Click here to visit the Website

สนับสนุน สอนหนังสือลูกเองที่บ้าน ดีหรือไม่ คัดค้าน
สอนหนังสือลูกเองที่บ้านดีหรือไม่ ?
( ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณ คลิกที่นี่ )
วันดี สันติวุฒิเมธี : รายงาน
บันสิทธิ์ บุณยะรัตเวช : ภาพ

.....โฮมสคูล หรือการสอนหนังสือลูก ที่บ้าน เป็นแนวการศึกษาทางเลือก ที่คุณพ่อ คุณแม่ หลายคน เริ่มหันมา ให้ความสนใจมากขึ้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เหตุผลส่วนใหญ่มาจาก ผู้ปกครองหลายคน ผิดหวังจาก ระบบการศึกษา และเห็นว่า การสอนลูกเองที่บ้าน น่าจะมีคุณภาพมากกว่า
.....พ่อแม่ที่เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ จึงเริ่มต้นสอนหนังสือลูกเอง โดยใช้แนวคิดหลาย ๆ แนว มาประกอบกันเป็น หลักสูตรโฮมสคูล อาทิ การศึกษาแบบ วอลดอร์ฟ การศึกษาแบบองค์รวม โดยเน้นความสำคัญของทุก ๆ ด้านในการดำเนินชีวิต การศึกษาธรรมะ ฯลฯ หลักสูตรโฮมสคูลของแต่ละบ้าน จึงไม่เหมือนกัน แต่มีเป้าหมายร่วมกัน คือ เน้นความสุข และการเรียนรู้ของลูก เป็นสำคัญ
.....ปัจจุบัน พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติฉบับล่าสุด เปิดโอกาสให้พ่อแม่ องค์กร ชุมชน ฯลฯ สามารถจัด การศึกษา ให้แก่บุตรได้ จนถึงชั้น ม. ๖ การศึกษาแบบโฮมสคูล จึงเป็นทางเลือกใหม่ ของสังคมไทย ที่ผู้ปกครองทุกคน ควรได้ฟังแง่มุมต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ก่อนตัดสินใจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น สนับสนุน หรือ คัดค้าน !
คลิกที่นี่


กนกพร สบายใจ สอนหนังสือลูกเองที่บ้านดีหรือไม่ ? อาจารย์สำเร็จ จันทร์โอกุล

กนกพร สบายใจ
คุณแม่โฮมสคูล

อาจารย์สำเร็จ จันทร์โอกุล
ผู้อำนวยการ โรงเรียนอนุบาล วัดปรินายก

ส นั บ ส นุ น
  • ลูกจะมีอิสระ ในการเลือกทำ ในสิ่งที่อยากทำ ภายใต้กรอบ ความดีงาม
  • พ่อแม่ สามารถถ่ายทอด ประสบการณ์ที่ดี ให้กับลูกได้
  • ลูกจะเติบโต เป็นคนที่มี ความมั่นใจ ในการดำเนินชีวิต

คั ด ค้ า น

  • เด็กที่เรียนโฮมสคูล อาจมีปัญหาเรื่อง การเข้าสังคม และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
  • เด็กที่ไปโรงเรียน จะได้เจอสถานการณ์ ซึ่งจำลองมาจาก ชีวิตจริง
  • พ่อแม่โฮมสคูล ต้องมีเวลา และรายได้ มากเพียงพอสำหรับ จัดกิจกรรมให้ลูก

อ่านฝ่ายสนับสนุน คลิกที่นี่
click here
กลับไปหน้า สารบัญ อ่านฝ่ายคัดค้าน คลิกที่นี่
click here

แล้วคุณล่ะ สนับสนุน หรือ คัดค้าน !
.เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณ คลิกที่นี่
พบเห็นข้อความไม่เหมาะสม กรุณาช่วยกันแจ้ง ผู้ดูแลเว็ป (WebMaster) ขอบคุณครับ


ดิฉันคิดว่า การจัดโฮมสคูลนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ ผู้ปกครองให้ความสนใจทางด้านใดมากกว่า ขึ้นอยู่กับการสอบของผู้ปกครองด้วยว่าจัดเป็นอย่างไร
นางสาวขนิษฐา รอดเสียงล้ำ <nam005@hunsa.com>
- Wednesday, December 17, 2003 at 22:19:01 (EST)

สนับสนุนค่ะ ดิฉันเป็นครูสอนในโรงเรียนขนาดเล็กมีนักเรียนในชั้นแค่ไม่ถึง 20 คนยังรู้สึกว่าตัวเองให้อะไรกับนักเรียนได้ไม่มากพอ ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา หลักสูตรและอะไรหลาย ๆ อย่าง และคิดว่าครอบครัวที่ตัดสินใจสอนลูกแบบโฮมสคูลคงมีความพร้อมเพียงพอจึงได้ตัดสินใจเช่นนั้น เห็นด้วยมาก ๆ ค่ะ อยากมีโอกาสทำเช่นนั้นบ้าง (ครอบครัวที่มั่นใจในระบบการศึกษาไทยปัจจุบันก็ยังส่งลูกไปเรียนพิเศษและจ้างครูมาสอนที่บ้านอยู่เลย)
ครูติ๊ก
- Friday, December 12, 2003 at 04:12:52 (EST)

ขอสนับสนุนค่ะ ถ้ามีโอกาสก็อยากสอนลูกเองเหมือนกัน (แต่ยังไม่แต่งงาน) ช่วงนี้กำลังศึกษาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ค่ะ
ธีรนุช ซื่อตรง <tickteeranuch@hotmail.com>
- Friday, December 12, 2003 at 03:51:52 (EST)

ยังไม่บอกครับว่า สนับสนุนหรือคัดค้าน แต่ขอตั้งข้อสังเกตหน่อย กระทู้นี้เริ่มตอบครั้งแรกเมื่อ กันยายน ปี คศ.1999 ตอนที่ผมเขียนนี่ ธันวาคม คศ.2003 นับเวลาได้ 4 ปี พอดี ยังเห็นว่า แบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายหนุน กับฝ่ายค้าน ผมว่า ถ้าพ่อ แม่ ที่จัดโฮมสคูล อาจได้คำตอบมากพอสมควรแล้วมั้ง แต่ยังไม่เห็น ใครแจงรายละเอียด นั่นอย่างหนึ่ง อย่างที่สอง รูปแบบของการศึกษา มันมีมากกว่านี้ตั้งมากมาย อย่าง พรบ.การศึกษาแห่งชาติ ปี 2542 ก็เปิดโอกาส รวมทั้งเน้นการเรียนในสภาพจริง เน้นการสร้างองค์ความรู้เองของผู้เรียน การเรียนโฮมสคูลก็คล้ายๆ กับว่า เป็นการเรียนในสภาพจริง อย่างหนึ่ง โดยมีพ่อ - แม่ เป็นผู้จัดสภาพแวดล้อมทางการเรียนให้ และจะไม่มีปัญหาเลยหากพ่อแม่รู้อย่างลึกซึ้ง ในทฤษฎีการศึกษา รู้จิตวิทยาของเด็ก รู้พัฒนาการของระบบการศึกษา รู้ปรัชญาการศึกษา รู้แนวโน้มความเป็นไปของโลก ถ้าเป็น พ่อ - แม่ประเภทนี้ก็ จัดโฮมสคูลได้ แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ ผมว่าน่าจะยกหน้าที่นี้ให้ครูหรือโรงเรียนที่ท่านเห็นว่า จะเลี้ยงลูกท่านได้ดี ดีกว่า หน้าที่ของท่านผู้ปกครองทั้งหลายน่าจะเป็นการ หาความรู้เรื่องการศึกษา ให้มากกว่าเดิม เพราะอย่างไรก็คงมีจุดหมายเดียวกัน คือต้องการส่งเสริมให้ลูกๆ ได้มีความรู้ สามารถแก้ปัญหาเองได้ สามารถมีรอยยิ้มได้ในทุกสถานการณ์ของชีวิต รู้จักอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุข โดยยังคงความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่หรือครับ
เอกสิทธิ์ <services@kku.ac.th>
- Monday, December 08, 2003 at 07:54:31 (EST)

โลกและสิ่งแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เราจะต้องเรียนรู้อย่างมาก เพื่อให้สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป นอกจากได้รับการศึกษาในระบบแล้ว ผู้เรียนจึงต้องแสวงหาความรู้จากแหล่งอื่นด้วย การเรียนรู้จึงเป็นครรลองของชีวิตที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกแห่ง และทุกเวลา (Anyone anywhere anytime) และเป็นการศึกษาต่อเนื่องยาวนานตลอดชีวิต (Lifelong Education) การศึกษาในระบบเป็นเพียงกระบวนการจัดการศึกษาที่จะเติมเต็มในส่วนที่การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยขาดอยู่และนำไปสู่การศึกษาตลอดชีวิตอย่างแท้จริง ซึ่งในช่วงชีวิตของแต่ละคนจะต้องได้รับการศึกษาที่เชื่อมโยงกันไม่สามารถแยกกันโดยอิสระได้เพราะการศึกษาที่ 3 รูปแบบไม่เบ็ดเสร็จในตัวเอง
นกศ. <kseesen2002@yahoo.com>
- Monday, November 17, 2003 at 04:06:58 (EST)

ไม่เห็นด้วย คิดว่าครอบครัวไทยส่วนใหญ่ยังต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพและความรู้ที่มีพอแล้วหรือที่จะให้ความรู้กับบุตรหลานตนเอง
พัชรี <๋่่่jpat1@maildozy.com>
- Sunday, August 24, 2003 at 06:51:08 (EDT)

คัดค้านเพราะเดี๋ยวครูตกงาน และเรื่องการอยู่ในสังคมก็เกี่ยวด้วย พ่อแม่บางคนไม่มีความรู้ที่จะสอนลูกและไม่มีเวลาแค่ใกล้ชิดยังไม่มีแล้วจะมาเป็นครูสอนเป็นไปไม่ได้
น.ส.ศศิธร อมรพันธ์
- Friday, July 18, 2003 at 14:00:12 (EDT)

คัดค้านเพราะว่าการเรียนอยู่ที่บ้านทำให้คนเราขาดการอยู่ร่วมกันในสังคมที่เราต้องมีมนุษย์สัมพันธ์กับเพื่อน ถ้าหากไม่เริ่มต้นที่โรงเรียนจะทำให้เราลำบากเมื่อเราทำงานร่วมกับคนอื่น
อุทัยวรรณ มานะมุ่งประเสริฐ <autaiwan_mol@hotmail.com>
- Friday, July 18, 2003 at 12:52:32 (EDT)

ขอแสดงความเห็น 1.เอาแนวคิด หลักการ โฮมสคูลไปให้ครูทำที่โรงเรียน 2.กระทรวงต้องยกเลิกหลักสูตรใหม่ทั้งหมด คิดใหม่ อย่าให้เด็กยิ่งเรียนยิ่งโง่ เรียนมากเกิน อะไรก็จะให้เด็กรู้หมด ไม่รู้ลึกถึงแก่นแท้ของแต่ละวิชา การศึกษาไทย คนคิดไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้คิด ต้องให้ข้างล่างเขาคิดบ้าง นักวิชาเกินเยอะ ยุ่งไม่ถูกเป้า 3.ยังเห็นด้วยกับระบบโรงเรียน เพราะโฮมสคูลผู้ปกครองหนักเกกินไป แต่ระบบโรงเรียนต้องคิดใหม่ ทำแบบเดิมถึงทางตันแน่นอน และต้องยกเลิกนักวิชาการในกระทรวงให้หมด แล้วสรรหาใหม่เอาที่คิดแบบ50ปีล่วงหน้าได้
เพื่อนตาสี <โดเรมี.com>
- Wednesday, July 02, 2003 at 16:14:09 (EDT)

