Page 182 - Skd 298-2552-12
P. 182

เท่ียวเมอื งไทยตามคำ� ขวัญ

เรื่อง : เอกพงศ์ ศรทอง ภาพ : วิจติ ต์ แซเ่ ฮง้ , ฝ่ายภาพ สารคดี

ดอกบัวนอกจากจะเป็นดอกไม้ประจ�ำ จ. อุบลราชธานีแล้ว ยังมี                              แม่น้�ำโขงกับแม่น้�ำมูนไหลมาสบกันท่ี จ. อุบลราชธานี  สายน�้ำ
ความเกย่ี วโยงกับชื่อบ้านนามเมอื งด้วย                                               สองสายมีสแี ตกตา่ งกัน ดังทค่ี นทอ้ งถน่ิ กลา่ ว “โขงสีปูน มนู สคี ราม”

   ปี พ.ศ. ๒๓๑๑ เกิดความขัดแย้งในราชส�ำนักเวียงจันทน์                                   แม่น�้ำโขงไหลผ่าน อ. เขมราฐ อ. นาตาล อ. โพธิ์ไทร และ
ระหว่างพระวอ พระตา กับเจ้าสิริบุญสารผู้ครองนครเวียงจันทน์                            อ. โขงเจียม จ. อุบลราชธานี โดยไหลจากขุนเขาสูงชันเป็นระยะทาง
พระวอและพระตาจงึ ชกั ชวนชาวบา้ นบางสว่ นมาตง้ั บา้ นเมอื งใหม่                       ยาวไกล กระแสน�้ำจึงเช่ียวกรากและกัดเซาะหน้าดินกรวดหินมาด้วย
ท่ีบริเวณหนองบัวลุ่มภู (ปัจจุบันคือ จ. หนองบัวล�ำภู) และตั้งชื่อ                     สายน�้ำโขงจึงมีสีขุ่นโคลนที่บางคนบอกว่าคล้ายสีปูน  สว่ นแมน่ ำ้� มนู
เมืองว่า “นครเข่ือนขันฑ์กาบแก้วบัวบาน” แต่เจ้าสิริบุญสารยัง                          ไหลผ่านอุบลราชธานีท่ี อ. วารินช�ำราบ อ. พิบูลมังสาหาร อ. สิรินธร
ตามมารกุ รานอยเู่ สมอ จงึ ยา้ ยมาตงั้ เมอื งใหมอ่ กี คราทด่ี อนมดแดง                 และ อ. โขงเจียม  เป็นแม่น้�ำสายส้ันๆ เต็มไปด้วยแก่งหิน ซึ่งเป็น
รมิ แมน่ ำ�้ มนู  เพอ่ื พงึ่ อำ� นาจของผคู้ รองนครจำ� ปาสกั  กอ่ นจะเขา้ มา          เหมอื นฝายชะลอความเชย่ี วกรากของกระแสนำ�้  สายนำ�้ มนู จงึ ใส มอง
สวามิภักดส์ิ มเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราช                                              เหน็ เปน็ สคี ราม

   กระทั่งช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ท้าวค�ำผงโอรสของพระตา                                 เมอ่ื แมน่ ำ้� โขงและแมน่ ำ�้ มนู ไหลมาสบกนั บรเิ วณดอนดา่ นปากมนู
ไดย้ า้ ยเมอื งมาตง้ั ในบรเิ วณทเ่ี รยี กวา่  ดงอผู่ ง้ึ  ฝง่ั ซา้ ยของแมน่ ำ้� มนู  หลังวัดโขงเจียม อ. โขงเจียม จึงเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติที่
ซงึ่ กค็ อื ทต่ี ง้ั  จ. อบุ ลราชธานใี นปจั จบุ นั   พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธ-          เรียกว่า “แม่น�้ำสองสี”  ช่วงท่ีเห็นความแตกต่างชัดเจนคือเดือน
ยอดฟา้ จฬุ าโลกพระราชทานนามเมอื งวา่ “อบุ ลราชธานศี รวี นาลยั ”                      ธ.ค.-ก.พ. อันเปน็ ชว่ งทรี่ ะดับน้�ำในแมน่ ้�ำทัง้ สองสายลดต่�ำลง
และโปรดเกล้าฯ ให้ท้าวค�ำผงครองเมือง โดยมีบรรดาศักดิ์เป็น
                                                                                     จุดชมแมน่ ้�ำสองสี บรเิ วณดอนด่านปากมนู ต. โขงเจยี ม อ. โขงเจยี ม
                พระประทุมวรราชสุริยวงศ์  นามเมือง
                และนามเจ้าเมืองล้วนมีความหมายถึง                                     (ภาพ : วิจติ ต์ แซเ่ ฮ้ง)
                ดอกบัว
                                                                                     แกง่ หนิ  หาดทราย ฝงู ปลา ลว้ นเปน็ สง่ิ สรา้ งชอ่ื เสยี งให ้ จ. อบุ ลราชธานี
                    อุบลราชธานีมีบัวสายเป็นดอกไม้                                    เป็นทร่ี จู้ ักของคนท่วั ประเทศ
                ประจ�ำจังหวัด มีบัวหลวงปรากฏอยู่
                ในดวงตราประจ�ำจังหวัด  ปัจจุบันท่ีต้ัง                                  แม่น�้ำโขงและแม่น้�ำมูนเป็นแหล่งปลาน�้ำจืดรสชาติดี  บริเวณ
                เมืองเดิมไม่ปรากฏแหล่งบัวแล้ว ทว่า                                   ริมฝั่งมีหาดทราย เช่นหาดทรายวัดใต้ และชายฝั่งซ่ึงเป็นพื้นท่ีป่าบุ่ง
                แหล่งบัวขนาดใหญ่ท้ังตามธรรมชาติ                                      ปา่ ทาม สว่ นกลางล�ำนำ�้ มเี กาะแกง่ ทบ่ี างแหง่ มคี วามงามเลอ่ื งชอื่  เชน่
                และที่ชาวบ้านปลูกอยู่ที่บ้านปากน�้ำ                                  แกง่ ตะนะ ท ี่ อ. โขงเจยี ม แกง่ สะพอื  ท ี่ อ. พบิ ลู มงั สาหาร ในลำ� นำ�้ มนู
                ต. กดุ ลาด  อ. เมอื งอบุ ลราชธานี                                    สามพนั โบก ท ่ี อ. โพธไ์ิ ทร ในล�ำน�้ำโขง เป็นตน้
                 บน : บวั สายเปน็ ดอกไม้ประจ�ำ
                 จังหวดั อบุ ลราชธานี
                 ซา้ ย : พระประทมุ วรราชสรุ ยิ วงศ์
                 เจ้าเมอื งคนแรกของเมือง
                 อุบลราชธานีศรวี นาลัย

                      (ภาพ : วิจิตต ์ แซ่เฮ้ง)

180 นิตยสารสารคดี 188 ฉบบั ที่ ๒๙๘ ธันวาคม ๒๕๕๒
   177   178   179   180   181   182   183   184   185   186   187