปืนของบรรดานายพรานที่ชอบแอบมาล่าสัตว์ แต่พอตอนสายๆ มาทราบทีหลังว่า เป็นเสียงปืนที่คุณสืบได้ยิงตัวตายในบ้านพักของเขาเอง
เสียงปืนนัดนั้นได้ปลุกให้คนทั้งประเทศสะเทือนใจต่อการจากไปของข้าราชการป่าไม้ตัวเล็กๆ ผู้ทุ่มกายทุ่มใจ เสี่ยงชีวิตเฝ้าดูแลป่าห้วยขาแข้งที่มีพื้นที่ใหญ่กว่ากรุงเทพมหานครแต่ไม่มีใครเห็นคุณค่าการรักษาป่าอนุรักษ์โดยเฉพาะผู้มีอำนาจในบ้านเมืองที่ไม่เคยสนใจหรือใส่ใจการอนุรักษ์ธรรมชาติ
ผมจำได้ว่า ก่อนตายไม่นาน คุณสืบได้หอบเอาหลักฐานการตัดไม้ทำลายป่าของกลุ่มคนผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ไปมอบให้กับผู้มีอำนาจระดับรัฐมนตรี และระบายความในใจที่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าต้องตกเป็นเหยื่อกระสุนจากอิทธิพลเถื่อนคนแล้วคนเล่า แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครสนใจ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือข้าราชการระดับสูง
สืบ นาคะเสถียร เป็นคนมุ่งมั่นในการทำงานมาตลอด เขาทราบดีว่าแม้จะเหน็ดเหนื่อยตรากตรำทำงานหนัก ภายใต้แรงกดดันเพียงใด อาจจะไม่มีทางสำเร็จ หากคนภายนอกไม่ได้หันมาให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ป่าอย่างจริงจัง ดังนั้นการจะทำให้ผู้คนหันมาสนใจการรักษาป่าอนุรักษ์ อาจจะมีหนทางเดียว
ภายหลังเสียงปืนนัดนั้น ผู้คนในสังคมต่างสะเทือนใจต่อการสูญเสียข้าราชการผู้ซื่อสัตย์ ทำงานหนักอย่างเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายและยอมเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อบอกให้คนทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในป่าห้วยขาแข้ง
ผมยังจำได้ดีว่า ภายหลังการตายของคุณสืบเพียงอาทิตย์เดียว ที่ป่าห้วยขาแข้ง ไม่ไกลจากบ้านพักของคุณสืบ มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายพลเรือน ทหาร ตำรวจ หลายร้อยคนมาประชุมกัน เพื่อจะหาทางรักษาป่าห้วยขาแข้งอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณสืบรอมาตลอดชีวิต
หากไม่มีเสียงปืนนัดนั้น ผมเชื่อว่าการประชุมวันนั้นคงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
หากคุณสืบยังมีชีวิตจนถึงทุกวันนี้ เขาคงอายุมากกว่า พ.ต.อ.สมเพียรหรือจ่าเพียรสองสามปี อาจเรียกได้ว่าเป็นคนรุ่นใกล้เคียงกัน คุณสืบกับจ่าเพียร ต่างเป็นข้าราชการผู้ซื่อสัตย์ อุทิศชีวิตเพื่อสังคมอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ล้วนเป็นเหยื่อสังเวยความเน่าเฟะของระบบราชการไทย
งานศพของคุณสืบ กับงานศพของจ่าเพียร ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันมีผู้หลักผู้ใหญ่ บุคคลสำคัญ คนมีชื่อเสียงมาร่วมงานศพมากมาย ทุกคนได้แต่กล่าวคำว่า เสียใจ แต่แทบจะไม่มีค่าอันใด เพราะมันสายเกินไปเสียแล้วกับสิ่งที่พวกเขาเคยเรียกร้องและขอร้องมาตลอดชีวิต
ทั้งสองท่านตายไป เพื่อประจานความเน่าเฟะของระบบราชการประจานความยุติธรรมในสังคมไทย โดยเฉพาะ ผู้มีอำนาจที่ไม่เคยสนใจอะไรนอกจากผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง
หลายปีมาแล้ว เสือเมืองไทยทยอยตายลงไปเรื่อย ๆ จวนเจียนจะสูญพันธุ์จริง ๆ
มติชน 28 มีนาคม 2553
Comments
คนตัวเล็กอย่างเราจะสามารถทำอะไรให้เสือได้บ้างครับ?
Pingback: Tweets that mention เสือแม่ลูก จ่าเพียร และสืบ นาคะเสถียร | -- Topsy.com
Pingback: Tweets that mention เสือแม่ลูก จ่าเพียร และสืบ นาคะเสถียร | -- Topsy.com
สังคมไทยเมื่อไหร่จะก้าวพ้นความเห็นแก่ตัวได้พ้นเสียที คนไทยส่วนใหญ่ขาดจิตสำนึกสาธารณะ ยิ่งปัจจุบัน พระสงฆ์ที่จะเป็นผู้นำพาสาธุชน ก็หาดียากขึ้นทุกที
ก็ได้แต่สวดมนต์ภาวนาขอให้ประเทศชาติรอดพ้นจากวิกฤติอันเลวร้ายจากสภาพปัจจุบันเสียที
เห็นด้วยเต็มๆ ว่าเสือสี่เท้า และเสือสองเท้าในเมืองไทย
กำลังสูญพันธุ์ไปเรื่อยๆ ป่านี้ เมืองนี้ เสืออยู่ยาก ทั้งๆ ที่เป็นสิ่งมีชีวิต
ที่กล้าหาญ สง่างาม ไม่รุกรานใครก่อนอย่างคุณว่า
แต่ชาวเมืองนี้ไม่น้อยยังนิยมหมาและบูชาเทวดากันอยู่ – – มั้งคะ
เราจะต้องเศร้าใจในปีเสือไปอีกกี่ศพกันหนอ
ชอบบทความนี้ค่ะ
อ่านบทความของพี่จอบแล้วนึกถึงข้อเขียนของพี่เชนที่เคยพูดถึงเสือว่า
“เสืออยู่อย่างโดดเดี่ยวและล่าเหยื่อเพียงลำพัง”
และผมคิดว่าเมื่อเสือตาย คงตายตามลำพังเช่นกัน
แต่ก็ยังดีใจนะครับว่า
เมื่อ “เสือ” จะตาย ย่อมตายอย่าง “เสือ” แน่นอน
เมื่อไม่กี่วันมานี้ ก็มีข่าวการตายตัวตายหมู่ของชาวนาชาวไร่ในอินเดียเพื่อประจานความโลภของระบบธนาคารและความงี่เง่าของรัฐบาลที่ไม่เหลียวแลคนจนในขณะที่ถูกภัยแล้งซ้ำเติม ฤา ความตายจะเป็นทางออกของจิตสำนึกได้