ที่ต่างประเทศมีมานานเเล้ว ไม่รู้ว่าใครพอจะรู้ผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้างครับ ช่วยบอกหน่อย อยากตั้งข้อสังเกตุว่า 1. เด็กจะอยู่กับผู้ใหญ่ที่รักเขาอย่างบริสุทธิ์มากไปไหม แทบจะทั้งวันทั้งคืนเลย 2.เด็กจะขาดชั้นเชิงในชีวิตไหม ผมไม่ได้หมายถึงการพูดคุยกับเด็กคนอื่นๆ เพราะเขาก็คงพูดคุยกันได้อยู่แล้ว แต่หมายถึงชั้นเชิงที่จะคบกัน ที่จะแข่งกัน ที่จะมองออกว่า เพื่อนคนนี้มันมาไม้ไหนแล้วจะโต้กลับไม้ไหน ที่จะดูกันออกว่าคนๆนี้เป็นคนชนิดไหน ซึ่งไม่สามารถสอนกันได้ด้วยระบบการเรียนในหนังสือ มันสอนกันด้วยประสบการณ์ที่ต้องค่อยๆสะสมไปตามกาลเวลาเเละตามวัยของเขาที่จะได้เจอคนหลากหลาย มันเหมือนกับการสอนที่เรียกว่า "ข้างถนน" แต่เป็นข้างถนนในโรงเรียนที่มีเด็กร้อยพ่อพันแม่ เเตกต่างกันมาให้เด็กในร.ร.ได้ศึกษากันเอง ซึ่งเด็ก HOME SCHOOLไม่มีทางได้ศึกษา ชั้นเชิงของชีวิตเช่นนี้ได้ 3. การได้เจอครูทั้งดี และไม่ดี เก่งและไม่เก่ง ดุและไม่ดุ ก็เป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งในชีวิตของเขา ถ้าเราเข้าใจที่จะอธิบายให้เขาฟังว่า มันไม่มีอะไรที่จะสมบูรณ์ไปหมดหรอก ให้เขาได้เข้าใจโลกของชีวิต ซึ่งเด็กเรียนที่บ้านจะไม่ได้ตรงนี้ เเต่ยังงัยผมคิดว่าพ่อเเม่ที่ชอบระบบนี้ก็คงต้องให้ลูกเรียนระบบนี้ตามความเชื่อของตนเอง ยังงัยก็ขอให้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งความหวังไว้ครับ
who is it
- Friday, June 20, 2003 at 22:46:39 (EDT)

สนับสนุนค่ะ ดิฉันก็วางแผนว่าจะสอนลูกเองเหมือนกันเพราะมีความมั่นใจว่าลูกจะได้รับความรู้แบบองค์รวมและความรู้ที่พัฒนามาจากความสนใจจริงๆ ที่สำคัญคือสามารถมองโลกด้วยสายตาของความเป็นจริงตามหลักเหตุผลและตัดสินใจแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องอาศัยคำแนะนำจากตำราเล่มใดๆ คุณแม่ลูกสอง
malarin palkoed <pmalarin@hotmail.com>
- Tuesday, June 17, 2003 at 04:09:20 (EDT)

ไม่คิดที่จะค้านและไม่สนับสนุน เพราะการที่เราสอนลูกเองที่บ้าน นั้นมีทั้งข้อดีข้อเสีย เราแน่ใจหรือไม่ที่จะสามารถสอนเขาให้ได้ดีกว่าที่โรงเรียน เขาสามารถหาเพื่อนได้หรือไม่ การที่เราสอนเขาที่บ้านเขาได้รับความรู้ที่แน่แค่ไหน แต่การที่สอนเองที่บ้านก็ดีที่เราสามารถดูแลเขาได้เขาอยู่ในสายตาเราตลอดดเวลา เราสามารถแนะนำเขาได้จากประสบการณ์ที่เราผ่านมา และการเรียนแบบนี้ก็สามารถทำให้เด็กได้เรียนรู้ประสบการณ์ตรง
แอน <achalee2244_31@hotmail.com>
- Sunday, June 15, 2003 at 02:28:27 (EDT)

ไม่คิดที่จะค้านและไม่สนับสนุน เพราะการที่เราสอนลูกเองที่บ้าน นั้นมีทั้งข้อดีข้อเสีย เราแน่ใจหรือไม่ที่จะสามารถสอนเขาให้ได้ดีกว่าที่โรงเรียน เขาสามารถหาเพื่อนได้หรือไม่ การที่เราสอนเขาที่บ้านเขาได้รับความรู้ที่แน่แค่ไหน แต่การที่สอนเองที่บ้านก็ดีที่เราสามารถดูแลเขาได้เขาอยู่ในสายตาเราตลอดดเวลา เราสามารถแนะนำเขาได้จากประสบการณ์ที่เราผ่านมา และการเรียนแบบนี้ก็สามารถทำให้เด็กได้เรียนรู้ประสบการณ์ตรง
แอน <achalee2244_31@hotmail.com>
- Sunday, June 15, 2003 at 02:28:03 (EDT)

คัดค้าน
อรสุพพัต เที่ยงตรง <konowa40@hot,ail.com>
- Tuesday, May 20, 2003 at 11:55:21 (EDT)

สนับสนุน
เขมรุจิ บัวเผื่อน <khambuaphern199@hotmail.com>
- Wednesday, April 23, 2003 at 22:53:43 (EDT)

คัดค้าน เห็นด้วยอย่างยิ่งกับความคิดเห็นของอาจารย์สำเร็จค่ะ
สารภี วินิจสิริ
- Thursday, March 27, 2003 at 05:26:26 (EST)

สนับสนุนหรือคัดค้าน ขอเป็นกลาง เพราะเป็นครู ขอยกมือสนับสนุน ในกรณีที่ครอบครัวมีความพร้อม คือ 1.พ่อแม่มีความรู้และประสบการณ์ในการถ่ายทอดความรู้ 2.มีเทคนิควิธีการมีจิตวิทยาในการเลี้ยงลูกและให้ความรู้แก่ลูก 3.มีการจัดการในเรื่องเวลาที่ดี ทั้งนี้เพราะว่าพ่อแม่ย่อมรู้จักลูกดี และรู้ว่าควรจัดเสริมลูกในเรื่องใดและควรปรับปรุงแก้ไขลูกในด้านใด และการเรียนในระบบโรงเรียน บางครั้งค่านิยมหรือมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ที่ไม่ต้องการให้ลูกซึมซับก็อาจเล็ดลอดมาติดลูกได้ ต้องคอยแก้ไข ปรับขัดเกลาไป ขอคัดค้าน ถ้า..... 1.พ่อแม่มีความทัศนคติมองโลกในแง่มุมเดียว เพราะอาจทำให้ลูกซึมซับพฤติกรรม แนวคิด ทัศนคติจากท่านไป จนทำให้การอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้ยาก 2.ไม่เข้าใจในจิตวิทยาในการเลี้ยงลูก 3.ไม่รู้จักจุดอ่อนหรือจุดแข็งของลูก ทำให้ลูกอาจเสียโอกาสที่ดีในการเสริมสร้างความสามารถของลูกไป 4.สำหรับเด็กที่มีลักษณะการปรับตัวยาก ควรส่งเสริมให้เข้าเรียนในโรงเรียน เพราะการสอนที่บ้านอาจทำให้เด็กเก็บตัวมากยิ่งขึ้น
titiporn <tiporn31@yahoo.com>
- Wednesday, March 12, 2003 at 11:34:02 (EST)

การเรียนhomeschoolเป็นการเรียนที่เน้นการเรียนรู้ ตอนนี้ไม่ค่อยมั่นใจในการเรียนของรร.เท่าไร ให้เรียนอะไรกันมากมาย เด็กหัวโตไปหมดแล้ว พวกวิชาบ้าๆบอๆไม่ต้องใส่มาหรอก สู้เรียนแบบhomeschoolไม่ได้ที่เน้นการเรียนรู้
home
- Friday, November 22, 2002 at 05:33:59 (EST)

สนับสนุนค่ะ ตอนนี้ลูกชายของดิฉันอายุ 3 เดือน ดิฉันสนใจเรื่องโฮมสคูลอยู่ แต่ก็ยังไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ สักเท่าไหร่ แต่ก็มีความตั้งใจที่อยากจะทำโฮมสคูล เพราะเราก็รักลูกเรา อยากให้ลูกเราได้รับแต่สิ่งที่ดี ๆ ใช่ไหมค่ะ
ญาณิน เฉลิมเสรีกุล <chayanin_c@hotmail.com>
- Wednesday, October 30, 2002 at 10:10:18 (EST)

ไม่แน่ใจครับ เพราะหลายคนพยายามแล้วรวมทั้งในระบบโรงเรียน ความสำเร็จจะได้เฉพาะในสิ่งที่เราเรียนรู้แต่เมื่อไปสอบเอ็น ปรากฏว่าสอบไม่รู้เรื่อง ก็เลยอยากทราบว่าเป้าหมายของโฮมสกูลทำเพื่ออวดตัวเองว่าเก่งกว่าคนอื่นหรืออย่างไร?
อนันต์
- Thursday, September 12, 2002 at 22:44:44 (EDT)

ไม่เห็นด้วยเพราะจะทำให้เด็กเิกดความเครียดดดยไม่รู้ตัวและไม่อาจแสดงความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่และอาจก่อให้เกิดปัญหาในการเข้าสังคม คุณไม่คิดจะให้ลุกได้รุ้จักกับโลกภายนอกอย่างที่ควรจะเป้นหรือ
Mr.x <hatatakay@hotmail.com>
- Sunday, November 05, 2000 at 05:17:07 (EST)

50-50
ภูษิต ถ้ำจันทร์ <phuthum@hotmail.com>
- Saturday, October 07, 2000 at 23:42:00 (EDT)

อะไรคือการไม่รู้จักสังคม อะไรคือการรู้จักสังคม เป็นประเด็นที่ว่ากันมาก การเรียนการสอนแบบ home school ไม่ได้หมายถึงว่าต้องไม่ให้เด็กได้รู้จักกับเพื่อนบ้านที่ดี เด็กในละแวกเดียวกันสามารถที่จะแชร์ความรู้ระหว่างกัน กลุ่มพ่อแม่เด็ก พระสงฆ์โต๊ะครูโต๊ะอีหม่าม ก็เช่นกัน สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันได้ คุณไม่มีความรู้ความถนัดในเรื่องใดๆคุณก็สามาถที่จะนำบุตรหลานของคุณไปเรียนรู้กับแหล่งการเรียนรู้ของชุมชนที่มีมาแต่โบราณกาล นั่นคือบ้านเพื่อนบ้าน มัสยิต วัด หรือโบสต์ ด้วยวิธีการนี้จะทำให้เด็กสามารถเข้ากัชุมชนได้ ชุมชน สังคมจะร่วมกันดูแลลูกๆของเรา เกิดการผูกพันมั่นเกลียว มีความรักความสามัคคี ทั้งในระดับชุมชน และประเทศชาติ พอถึงวันนั้นสังคมแบบพี่แบบน้องก็จะกลับมา ส่วนโรงเรียนนั้นให้ปรับตัวเองไปเป็นผู้ให้คำปรึกษาเชิงวิชาการแก่ชุมชนแทน คอยวัดและประเมินผลการเรียนการสอน ครูเองก็ต้องยกระดับตัวเองให้มีความเชี่ยวชาญวิชาชีพมากขึ้น เช่น เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตสื่อการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ,จิตวิทยาการเรียนการสอน,วิธีสอน,การให้คำปรึกษา คิดระบบการสอนใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับธรรมชาติของสาขาวิชา ทั้งคิดหลักสูตรและรายวิชาใหม่ๆ ที่มีความสอดคล้อง เป็นที่ต้องการของชุมชนที่โรงเรียนนั้นๆตั้งอยู่... ฯลฯ แทนที่จะท่องจำจากหนังสือมาท่องให้เด็กฟังอีกต่อนึงอย่างในอตีด
สุกรี แวววรรณจิตร <wsugree@ratree.psu.ac.th>
- Saturday, October 07, 2000 at 11:14:23 (EDT)

อะไรคือการไม่รู้จักสังคม อะไรคือการรู้จักสังคม เป็นประเด็นที่ว่ากันมาก การเรียนการสอนแบบ home school ไม่ได้หมายถึงว่าต้องไม่ให้เด็กได้รู้จักกับเพื่อนบ้านที่ดี เด็กในละแวกเดียวกันสามารถที่จะแชร์ความรู้ระหว่างกัน กลุ่มพ่อแม่เด็ก พระสงฆ์โต๊ะครูโต๊ะอีหม่าม ก็เช่นกัน สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันได้ คุณไม่มีความรู้ความถนัดในเรื่องใดๆคุณก็สามาถที่จะนำบุตรหลานของคุณไปเรียนรู้กับแหล่งการเรียนรู้ของชุมชนที่มีมาแต่โบราณกาล นั่นคือบ้านเพื่อนบ้าน มัสยิต วัด หรือโบสต์ ด้วยวิธีการนี้จะทำให้เด็กสามารถเข้ากัชุมชนได้ ชุมชน สังคมจะร่วมกันดูแลลูกๆของเรา เกิดการผูกพันมั่นเกลียว มีความรักความสามัคคี ทั้งในระดับชุมชน และประเทศชาติ พอถึงวันนั้นสังคมแบบพี่แบบน้องก็จะกลับมา ส่วนโรงเรียนนั้นให้ปรับตัวเองไปเป็นผู้ให้คำปรึกษาเชิงวิชาการแก่ชุมชนแทน คอยวัดและประเมินผลการเรียนการสอน ครูเองก็ต้องยกระดับตัวเองให้มีความเชี่ยวชาญวิชาชีพมากขึ้น เช่น เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตสื่อการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ,จิตวิทยาการเรียนการสอน,วิธีสอน,การให้คำปรึกษา คิดระบบการสอนใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับธรรมชาติของสาขาวิชา ทั้งคิดหลักสูตรและรายวิชาใหม่ๆ ที่มีความสอดคล้อง เป็นที่ต้องการของชุมชนที่โรงเรียนนั้นๆตั้งอยู่... ฯลฯ แทนที่จะท่องจำจากหนังสือมาท่องให้เด็กฟังอีกต่อนึงอย่างในอตีด
สุกรี แวววรรณจิตร <wsugree@ratree.psu.ac.th>
- Saturday, October 07, 2000 at 11:11:42 (EDT)

ค่อนข้างสนับสนุน เพราะเด็กจะได้รับการเอาใจใส่มากกว่ามาก เด็กมีโอกาสใกล้ชิดกับพ่อแม่ดีกว่า การเรียนรู้ก็จะรวดเร็ว (ในกรณีที่ผู้ปกครองสามารถให้ความรู้ได้ดี) แต่ก็อยากให้เด็กได้ไปโรงเรียนด้วย เพราะเป็นการเปิดกว้างประสบการณ์ให้แก่เด็ก รู้จักการอยู่ในสังคมจริง ถ้าจะดีให้เป็นการ Mix ระหว่าง Home School กับ School ได้ก็ดี
หนึ่งฤทัย เพริศพรายวงศ์
- Sunday, October 01, 2000 at 03:49:36 (EDT)

ค่อนข้างสนับสนุน เพราะเด็กจะได้รับการเอาใจใส่มากกว่ามาก เด็กมีโอกาสใกล้ชิดกับพ่อแม่ดีกว่า การเรียนรู้ก็จะรวดเร็ว (ในกรณีที่ผู้ปกครองสามารถให้ความรู้ได้ดี) แต่ก็อยากให้เด็กได้ไปโรงเรียนด้วย เพราะเป็นการเปิดกว้างประสบการณ์ให้แก่เด็ก รู้จักการอยู่ในสังคมจริง ถ้าจะดีให้เป็นการ Mix ระหว่าง Home School กับ School ได้ก็ดี
หนึ่งฤทัย เพริศพรายวงศ์
- Sunday, October 01, 2000 at 03:48:44 (EDT)

ขอ 2 ประเด็น เคยคุยกับหลายต่อหลายคนถึงเรื่องนี้ว่า เห็นด้วยหรือไม่อย่างไร ข้อกังวลที่มีการพูดถึงมากที่สุดคือ การมีปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่นของเด็กโฮมสกูล ส่วนตัวคิดว่า คนไทยส่วนใหญ่ คุ้นเคยกับระบบอุปถัมภ์ ไม่ว่าจะตั้งแต่ การพาลูกเข้าอนุบาล ถึงอุดมศึกษา องค์กรที่ทำงานอยู่ พักพวกสมาคมตั้งแต่คนวัยน้อยจนถึงคนเหลือน้อยวัย จะคุ้นเคยดีกับระบบนี้ เพราะเกิดจากการแข่งขันในสังคมกันสูง จึงต้องเกาะกลุ่มเพื่อนเอาไว้ เผื่อไว้ช่วยเหลือ(ช่วยฝาก) พ่อแม่บางส่วนกลัวลูกที่ไม่ได้ไปโรงเรียนจะไม่มีเพื่อนร่วมรุ่นเมื่อครั้งโตขึ้น และกลัวลูกจะเข้ากันไม่ได้กับเด็กคนอื่น ทำงานด้วยกันกับเพื่อนไม่ได้ ผมอยากบอกว่ามันไม่จริงแต่ยังบอกไม่ได้ เพราะตอนนี้เป็นช่วงเวลาของการพิสูจน์ รอติดตามผลได้จาก ครอบครัวโฮมสกูลต่างที่กำลังจัดการศึกษาให้ลูกตัวเอง ขอให้ตามตรงนั้นแลัวกัน อีก 10 ปี(หรือเร็วกว่านั้น)อาจได้คำตอบดังกล่าว ตอนนี้อยากให้มองว่า โรงเรียนที่มีอยู่ในประเทศ มีวิธีการอย่างไร ในการจัดการฝีกทักษะดังกล่าวที่พ่อแม่เป็นห่วงจากเด็กโฮมสกูล (กลัวลูกจะเข้ากันไม่ได้กับเด็กคนอื่น ทำงานด้วยกันกับเพื่อนไม่ได้) คุณคูรของลูกคุณมีวิธีการอย่างไรในชั้นเรียนที่มีเด็กประมาณ 50 คนต่อครู 1 คน ความหลากหลายของเด็กที่มีอยู่ในชั้น การมุ่งเน้นที่ เนื้อหาวิชาการในการเรียนการสอนของโรงเรียน เพื่อที่จะทำชื่อเสียงให้กับโรงเรียน ในการสอบเรียนต่อได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนเช่น การทะเลาะกัน การแบ่งพวกข่มเหงกันในการเรียน การใช้ความรุนแรง คุณครูมีวิธีการจัดการอย่างไรกับสังคมเล็กๆ ในชั้นเรียนลูกคุณอยู่ทุกวันนั้น ให้เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้มี ไม่ใช่แค่มุ่งไปที่การตกแต่งห้อง ให้ดูสบายตก เอกกระดาษสีมาตัดเป็นตัวกระตูนติดตามฝา หรือเอารูปถ่ายของนักเรียนแต่ละคน มาทำทำเนียบที่ประตูห้อง หรือคุณครูใช้วิธีการอันเป็นที่นิยมใช้กันทั้งประเทศคือ ปล่อยมันไปตามแต่สภาพที่มันจะเกิด ใสใจมากใสใจน้อยก็ได้เงินเดือนเท่ากัน หรือว่าควรจะให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะเมื่อเด็กโตขึ้นมา เด็กก็ต้องเจออยู่วันยังค่ำ เลยให้เจอตั้งแต่เล็กๆ ซะเลย จะได้คุ้นชิน เหมือนกับที่ผู้ใหญ่คุ้นชินกับระบบอุปถัมภ์ เรื่องต่อมา คือ ผมเชื่อว่าครอบครัวโฮสกูล ที่ได้ดำเนินจัดการศึกษาให้ลูกอยู่ขณะนี้ สามารถ สร้างนิสัยใฝ่รู้ให้กับลูกๆ ของเขาได้ นั้นหมายความว่าในระยะยาวเด็กสามารถเรียนรู้และมีนิสัยในการค้นคว้าด้วยตัวเองได้ ซึ่งไม่แน่ใจในความสามารถของโรงเรียนต่างๆ ทั้งรัฐและเอกชน ว่าจะสามารถสร้างสิ่งดังกล่าว ให้เกิดขึ้นกับเด็กทุกคนในโรงเรียนของตน ได้หรือเปล่า ภายใต้ปัจจัยต่างๆ ที่โรงเรียนมีอยู่ ไม่ว่าเรื่องธุรกิจ หรือทัศนคติของครู รวมถึงระบบบริหารงานต่างๆ ของโรงเรียน ที่สำคัญที่สุดคือ คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย ที่มีลูกอยู่ในวัยเรียนรู้ มีแนวความคิดในการพัฒนาลูกอย่างไร มีเป้าหมายของการเจริญเติบโตของแก้วตาดวงใจเราอย่างไร ภาพที่เราปรารถนาให้ลูกของเราโตขึ้นมาเป็นคนอย่างไร หากสถานศึกษาที่มีอยู่แล้ว สามารถตอบสนองแนวความคิด ความต้องการในการให้การศึกษาแก่ลูกๆ ของเรา และคิดว่าสถานศึกษานั้น ไม่เลวร้ายเกินขอบเขตในใจเรา และได้สร้างลูกของเรา มากกว่าทำร้ายด้วยการทิ่มแทงความรู้สึกของเด็ก ก็ขอให้ส่งลูกไปเข้าโรงเรียนนั้น โยนโฮมสูลทิ้งไป แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ ไม่แน่ใจในสถานศึกษาต่างเหล่านั้น โฮมสกูล ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีอยู่ ไม่ว่าหนทางไหน ก็ต้องยอมแลกกับอะไรบางอย่าง เพื่อลูกของเรา (เว้นแต่ว่า ท่านได้รับมรดก 13,000 ล้าน)
โตมร อภิวันทนากร <atomorn@hotmail.com>
- Wednesday, September 27, 2000 at 07:26:55 (EDT)

ขอเป็นกลางครับ ระบบโรงเรียนที่ใช้กันอยู่ มีการปรับปรุง และพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องมาตลอด หากในสถานการณ์ปัจจุบันของสังคมเรานี้ มีปัญหาเกิดขึ้นในสังคมเรามากมาย จนทำให้รู้สึกว่า ระบบโรงเรียนที่เรามีอยู่ ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะผลิตเยาวชนของชาติไทยให้ดีเพียงพอในอนาคตได้ ควรพิจารณาอุปสรรคหลาย ๆ เรื่อง เช่น คน ( ครู, ผู้ปกครอง, นักเรียน ) , วิธีการที่ใช้จัดการระบบโรงเรียน เป็นต้น เราจะแก้ไข หรือบรรเทาอุปสรรคเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง ส่วนระบบโฮมสคูลนั้น มีข้อดีอย่างไรบ้าง นำข้อดีมาปรับใช้ในระบบโรงเรียนได้ทันที
การันต์ มงคลชัยอรัญญา <mkaran@thaimail.com>
- Sunday, September 24, 2000 at 06:13:18 (EDT)

คุณไม่คิดจะให้ลูกคุณพบใครแล้วหรือ ไม่กลัวเขาจะเข้าสังคมไม่ได้หรือ แน่ใจหรือว่าลูกคุณ o.k ลูกก็จะรู้แต่สังคมแคบๆ อีกหน่อยก็ต้องออกจากบ้านไปทำงานเขาจะร่วมงานกับคนอื่นได้หรือ **ไม่กลัวว่าเขาจะไม่รู้ทางกลับบ้านหรือครับ**
วิฬาร์
- Saturday, September 16, 2000 at 08:48:12 (EDT)

สนับสนุน Since most school still promote memorizing instead of thinking. Many school still be militarianism, home-schooling is a good alternative.
Archbishop DTP <NA>
- Wednesday, August 02, 2000 at 14:35:30 (EDT)

สนับสนุนแต่มีข้อแม้ว่า พ่อแม่ที่สอนลูกเองควรมีคุณภาพพอ และมีความพร้อม อาจใช้เฉพาะเด็กที่ไม่สามารถ เข้าในระบบโรงเรียนที่มีอยู่ในประเทศไทยได้ ด้วยสาเหตุต่างๆเช่น ไอคิวสูงกว่าเฉลี่ย เด็กที่มีความสนใจสั้น (Attention Deficit) เป็นต้น ส่วนท่านที่ห่วงด้านสังคม ท่านสามารถส่งเด็กของท่านไปเข้าหลักสูตรด้านสังคม เช่นกีฬา ดนตรี งานอดิเรกอื่นๆได้ มีตัวอย่างมากมายในอดีตและปัจจุบัน เรื่องของเด็กที่เรียนที่โรงเรียนไม่ได้ เพราะเขามีความคิดอิสระ สามารถก้าวหน้าได้ด้วยสมองของเขาเอง ต้องการเพียงผู้นำทางที่เหมาะสม ไม่ใช่ในโรงเรียนที่เขาถูกบังคับในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องหลายอย่าง อีกอย่างคือการเดินทางและภาวะแวดล้อมที่ไม่ดีเป็นสาเหตุสนับสนุนเช่นกัน ดิฉันแลพกลุ่มเพื่อนนานาชาติกำลังสนใจที่จะสร้าง home school สำหรับเด็กพิเศษ Indigo Children อยู่ค่ะ
กนกวรรณ อุโฆษกิจ <kanokwan@skybiz.com>
- Tuesday, July 25, 2000 at 22:27:56 (EDT)

สนับสนุน หากพ่อแม่มีความสามารถในการสอนได้ก็สอนไป เพราะไปที่โรงเรียนก็อาจเจอพวกนักเลงอันธพาล เด็กเก ทั้งหลายซึ่งจะทำให้เด็กดีๆเสียคนได้ แถมต้องเครียดกับการแข่งขันในชั้น แต่ควรมีหลักเกณฑ์ด้วยว่า ต้องสอนให้เนื้อหาใกล้เคียงกับ หลักสูตรในโรงเรียนหรือดีกว่า มิฉะนั้นเด็กก็จะสอบเอนทรานซ์ไม่ได้ จะเกิดปัญหาตามมา
กิตติธัช สุมาลย์นพ
- Wednesday, July 19, 2000 at 17:28:32 (EDT)

คัดค้าน
วนิดา สุขสวัสดิ์ <Yingsuksawat@hotmail.com>
- Tuesday, July 18, 2000 at 04:57:51 (EDT)

คัดด้าน เพราะเนื่องจากว่า ใครจะแน่ใจได้ว่า การที่แม่บอกว่า จะสอนลูกอยู่ที่บ้านเอง แต่ในขณะเดียวกัน แม่ก็ต้องมีงานอื่นต้องทำ หรือความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องต่าง ๆ ของผู้สอน จะถูกต้องหรือไม่
วิราวรรณ หรูบรรจงดี <pla_pec@hotmail.com>
- Tuesday, July 11, 2000 at 10:22:58 (EDT)

I have neutral opinion on this issue however I think it is better to have more choices for Thai educational system. Regarding home school, I think we better have more thorough study on how to implement, what pros and cons are and what the guideline should be. Why don't we set up an organization to work this out and come up with a guideline for this system such as what kids should learn or understand at a particular age. As for the old system, we have to restructure it although it might take a long long time due to bureaucratic thinking and system and so on.
Little Prince <nchut@yahoo.com>
- Monday, July 10, 2000 at 06:31:38 (EDT)

โดยส่วนตัวแล้ว ไม่คัดค้านระบบโฮมสคูลเลย เพราะเข้าใจดีว่า พ่อแม่รักลูก และอยากให้สิ่งดีที่สุดให้เชา และคุณภาพครูไม่เท่ากัน ซึ่งเหมือนอาชีพอื่นน่ะแหละ ดังนั้นวิธีแก้คือ อยากให้ใช้วิธีการผสมผสานดีที่สุด คือเรียนในระบบ ถ้าเราต้องทำงานไปด้วย และในขณะเดียวกัน พยายามศึกษาหลักสูตร และอยากบอกให้สบายใจนะคะว่า ด้วยระบบใหม่ของการศึกษา ครูที่ไม่มีคุณภาพ อยู่ไม่ได้หรอกค่ะ แต่เราซิคะ ที่ต้องอยู่กับลูกทั้งชีวิต เรามีโอกาสโอมสคูลได้ตลอดเวลา ตามหลักสูตรกระทรวง และหลักสูตรชีวิตด้วยซ้ำ คิดว่าณ จุดนี้ โฮมสคูลยังเหมาะกับ
1 พ่อแม่ที่มีศักยภาพเพียงพอเท่านั้น
2 เด็กที่มีปัญหาในการเดินทาง เช่นพิการหรือื่นๆ

คุณดาว
- Sunday, July 09, 2000 at 06:09:04 (EDT)

สนับสนุนครับ ถ้าผู้ปกครองมีความรู้ความสามารถพอ และมีความพร้อม
นาย พิชิต พรหมประศรี <polynemus@thaimail.com>
- Friday, July 07, 2000 at 04:28:04 (EDT)

ที่ดี ๆ ก็มีครับ แต่เคยเห็นไหมครับว่า พ่อแม่ที่ไม่อยากให้ลูกลำบาก ไม่อยากให้ไปคลุกคลีกับลูกสามล้อ เด็กสลัม อยากให้คบแต่ซนซั้นเดียวกัน อยากให็ลูกเก่ง ๆ จะได้สูงขึ้นไปอีก หมูปิ้งข้างถนนกินไม่เป็น ตามใจจนลูกเอาแต่ใจ ซอบวางตัวอยู่เหนือคนอื่น ไม่อาจทนคำปฏิเสธ หรือรับฟังความเห็น คำวิจารณ์จากคนอื่นได้ ไม่คัดค้านนะครับแต่นี่คือจุดออ่น ข้อดีก็คือ พ่อแม่ใกล้ซิดลูก สอนความรู้พื้นฐานได้บ้าง ฯลฯ นี่น่าจะเป็นทางเลือกมากกว่าทางหลัก เพราะเหมาะกับผู้มีฐานะไม่ยากจนชึ่งมักจะมีการศึกษาด้วย แต่ปัญหาคือ ทำได้แค่ความรู้พื้นฐานเท่านั้น และความไม่แน่นอนเรื่องเป้าหมาย เวลา โครงสร้างความรู้ และ ความจริงจัง ชึ่งเรื่องเหล่านี้มีในระบบหลักมากกว่า นี่เป็นการสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของสังคมอย่างหนึ่ง ครอบครัวเป็นครอบครัวเล็ก (neutral family )
มนุษย์เรามักไม่ซอบการเปลี่ยนแปลง ควรทดลองต่อไปสักระยะ น่าจะมีทางออกแบบผสมผสาน
อย่าลืมว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่รูปแบบ หรือ ระบบ แต่อยู่ที่ คน

อัศวิน อินพะเนา
- Tuesday, July 04, 2000 at 04:23:16 (EDT)

สนับสนุน
นายอำพล ฐาปนพันธ์นิติกุล <thungyai@ji-net.com>
- Sunday, July 02, 2000 at 02:33:51 (EDT)

สนับสนุน ดิฉันคิดว่าในสังคมของเรา มันวิกฤตมากแล้ว จนไม่กล้าจะส่งลูกเข้าสู่ระบบโรงเรียน ที่เราถคิดกันว่า เป็นจุดที่หล่อหลอมคนขึ้นมา ผลลัพท์ที่ออกมา เราสามารถพิสูจน์กันได้อยู่แล้วว่า มันเป็นอย่างไร ลูกชายดิฉัน อายุ 3 ขวบแล้ว ดิฉันได้ลองไปดูๆ โรงเรียนอนุบาลให้ลูกหลายๆที่ ดิฉันก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่า จะส่งลูกเข้าโรงเรียนไหนดี ดิฉันต้องการให้ลูก เข้าโรงเรียนนานาชาติ เพราะตั้งใจจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ถ้ามีโอกาส แต่ราคาค่าเรียนแต่ละที่ สูงมากจริงๆ อย่างถูกที่สุดก็เทอมละ 30000 ปีนึงมี 2 เทอม เลี้ยง 8 โมงครึ่งถึง บ่าย 2 โมงครึ่ง รวมอาหาร พอลองมาดูโรงเรียนไทย ค่าเรียนก็ถือว่าใช่ย่อย สามีกับดิฉัน ไปดูโรงเรียนหลักสูตรวอลดอรฟ์ ก็สนใจแต่ก็ยังไตดสินใจ จนสุดท้ายเราก็มาคิดว่า
1. เราก็มีความสามรถในการสอนลูก
2.เราสามารถประหยัดได้ เพราะไม่ต้องเดินทางไปโรงเรียนทุกวัน
3.เราสามารถสนับสนุนลูกในจุดที่เขาสนใจได้
4.เราไม่ต้องยัดเยียดลูกให้เข้าไปเรียน แล้วก็เข้าสู่ระบบการแข่งขันตั้งแต่เขายังเล็ก และยังไมความพร้อม
5.เราเห็นอยู่แล้วว่า ระบบการศึกษาของไทยนั้น ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง แล้วเรายังจะผลักไสให้เขาเข้าไปในระบบเดิมอีกหรือ?
สิ่งที่เรายังกังวลคือ การเข้าสังคมของลูก แต่เท่าที่ได้ศึกษาข้อมูลมา เด็กที่เรียนแบบนี้กลับมีสุขภาพจิตดีมาก และ ร่าเริง อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ถูก ครู หรือโรงเรียนตีกรอบ ดิฉันคิดว่า มันเป็นทางเลือกมากกว่าที่จะต้อง ตัดสินไปข้างใดข้างหนึ่ง ที่ดิฉันสนับสนุนเพราะคิดว่ามันเหมาะ กับตัวเอง แต่หนทางข้างหน้า หากตัดสินใจให้ลูกเรียนแบบนี้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดผลลัพท์อย่างไร เราก็คงต้องคอยปรับปรุงแก้ไขกันไปเรื่อยๆ มากกว่าที่จะ คอยมาสมน้ำหน้ากัน

Jenni <kjenni@go.com>
- Thursday, June 29, 2000 at 14:29:21 (EDT)

คัดค้าน
noname
- Wednesday, June 21, 2000 at 22:13:53 (EDT)

เรียนที่บ้าน จะไม่ได้เรียนรู้การใช้ชีวิต แก้ไขปัญหา อันเกิดมาจาก การอยู่กับคนหมู่มากครับ
นายกะทิ <stupid_golf@hotmail.com>
- Thursday, June 15, 2000 at 01:15:38 (EDT)

เห็นด้วยกับ ทางเลือกอีกหนึ่ง ที่หยิบยื่นให้คนในสังคม โดยเฉพาะเยาวชน ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ในเมื่อสังคม ยังแบ่งคนออกเป็นชนชั้นต่างๆ ตามกำลังเงิน และตระกูลที่เรียกตัวเองว่า ชั้นสูงเลย บอกได้คำเดียวว่า นี่เป็นทางเลือก เพราะไม่มีอะไรที่ตายตัว.. หากจะทำอะไร ให้เป็นแนวทางเดียๆ กันตลอดอย่างนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับ เป็นคอมมิวนิสต์ แต่ก็ต้องยอมรับว่า มีคนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย และที่สำคัญ ตัวเองมีความเห็นว่า ระบบการเรียนของสมัยนี้ ที่เอาแบบฝรั่งมาใช้ ล้มเหลว เพราะ ฝรั่งเขาพัฒนาคน ให้คิดริเริ่ม หาคำตอบเอง รู้จักแก้ปัญหา ไม่ใช้สอนตามสตัคเจอร์ เลยไม่สนใจว่า โลกเปลี่ยนไปแค่ไหน หากจะพัฒนาคนๆ หนึ่ง ให้มีประสิทธิภาพ จำเป็นต้อง เปลี่ยนจิตสำนึกของผู้ปกครอง โดยผนวกความเป็นตะวันตก เข้ามาในการเลี้ยงดูบุตร เนื่องด้วยทุกวันนี้ ทุกอย่างรอบตัวเรา ยินยอมรับมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะมหาอำนาจ พ่อแม่ควรมองสิ่งรอบตัวว่า เปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนแล้ว ตามจริง พ่อแม่อาจไม่สำคัญเท่ากับ ตัวบุตรธิดาเอง ที่รู้จักแสวงหาด้วยตัวเอง แต่ประการหนึ่ง ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ การให้อิสระลูกในการค้นหาด้วยตัวเอง อิสระให้เล่น ให้รู้จักสิ่งแวดล้อมที่เค้าอยู่
Octo de Octopus <Octopus@xaap.com >
- Wednesday, June 14, 2000 at 22:42:38 (EDT)

คัดค้าน การที่ผู้ปกครองให้เด็กเรียนอยู่ที่บ้านนั้น อาจจะทำให้เด็กมีปํญหา ในการปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ เพราะในสังคมยุคปัจจุบัน คนที่เก่งอย่างเดียว อยู่ไม่ได้ เวลาที่เด็กๆ ได้เล่นอยู่กับเพื่อนๆ เขาจะรู้ว่า จะต้องทำอย่างไร เพื่อนถึงจะให้เราเล่นด้วย เรื่องอย่างนี้ ถ้าให้พ่อแม่คอยสอนแต่วิธีการ เด็กก็จะขาดทักษะในการเข้าหาเพื่อน อาจจะก่อให้เกิดปัญหาต่อเด็ก ในอนาคตได้ ดังนั้น ก็ปล่อยให้เด็กเขามีโลกของเด็ก ได้อยู่กับเพื่อน จะดีกว่ากักเขาไว้ที่บ้านค่ะ
saaw <saawphil@hotmail.com>
- Wednesday, June 14, 2000 at 02:57:15 (EDT)

เป็นกลาง เพราะข้อมูลไม่เพียงพอ การศึกษาทางโลก รูปแบบใดก็ตาม (รวมถึง home school) ตะวันตก เป็นผู้บุกเบิกทั้งสิ้น และไม่มีรูปแบบใด ยุติปํญหาที่เกิดขึ้นกับโลกได้ แม้จะเป็นการศึกษาตลอดซีวิต( longlife education ) ก็ตาม สิ่งที่เกรงกลัวเกี่ยวกับ สังคมในอนาคต ปัญหาจะยุติ ถ้าได้เรียนจบหลักสูตรทาง วิญญาณ (พระพุทธศาสนา) ชึ่งการเรียนรู้ มีการสิ้นสุด และเป็นหลักสูตรที่ยากที่สุดในโลก วิธีคิด ตรรกะ แบบที่เราเรียนรู้กัน ก็เหมือนกับ แมงมุม ที่เดินวกวน อยู่ในใยที่ตนสร้างขึ้น แต่เป็นไปไม่ได้ที่ ทุกคนจะเป็นเซ่นนั้น ทั้ง 2 แบบจึงน่าจะมีส่วนดี และด้อยทั้งคู่ ครอบครัวหรือสังคมล้วนสร้างคนเลวได้ หรือปั้นให้เลิศก็ได้ สิ่งที่จะอุดซ่องว่างของข้อเสียได้ คือ สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นซอบ) รู้ว่าทำอย่างไรคนจึงไม่เสียคน เหมือนที่พระพุทธเจ้าให้ ราหุล ออกบวซนั่นไง
สิกขา วิรุฬหิ สัมปัตตา
- Thursday, June 08, 2000 at 00:54:59 (EDT)

ไม่เห็นด้วย เพราะว่าการเรียนหนังสือที่บ้าน จะทำให้เด็กไม่รู้จักสังคม ไม่รู้จักการปรับตัวในสังคม เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ และต้องเข้าไปอยู่ร่วมกับ สังคมของคนหมู่มาก จะทำให้เกิดปัญหา
ก้าน
- Thursday, June 01, 2000 at 05:28:50 (EDT)

ผมคิดว่าการเรียนรู้ของคน เกิดขึ้นตลอดเวลา.. ถ้ามีสติ หรือไม่ได้เกิดจาก สัญชาตญาน ดังนั้น ทุกสิ่งที่เรา ในฐานะที่มีโอกาส จัดสภาพการเรียนรู้ให้แก่เด็ก ควรจะยอมรับสภาพว่า คงไม่สามารถแยกสภาพได้ว่า เรื่องอย่างนี้ ต้องให้พ่อแม่สอน หรือเรียนที่บ้าน หรือเรื่องอีกอย่าง ต้องให้ครูสอน เรื่องพ่อแม่ จะสอนดีกว่าครู เพราะในสภาพความเป็นจริงแล้ว สภาพความไม่พร้อมของพ่อแม่ ในด้านต่าง ๆ ความไม่สมบูรณ์ของ ระบบการจัดการศึกษา ในโรงเรียน ล้วนทำให้เกิดปัญหาทั้งสิ้น ดังนั้นถ้า ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ ให้สมบูรณ์ ในภารกิจหลักของตน ก็อาจจะแก้ปัญหาได้บ้าง การเรียนรู้ของเด็ก ต้องเกิดทั้งในบ้าน และโรงเรียน ตราบเท่าที่ เราอยากให้เด็กรับรู้ ความอบอุ่นของครอบครัว และรู้จักความเป็นจริง แห่งโลกภายนอกณ
เชษฐา เทียมเพชร <chetpit@hotmail.com>
- Monday, May 29, 2000 at 05:25:00 (EDT)

คัดค้าน ดิฉันเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันกำลังเรียนอยู่ ชั้นอนุบาล 2 มีความเห็นที่จะขอคัดค้าน การศึกษาแบบโฮมสคูล เนื่องจาก การศึกษาที่โรงเรียน จะทำให้เด็กมีสังคมที่กว้างขวาง มากกว่าอยู่ที่บ้าน การศึกษาที่โรงเรียน ไม่เพียงแต่จะได้ในด้าน วิชาการเท่านั้น หากยังหมายถึง สังคมส่วนอื่นๆ อาทิ เช่น การคบเพื่อน การมีวินัย การควบคุมตนเอง ถามว่า พ่อ-แม่ที่คิดว่า ตนเองสามารถ อบรมสังสอนลูกได้ ดีกว่าโรงเรียนสอนนั้น ท่านมีความรู้ทางด้านวิชาการ ครบทุกแขนงหรือไร ทาานรู้วิทยาศาสตร์เท่าๆ กับที่ท่านรู้วิชาการว่ายน้ำ หรือวิชาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต วิชาว่ายน้ำ ที่โรงเรียน เด็กจะมีโอกาสที่จะ เรียนรู้ได้มากกว่าว่า การดำรงชีวิจอยู่มนสังคม เป็นเช่นไร เพื่อการปรับตัวในอนาคต ที่เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ทุกวันนี้ คนที่เก่งที่สุด ไม่ใช่คนที่จะประสบความสำเร็จมากที่สุด แม้แต่องค์ประมุขของชาติ พระราชมารดาก็ยังคง ส่งพระองค์ท่าน เข้าศึกษาในโรงเรียน แทนที่จะให้พระอาจารย์ มาถวายการศึกษาในรั้วในวัง
จันทร์ฉาย มหิทธิกุล <junchaiy@hotmail.com>
- Monday, May 29, 2000 at 01:57:27 (EDT)

ผมคิดว่า" การเกิดการเรียนรู้ของเด็ก เราไม่ควรปิดกั้น กระบวนการที่จะทำให้เกิด การเรียนรู้ " ตามที่ผมอ่านหัวข้อข้างบน" คัดค้านหรือสนับสนุน กับการสอนหนังสือให้กับลูกที่บ้าน" ผมขอเป็นกลาง เพราะทั้งสองความคิด เป็นเป็นส่วนที่ดีทั้งหมด คือเป็นห่วง สภาพความเป็นคนของเด็ก... เราน่าจะหาทางออกที่ดีกว่า โดยนำความคิดทั้งสองมารวมกัน การสอนหนังสือที่โรงเรียน หรือที่บ้าน ควรจะมีการกำหนดให้ชัดเจนว่า ในรายวิชาใด ที่ผุ้ปกครอง สามารถที่จะจัด การเรียนการสอนที่บ้านได้ หรือไม่ได้แล้ว ให้ผู้ปกครองพิจารณาถึง ความสามารถของตัวเองว่า จะสามารถจัดการศึกษาในวิชานั้นๆ ได้หรือไม่ ผู้ปกครองจะรู้เองว่า ถ้าสอนเองเด็ก จะสามารถรับได้หรือไม่ เพราะเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับเด็กมากที่สุด เพราะฉะนั้น จะสอนที่บ้าน หรือที่โรงเรียน ก็ไม่น่าจะมีปัญหา..
เชษฐกร ประชาโรจน์ <chest.p@thaimail.com>
- Thursday, May 25, 2000 at 00:46:59 (EDT)

สนับสนุน พ่อแม่มีส่วนมากที่สุด ในการที่จะให้ความอบอุ่นแก่ลูก เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของลูกอยู่แล้ว ขอมูลในการสอนก็หาได้ไม่ยาก แถมยังได้ใกล้ชิดลูกมากด้วย
ผกิจ ดิษฐขำ <pki@thaimail.com>
- Wednesday, May 24, 2000 at 03:57:32 (EDT)

คัดค้าน เพราะผู้ที่จะสอนลูกได้ดีนั้น ตัวเองต้องมีทั้ง อีคิว และไอคิวที่ดี จึงจะประสบความสำเร็จได้
มิซาเอะ <catthaimail@yahoo.com>
- Wednesday, May 10, 2000 at 23:34:26 (EDT)

ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับ การจัดการศึกษาแบบ "โฮมสคูล " เพราะไม่มีครูคนใหน ที่จะรัก และเข้าใจลูก เท่ากับครูคนแรกของลูก เพราะฉะนั้น ถ้าพ่อแม่ของเขา มีความรู้ ในระดับที่ สามารถถ่ายทอดไปสู่ลูกของเขา ด้วยตัวเองได้ ก็จงอย่าแยกเขาจาก ออ้มอก และการดูแล ด้วยความรักที่แท้จริง เพราะที่ผ่านมา ระบบโรงเรียน ได้แยกเด็กออกจากพ่อแม่ แยกเด็กออกจากสังคม และวัฒนธรรมเดิมอันดีงามของเขา มาพอแล้ว ส่วนเรื่องสังคมนั้น เมื่อสมองเขา มีวุฒิภาวะในระดับที่ เหมาะสม และพ่อแม่พร้อมกับ สังคมใกล้ตัวเขา ใด้สอนจนเขา สามารถแยกแยะผิดถูกชั่วดีแล้ว เขาก็จะสามารถต่อสู้กับ สังคมที่วิปริตนี้ได้เอง ซึ่งน่าจะดีกว่า การไปได้แบบอย่างที่ไม่ดีจากสังคม ที่พ่อแม่ไม่อาจจัดสภาพ หรือควบคุมอะไรได้
สุกรี แวววรรณจิตร <nk.sound@thaimail.com>
- Thursday, April 20, 2000 at 11:51:13 (EDT)

สนับสนุน เนื่องจากหากว่า พ่อแม่สามารถทำได้ ดีกับเด็ก และพ่อแม่ด้วย รวมทั้ง ความสัมพันธ์ในครอบครัว ในกรณีที่ สภาพสังคมที่โรงเรียน ไม่เป็นไปตามที่ทางบ้านต้องการให้เป็น ที่เห็นได้ชัดเจน ยังมีอีกมากมาย ที่ไม่มีอยู่ในตำรา แต่เด็กควรรู้ และเข้าใจ แต่โรงเรียน ไม่สามารถสอนได้ รร.ถูกกฎระเบียบ, ตำราของกระทรวง บังคับให้สอนไปตามตัวหนังสือ ไม่ค่อยสนใจถึงสภาพจิตใจเด็ก และยังมีสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย ที่โรงเรียนไม่สามารถสนองให้เด็กได้ แต่หากว่าพ่อแม่ ไม่มีขีดความสามารถ หรือมีลูกโดยไม่ได้วางแผน ก็ขอให้ โรงเรียนเป็นทางเลือกก็แล้วกัน
อดิศร เซ็นกุมาร <ิbruit@ksc.th.com>
- Monday, April 17, 2000 at 13:18:42 (EDT)

สนับสนุน เพราะโดยธรรมชาติ พ่อแม่ต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกอยู่แล้ว Home School ถือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับพ่อแม่ที่มีความพร้อมในการให้ความรู้ ที่ไม่จำกัดเฉพาะในตำรา แต่เป็นสั่งสมความรู้ทางวิชาการ และวิถีการดำเนินชีวิต
sangrungg poolsuwan <rainbow2@ksc.th.co>
- Friday, April 14, 2000 at 20:24:19 (EDT)

สนับสนุนค่ะ...เพราะเป็นความหลากหลายของแหล่งการเรียนรู้ และในบางจังหวัดเช่น กรุงเทพฯ การส่งลูกไปโรงเรียน ต้องทำใจล่วงหน้ากันหลายเรื่อง เช่น การจราจร ประเพณีวัตถุนิยม มลพิษทุกรูปแบบ..... ที่สำคัญในทางปฏิบัติ สถานศึกษา ยังไม่สามารถ ปรับรูปแบบ ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันได้.... จึงเกิดข้อได้เปรียบและเสียเปรียบ...การเรียนที่สถานศึกษา มีจุดดีตรงที่ เด็กได้ทั้งพุทธิศึกษา จริยศึกษา และพลศึกษา (ปัญญา ใจ และกาย) แต่สิ่งล่อแหลมในปัจจุบัน มากมายเสียเหลือเกิน.... เรียนที่บ้าน เด็กอาจจะขาด ภาวะการปรับตัวให้เข้ากับสังคม... .แต่เราควรศรัทธา ในสถาบันครอบครัว และให้สถานศึกษา เป็นส่วนเติมเต็มให้กับบุตรหลานของเรา (ไม่ใช่แหล่งหลัก)
นกทะเล <rujidas@hotmail.com>
- Thursday, April 06, 2000 at 08:35:47 (EDT)

ขอสนับสนุนด้วยหนึ่งเสียง ที่ต้องการความเป็นธรรมชาติของเด็กครับ เด็กควรจะได้รับการศึกษา แต่ไม่จำเป็นที่จะต้อง เดินตามกฏเกณฑ์จากกระทรวงว่า เด็กพอถึงเวลานี้แล้ว เด็กต้องทำแบบนี้นะ พ่อแม่เด็กที่มีใจอยู่กับลูก ถ้าท่านสังเกตพฤติกรรมของเขา ท่านก็จะพบว่า เด็กมีความพร้อมตอนไหน เด็กมีอิสระทางความคิดเป็นของเขาเอง ถ้าเขาได้มีกระบวนการที่ สนับสนุนแนวทางการเรียนรู้อย่างจริงจัง จากคนที่ใส่ใจเขา ไม่ช้าเขาจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
ธรรมวัฒน์ โสวรรณกุล <thamawat4@yahoo.com>
- Sunday, March 19, 2000 at 04:05:32 (EST)

ถ้ามีการสนับสนุนให้เกิดโฮมสคูลนั้น หมายถึงว่า ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด หากไม่เช่นนั้น จะเกิดความลักลั่นทางการศึกษา คงมีปัญหาอีกหลายอย่างที่ติดตามมา
pisek duangsongneon <pisekd@makut.moe.go.th>
- Saturday, March 18, 2000 at 01:55:24 (EST)

มานั่งเถียงกันทำไม ในเมื่อการสนใจเรียนรู้เป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น ถ้ามีทางให้เลือกหลายๆทาง ยิ่งดี นเราไม่ใช่จะต้องไปทางเดียวกันหมด บางทีชีวิตมันหักเห แต่ก็มีทางดีๆให้ไปก็ยังดี ไม่ใช่ถ้าไม่อยู่ใน รร.ก็ต้องเป็นทางไม่ดี วิธีการเรียนรู้ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ถ้าล้วนใฝ่ดี มีทางให้เลือกไปมากมาย น่าจะดีกว่า มาเถียงแบ่งข้างกันทำไม ทำให้คิดเป็นฝ่ายตรงข้ามกันเปล่า แตกแยกอีกด้วย ไม่ทราบว่า คนตั้งกระทู้ ประสงค์อะไร ถ้าอยากรู้ว่าคนทำ HOME SCHOOL ทำอย่างไร ก็ถามเลยดีกว่า
คนกรุง
- Monday, March 13, 2000 at 09:01:24 (EST)

คนเป็นแม่ เป็นธรรมดา ที่อยากจะให้ลูกได้มีการศึกษาที่ดี มีผู้ชี้แนะแนวทางที่ดี แต่เท่าที่อ่านดู ในประเด็นที่มีการถามถึงหน่วยงาน ผู้รู้ที่จะเข้ามาแนะนำหลักสูตร หรือแนวทางในการที่จะให้ เด็กได้เรียนรู้ในระบบโฮมสกูล กลับไม่มีผู้ให้ความกระจ่าง หรือ แนะนำวิธีการอบรม การหาตำรับตำราที่เด็กโฮมสกูลควรรู้ เมื่อถึงเวลาเข้าเรียนในชั้นที่เหมาะสม จะได้ไม่หลุดกลุ่มไปเลย เพราะเหตุผลลึก ๆ ที่พ่อแม่ อยากให้ลูกเล็กๆ เรียนในระบบโฮมสกูล เนื่องจากเป็นห่วง อยากดูแลลูกหลาน ไม่มีความเชื่อมั่นในระบบ หลักสูตร ตลอดจนโรงเรียน และครูอาจารย์ จึงเลือกที่จะ ดูแลบุตรหลานเองด้วย
คนเป็นแม่ <nongoor@twinstars.com>
- Saturday, March 11, 2000 at 00:33:36 (EST)

สนับสนุนทั้งสองฝ่าย ทั้งสองแบบ ก็มีทั้งข้อดี และข้อที่อาจไม่ดี แล้วไม่ลองเอาข้อดีของทั้งสองแบบ เอามาปรุงใหม่ล่ะครับ เช่นให้ลูกยังคงเรียนในระบบ ในวิชาที่จำเป็น (เช่นวิชาที่ต้องการกลุ่ม, เครื่องมือทดลอง) ส่วนวิชาที่พ่อแม่สอนได้เอง และน่าจะได้ผลดี ก็ให้เรียนที่บ้าน เช่น สลน. สปช. พลศึกษา, คณิต, ฯลฯ. เด็กอาจไปโรงเรียนอาทิตย์ละ 3 วัน คุณครูก็จะมีเวลาในการ พัฒนาได้มากขึ้น ลดปัญหาการจราจร เด็กก็ยังมีสังคม ได้หัดทะเลาะกับเพื่อนๆ เหมือนเดิม
จักร์ <jaknon@ksc.th.com>
- Tuesday, March 07, 2000 at 05:55:39 (EST)

มันน่าจะมีการศึกษาที่ดี ให้ความรู้กับประชาชน มีการทดลองยกตัวอย่างได้ว่า มีประเทศใหนที่ทำ มีประโยชน์ต่อสังคม หรือคิดว่า น่าจะมีแนวโน้ม เป็นการศึกษาในอนาคต ขอเป็นกลาง
p ' w
- Monday, February 28, 2000 at 02:13:48 (EST)

เราน่าจะทบทวนระบบการสอนเด็กๆใหม่ ทั้ง2 ระบบที่ว่า มีทั้งข้อดีข้อเสียด้วยกัน และมีปัจจัยมากมายในสังคมไทยเอง ที่ทำให้การสอนทั้ง 2 แบบ เกิดผลดีและเสีย ปัญหาของการสอนทั้ง 2 แบบ อยู่ที่พื้นฐานสังคมไทย และความเชื่อ มากกว่าตัวรูปแบบการสอนเอง ถ้าลองคิดดูให้รอบด้าน ไม่มีการสอนแบบใดแบบหนึ่งดีกว่า
ปราณ โลกียะ
- Sunday, February 27, 2000 at 00:11:23 (EST)

คัดค้าน
จักรกฤษณ์ เครือวัลย์ <super-m@chaiyomail.com>
- Wednesday, February 23, 2000 at 08:52:13 (EST)

นี่เรากำลังคัดค้าน เพราะกลัวที่จะลองอะไรใหม่ๆ กันหรือเปล่า อ่านมาเห็นบอกแต่ว่า เด็กอาจจะอย่างนั้น อย่างนี้ เลยคัดค้านไปซะก่อน ถ้าแค่กังขา ในข้อด้อยบางข้อ ก็ไม่น่าถึงกับต้องใช้คำว่า คัดค้าน เลย
นายไร้สาระ
- Tuesday, February 22, 2000 at 14:57:36 (EST)

สนัยสนุค่ะ เพราะการศึกษาบ้านเราเป็นแบบท่องจำ และเป็นแบบทดลองโดยเฉพาะเดี๋ยวนี๋จะเป็นรุ่นหนูทดลอง คือการเปลี่ยนแปลงหลักสูตร เปลี่ยนจนผู้ปกครองงงไม่ทราบว่าลูกคนที่ 1 กับลูกคนที่2 ต้องใช้หลัการไหนกันแน่ ไม่มีการวางแผนที่ดี ดังนั้นจึงเห็นด้วย และขอคัดค้านเรื่องที่ว่าลูกจะไม่ได้รับสังคมที่ดี สังคมระหว่างเพื่อน เพื่อนหาได้จากทุกแห่งไม่ไช่ที่โรงเรียนเพียงอย่างเดียว สังคมโรงเรียน กับสังคมนอกโรงเรียน ดิแันก็เห็นว่าสังคมนอกโรงเรียนเป็นสิ่งที่จะทำให้ลูกได้แกร่งขึ้น ได้คบคนในหลายๆรูปแบบ ได้เรียนรู้ สังคมมากกว่าเด็นที่มีสังคมเฉพาะในโรงเรียน และสังคมในบ้าน การเรียนรู้ที่บ้าน ในสังคมไทยยังใหม่ และยังไม่เข้าใจ เพราะผู้ปกครองเด็กรุ่นนี้ ก็ได้รับอิทธิพลมาจากสังคมเก่าๆ ถ้าได้รับสังคมเพิ่ม ก็จะต้องเปิดตาเปิดใจ ยอมรับวิธีการใหม่ๆ ให้ลูก ไหนๆ ก็ต้องเป็นหนูทดลอง ในการเรียน ของระบบการศึกษาไทยแล้ว ลองเป็นหนูทดลองของระบบ การสอนลูกที่บ้านเองจะเป็นไร
sunun <sunun.v@chaiyo.com>
- Tuesday, February 22, 2000 at 08:10:04 (EST)

ยังไม่แน่ใจกับการสนับสนุนหรือคัดค้าน เพราะยังไม่ทราบเรื่อง การดำเนินการเรียนการสอน แบบอยู่บ้านมากนัก แต่เท่าที่อ่านเปรียบเทียบแล้ว ค่อนข้างสนใจไปในทางสนับสนุน ค่ะ เพราะการไปโรงเรียน ไม่ได้รับประกันได้ว่า ลูกเรา จะประสบความสำเร็จในชีวิต หรือเปล่า ที่แล้วมาเรียนตั้งมากมาย สุดท้ายกระโดดตึกตาย จริงเห็นด้วยกับหลาย ๆ คนที่บอกว่า ให้แบ่งระหว่างบ้านกับโรงเรียน 3/3 วัน คงช่วยได้ในการเริ่มต้น
นราภรณ์ <naraporn.s@usa.net>
- Tuesday, February 22, 2000 at 03:12:42 (EST)

คัดค้าน เนื่องจากสภาพสังคมไทย มีค่านิยมในการยอมรับ ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรับคนเข้าทำงาน ในองค์กรต่างๆ ลองคิดดูว่า เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา คนไทย ได้รับการศึกษาระดับสูงๆ กี่เปอร์เซ็นต์ แล้วคิดว่า ตัวเองมีความสามารถเพียงพอหรือ ถัาให้เด็กเรียนที่บ้าน ความคิดจะแคบ พ่อแม่คงปลูกฝังให้เด็ก รู้จักเอาตัวรอด แต่เชื่อไหมว่า เด็กจะมีแนวโน่้มเป็นคนเห็นแก่ตัวสูงขึ้น
รัชณีวรรณ ชาวนา/เยาวชนไทย <_u4203036@yn3.yonok.ac.th>
- Friday, February 18, 2000 at 02:46:17 (EST)

สนับสนุนครับ และขอเสริมด้วยว่า การศึกษาในโรงเรียน ควรเปลี่ยน จากการท่องจำ เอาเป็นเอาตาย ต้องเรียนพิเศษ หรือวัดผลด้วยคะแนนการสอบ แบบท่องจำครับ home school ควรมีชมรม หรือสมาคมพ่อ-แม่ ที่ทำ home school ครับ เพื่อเป็นสื่อกลาง ในการแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการ์ณ ในการดูแลลูกๆ ของตนครับ ในขณะเดียวกัน ระบบการศึกษาในโรงเรียน เมื่อเปลี่ยนแปลงแล้ว ควรให้เด็กๆ มีเวลาในการอยู่บ้านมากขึ้น (เรื่องการบ้าน ไม่ควรมีครับ) เพื่อให้ผู้ปกครองบางท่าน ที่ไม่สามารถทำ home school เต็มตัวได้ (อาจด้วย เงิน ความรู้ เวลา หรือความจำเป็น ในการดำรงชีวิต) ใช้เวลาอื่นๆ นอกเหนือจากการเรียน เช่นช่วงบ่ายหรือเย็นของทุกวัน เพื่อสอนลูกในแนว home school ครับ
พ่อลูกสอง

ถวัลย์ ฉัตรสมสง่า <trt@email.ksc.net>
- Wednesday, February 09, 2000 at 00:17:10 (EST)

สนับสนุนค่ะ เพราะดิฉันได้ทดลองด้วยตัวเอง พบว่า ลูกมีความสุขในการเรียน และเค้ามีความคิดสร้างสรรค์ ที่จะทำในสิ่งที่คิด โดยไม่ถูกจำกัดขอบเขต
กรรณิกา เถาหมอ <kunnoi@thai2k.com>
- Sunday, February 06, 2000 at 20:54:20 (EST)

ผมเรียนการศึกษาในระบบการศึกษานั้น ให้อะไรกับผมบ้าง ระบบการตัดเกรด การคิดคะแนน ทำให้เด็กแม้แต่คนที่เก่งมาก Tack Team กัน เพื่อให้ได้คะแนนดี ๆ มีการส่งโพย กัน จนเป็นเรื่องธรรมดา บางคนอาจจะคิดว่านี่เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มันก็เป็นพื้นฐานที่จะนำไปสู่ความชั่วที่สูงขึ้นในอนาคต เด็กยอมรับว่าในสังคมมีอะไรที่เลวร้ายมากมาย ใช่ครับ "ยอมรับ" ไม่ใช่ต่อต้าน ไม่ใช่รู้สึกผิดหวัง เมื่อใจของเขายอมรับแล้ว คิดหรือครับว่า เขาจะแก้ไขมัน เด็กที่ได้รับการศึกษาโฮมสคูล ก็เหมือนกับแกะขาว ในฝูงของแกะดำไงครับ เขาสับสน เขาผิดหวังว่าทำไมสังคมถึงเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าคุณไม่ปล่อยให้แกะขาวนี้มีจำนวนมากขึ้น กลับคิดว่า ไม่ควรมีแกะขาวนี้เลยเพราะเข้ากับแกะดำจำนวนมากกว่าไม่ได้ ต่อไปในอนาคตโลกเราก็จะมีแต่แกะดำเต็มไปหมด ถึงวันนั้น มนุษยชาติก็สูญสิ้นครับ
??? <>
- Saturday, February 05, 2000 at 01:43:11 (EST)

ดูอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสิครับ พระองค์ได้รับการศึกษาแบบไหน แล้วพระองค์ ประสบความสำเร็จหรือเปล่า ผมอยากจะบอกว่า สังคมในปัจจุบัน ไร้แก่นสารมากแล้ว การที่คุณให้เด็ก "รู้จัก" กับสังคม ที่แท้จริง ก็คือการทำให้เขาได้รู้จักกับ " ความไร้แก่นสารมากขึ้น" คำพูดของผมพอจะรับฟังได้หรือเปล่า พวกคุณลองพิจารณาดูนะครับ
??? <>
- Saturday, February 05, 2000 at 01:37:40 (EST)

สนับสนุน เพราะ บางทีเราจะได้มีโอกาสได้ทราบว่า บุตรของเราสนใจมากน้อยเพียงไร
สิรินทิพย์ (ปทุมวัน) <testi@mahidol.ac.th>
- Wednesday, February 02, 2000 at 05:40:13 (EST)

ค่อนข้างสนใจกับการสอน home school แต่ด้วยข้อจำกัดมากมาย ไม่ว่าจะเรื่องเวลา หลักสูตร และวิธีการเรียนการสอน ที่สำคัญเพื่อนร่วมคิด ค่อนข้างว้าเหว่ และสับสน ไม่มั่นใจว่าจะทำได้ดี เลือกส่งลูกไปโรงเรียน โชคดีที่เป็นปีแรกที่โรงเรียน จัดการเรียนการสอนแบบ child center โดยเลือกเพียงห้องเดียวนำร่อง ลูกมีโอกาสได้ร่วมชั้นเรียน เขาสนุกกับ การไปโรงเรียนก็พอใจแล้ว กลัวมากถ้าลูกจะต้อง เกลียดการไปโรงเรียน สนับสนุนให้โรงเรียน จัดการเรียนการสอนโดย ยึดนักเรียนเป็นหลัก อย่าสอนให้เด็กไทย มีความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอด อีกต่อไปเลย
ปฐมามาศ โชติบัณ <patamas@health2.moph.go.th>
- Monday, January 31, 2000 at 20:55:51 (EST)

สนับสนุน ในสิทธิของพ่อแม่หรือผู้ปกครอง ในการจัดการศึกษา ให้กับลูกหลานของตน และรัฐบาล ควรให้การสนับสนุน ทั้งในทางหลักการ การปฏิบัติ และแม้กระทั่ง ในทางงบประมาณ โฮมสกูลนั้น มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ขึ้นอยู่กับ วิธีการ และผู้ที่เป็นผู้ปกครอง รวมทั้ง จำนวนเด็กที่ได้รับการสอน คงไม่สามารถ สร้างมาตราฐานตายตัว เพื่อเป็นเกณฑ์ตัดสินได้ ต่อย่างน้อย กฎหมาย ควรรับรองสิทธิ ให้พ่อแม่ที่คิดว่า ตัวเองสามารถ จัดการศึกษา ที่มีคุณภาพ ให้กับลูกหลานตนเอง
ณัฐฬส วังวิญญู <nuttarote@hotmail.com>
- Monday, January 31, 2000 at 12:49:03 (EST)

เห็นด้วย แต่ทำไมเราต้องเลือกหละ น่าจะใช้แนวคิดของ Edward de bono คือความคิดคู่ขนาน คือไม่ตัดสินว่าถูกหรือผิด ในเมื่อเราสามารถนำทั้ง 2 ระบบมาผสมผสานกันได้ เพราะแต่ละแนวทางก็มีข้อดีข้อเสีย เราควรเลือกข้อดีของทั้ง 2 ระบบมารวมกัน โดยใช้ทั้ง 2 แนวทางควบคู่กันไป โดยอาจจะสลับแบบวันเว้นวัน อย่างละ 3 วันต่อสัปดา
อารยะ <alexz777@hotmail.com>
- Saturday, January 29, 2000 at 22:55:12 (EST)

ผมสนับสนุนครับ แต่ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของครอบครัวนั้น ๆ ด้วย ว่ามีความรู้ ความคิด อารมณ์ ทัศนคติสังคม สิ่งแวดล้อมรอบข้าง ความสนใจในการ ติดตามข่าวสาร หรือเทคโนโลยีต่าง ๆ มีมากเพียงใด เพราะสิ่งเหล่านี้ คิดว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะส่งผลต่อ การเรียนรู้ ของเด็ก นอกจากนี้ Home School คงไม่จำกัดอยู่ที่ หน้าที่ของสมาชิกในครอบครัวเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ให้ความรู้ ประสบการณ์ เด็กสามารถเรียนรู้ จากผู้อื่น สถานที่อื่นได้ ด้วยการเชิญมาที่บ้าน พาเด็กไปหา ไปเที่ยวชม ซึ่งมองได้ว่า เป็นสิ่งที่ละเอียดกว่าที่ โรงเรียนส่วนใหญ่ จัดประสบการณ์ให้กับนักเรียน สรุปว่า ถ้าครอบครัวพร้อม และมีความตั้งใจจริง มีประโยชน์ต่อเด็ก ต่อสังคมประเทศชาติแน่นอนครับ เพียงแต่ว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ครอบครัวนั้น พร้อมจริง ใครจะรับผิดชอบ
วีรวุฒิ ฉกะนันท์ <werawuth@psm.swu.ac.th>
- Friday, January 28, 2000 at 19:19:34 (EST)

เห็นด้วยที่ รัฐบาลเปิดโอกาสให้ องค์กรครอบครัว และชุมชน ให้การศึกษาเยาวชน (แต่ไม่ได้แปลว่า จะต้องยุบโรงเรียนไปทั้งหมดนี่นา) เด็กแต่ละคน มีลักษณะนิสัย และพื้นฐานทางพฤติกรรม ที่แตกต่างกันไป เด็กจำนวนไม่น้อย เรียนรู้ได้ดี เมื่ออยู่ใน สภาพห้องเรียน ในขณะที่ เด็กอีกจำนวนไม่น้อย เรียนรู้ได้ดีเมื่อ ไม่มีแรงกดดันจาก สภาพห้องเรียนในระบบ การที่รัฐบาล ได้เปิดโอกาสให้พ่อแม่ และเด็ก ได้มีโอกาสเลือก ถือว่าเป็นสิ่งน่ายกย่องไม่น้อย เพราะจะช่วยทำให้ ผู้ปกครองและเด็ก มีโอกาสได้เลือก สิ่งที่เหมาะสมกับ สภาพพื้นฐานของเด็ก เราแปลกใจที่ เสียงคัดค้านส่วนใหญ่ มาจากผู้ที่เป็นห่วงว่า เด็กโฮมสกูล จะเข้าสังคมไม่ได้ และเป็นคนเห็นแก่ตัว ฟังแล้วมันแปลกๆ เพราะเด็กที่อยู่ในระบบเอง ที่เห็นแก่ตัว ก็มีไม่น้อย ที่เข้ากับสังคมไม่ได้ ก็มีไม่น้อย ที่ถูกทำร้ายจาก เพื่อนนักเรียนด้วยกัน จนพิการทางจิตไป ก็มีไม่น้อย (แต่ก็อย่าลืมว่า ที่มีความสุขกับโรงเรียน ก็มีไม่น้อย) เราน่าจะช่วยกันยินดีว่า พวกเรา มีทางเลือกมากขึ้น ความหลากหลาย และเสรีภาพในการ มีชีวิต เป็นสิ่งที่น่ายินดีออก
ชุติมา ศิริสมรรถการ <chutimoo@chickmail.com>
- Tuesday, January 25, 2000 at 17:43:10 (EST)

ขอเป็นกลางครับ แต่อยากทราบว่า พวกเราเสียภาษีให้รัฐฯ แล้วรัฐฯ ดูแลเอาใจใส่ ระบบการศึกษาของพวกเรา อย่างไรบ้าง ทำไมเด็ก ๆ ต้องกวดวิชากันตัวเป็นเกลียว เป็นเพราะ ระบบการศึกษาบกพร่อง หรือว่า คุณภาพของครูผู้สอน ไม่ดีพอ ใครพอทราบ คำตอบ กรุณาบอกให้ทราบบ้าง ทุกวันนี้ ต้องเสียเงินเป็นค่ากวดวิชา ให้ลูกมากมายแล้ว ยังไม่ทราบว่า จะเอ็นท์ติดหรือเปล่า คิดแล้วกลุ้มจริง ๆ (โว้ย)
OD CHUNEPHISAL <odchune@hotmail.com>
- Wednesday, January 19, 2000 at 06:09:00 (EST)

เห็นด้วยทั้งสองความคิด ฉะนั้นอยากให้บุคคลากร หรือองค์กร ที่มีศักยภาพ ศึกษาทางออก ให้ทั้งสองแนวทาง เช่นทางเลือกที่สามคือ ให้ลูกได้เรียนระบบโรงเรียน ซึ่งจะสามารถได้เรียนรู้ การใช้ชีวิตในสังคม สัก 3วัน และเรียนที่บ้านอีก 2-4 วัน แล้วแต่พ่อแม่ จะจัดชั่วโมงเรียนให้ ส่วนวิชาที่จะจัด แบ่งกันระหว่าง สองระบบ ควรดูจากข้อจำกัดในเรื่อง เงินลงทุนในรายวิชา หรือเทคนิคเฉพาะด้าน เป็นต้น และประโยรช์อีกทางหนึ่ง ที่จะได้รับคือ จำนวนนักเรียนในแต่ละวัน ต่อครู หรืออาจารย์ สามารถแบ่งเฉลี่ยออกไปได้ ทำให้ สามารถรองรับนักเรียน ได้มากขึ้น หรือครู มีเวลาได้พัฒนา การศึกษา การเรียนการสอน มากขึ้นด้วย
Supachoke Tam. <Supac63@yahoo.com>
- Friday, January 07, 2000 at 00:20:51 (EST)

I agree a both way,the family can teach moral and virtue behavior and the school can teach socialism and relationship behavior,I think the family would be take care child so much better.
Nuttawat <ectnutw@yahoo.com>
- Friday, December 31, 1999 at 07:39:16 (EST)

สนับสนุน เพราะว่าไม่เชื่อใน ระบบการศึกษาของรัฐ การเรียนมุ่งให้ นักเรียนท่องจำ เพื่อนำไปสอบเรียนต่อ ในมหาวิทยาลัยของรัฐ ทำให้เด็กที่มีโอกาศคือ เด็กที่มีฐานะดี มีเงินส่งลูก ไปเรียนพิเศษ ทำให้เห็นแก่ตัว ไม่ส่งเสริมให้เด็กคิดเอง แก้ปัญหาเอง
นาย ศุภพงษ์ ชัยทัศน์ พะเยาพิทยาคม จ.พะเยา
- Monday, December 27, 1999 at 02:39:43 (EST)

คัดค้านเพราะ มนุษย์ เป็น สัตว์สังคม ควรให้มีการเรียนรู้ อย่างมีระบบ / แต่ที่ควรแก้ไข คือการจัดการกับ ระบบการสอน มากกว่าที่ปลายเหตุจะดีกว่า
สุรินทร์ ตั้งพิพัฒน์สถาพร <jadin@chaiyomail.com>
- Friday, December 24, 1999 at 02:04:00 (EST)

สนับสนุนค่ะ แต่อยากทราบว่า ถ้าจะจัด การเรียนการสอนที่บ้าน จะทำอย่างไร มีหน่วยงานไหน ที่ให้ความรู้แก่พ่อแม่ที่ สนใจจะจัด การเรียนการสอนที่บ้าน ได้อย่าง มีประสิทธิภาพสูงสุด
Preeda Pedthong <monthatip.b@dcs.premier.co.th>
- Wednesday, December 22, 1999 at 03:30:04 (EST)

สนับสนุนค่ะ แต่อยากทราบว่า ถ้าจะจัด การเรียนการสอนที่บ้านนี้ จะทำอย่างไร มีหน่วยงานไหน ที่จะให้ความรู้แก่ พ่อแม่ที่สนใจ จะจัดการเรียนการสอนที่บ้านคะ
Miss Chintana P. <chintanapa@excite.com>
- Monday, December 06, 1999 at 06:13:32 (EST)

คัดค้าน เพราะเด็กจะขาดสังคม ขาดมนุษยสัมพันธ์กับคนอื่นๆ การไปโรงเรียน นอกจากจะได้ ความรู้แล้ว ยังได้เพื่อน ได้เรียนรู้ การปรับตัว เข้ากับเพื่อนๆ ได้ และมีความคิด ที่ไม่คับแคบ เหมือนเรียนอยู่ที่บ้าน ทำให้ เมื่อโตขึ้น และมีงานทำแล้ว จะปรับตัว และทำงานได้ มีความสุขมากกว่า เพราะเรา อยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องมีสังคม
สุนทรี แมค.
- Wednesday, December 01, 1999 at 21:00:24 (EST)

I agree with home school but it depend on the readyness of each family, if they can do their duties as teachers at house it is o.k. then, I don't think social practice is the main problem. Thank you.
Wiwat Thianpathom <wiwat999@chaiyomail.com>
- Friday, November 26, 1999 at 21:01:03 (EST)

ผมสนับสนุนเต็มที่ เพราะตัวผมเอง ก็ตกเป็นเหยื่อของ การศึกษาของไทยเหมือนกัน เรียนมาเกือบ 20 ปี ยังไม่รู้เลยว่า มีความรู้อะไร อยู่ในหัวสมองมั่ง วันๆ เอาแต่นั่งท่องหนังสือ เป็นนกเเก้ว นกขุนทอง สมองก็เลยฝ่อ เสื่อมสมรรถภาพ home school นับว่า เป็นทางเลือกที่ดี อีกวิธีหนึ่ง เพราะเด็ก จะได้รับ ประสบการณ์ตรงจาก พ่อ แม่ และญาติๆ ทำให้เด็ก ได้รับความอบอุ่น แต่ก็จะมีข้อจำกัด คือผู้ปกครอง ต้องมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งเวลา กำลังทรัพย์ และมันสมอง และถ้าจะให้ดีที่สุด ผู้ปกครอง กรุณาอย่านำวิธีนี้ มาใช้ในกทม. นะครับ เดี๋ยวสมองจะฝ่อ เหมือนผม
patt
- Thursday, November 25, 1999 at 21:59:03 (EST)

คัดค้าน ที่คุณกนกพรพูดว่า เด็กจะมีความมั่นใจนั้น คิดว่าคงเข้าใจอะไรผิด ผมคิดว่า เด็กอาจจะกลายเป็น คนไม่ยอมรับความจริงก็ได้ เพราะเด็กอาจได้รับ มุมมองในการมองโลก น้อย เมื่อเด็กเจอเหตุการณ์ที่ เค้าไม่เคยเห็น หรือที่พ่อแม่ไม่เคยบอกเค้า เด็กอาจเกิดการ สับสน อารมณ์ ความนึกคิด และสิ่งที่เรียกว่า สังคม นั้น ซับซ้อนกว่าที่เราคิดไว้มาก หากเด็กได้เข้าสังคม โดยมีโรงเรียน เป็นสถานการณ์จำลองแล้ว เมื่อเด็กโตเป็นผุ้ใหญ่ เด็กจะมีความมั่นใจมากกว่า และผมคิดว่า คุณกนกพร มองเด็กเป็นเด็กตลอด ไม่ได้มองว่า ต่อไปเค้าต้องโตเป็นผู้ใหญ่ และโฮมสคูล อาจทำให้เด็ก ติดพ่อแม่มากเกินไป หากใครสักคนเป็นอะไรไป อาจทำให้เด็ก เสียความรู้สึกมาก ที่ผมพูด อาจดูเหมือนคิดมาก แต่ผมให้ความสำคัญกับ ความรู้สึก และอารมณ์ของเด็กมาก เพราะคิดว่า สิ่งนี้ เป็นสิ่งที่เปราะบาง ต้องได้รับการดูแลที่ดี ขอบคุณที่ให้แสดงความคิดเห็นครับ
ญาณพล มุสิเกตุ <ัyanapol@chaiyomail.com>
- Wednesday, November 24, 1999 at 06:55:31 (EST)

คัดค้าน เพราะว่าจะทำให้เด็ก ไม่สามารถเข้าสังคมได้
อาทิตย์ <a41c0244@bu.ac.th>
- Sunday, November 21, 1999 at 23:26:23 (EST)

คัดค้านครับ.. ผมว่า เราน่าจะหันมามอง และเอาจริงเอาจังกับ การจัดระบบการศึกษา ในสถานศึกษามากกว่า Home School แม้นจะเป็นแนวคิดที่ดี แต่ก็ต้องมี ระบบสนับสนุนที่ดีด้วย ไม่ว่าจะเป็น ความรู้ความเข้าใจ ในพฤติกรรม และพัฒนาการ การเรียนรู้ของเด็ก สื่อการสอน สังคม ซึ่งผมว่าตรงนี้
Vera Thanalertkul <vt1967@hotmail.com>
- Sunday, November 21, 1999 at 13:26:20 (EST)

คัดค้านครับ
นายธีระ <s48455@metnet.tmd.go.th>
- Tuesday, November 09, 1999 at 10:53:39 (EST)

I agreed that home school can play an important role for child education. However,The thing, which I concerned is the knowledge of the parent in terms of how well they do understand learning process of children. So I believe the right direction of home school is to support schools in particulr infromation about children behaviour and children learning process- whether any problems. This will be a significant picture for teacher to solve the problem when children are in school. Postgraduate education student, Western Australia
duke <sukkram@hotmail.com>
- Tuesday, November 09, 1999 at 02:56:55 (EST)

ก็ดีทุกฝ่าย แล้วแต่เหตุและผล ในแต่ละสถานการณ์ คงไม่มีสูตรสำเร็จ ในการดำรงชีวิต ในโลกใบนี้
turun <turun@thaimail.com>
- Saturday, November 06, 1999 at 21:55:36 (EST)

ถ้าบ้าน..มันห่วย เราก็ไปโรงเรียนดีกว่า ถ้าโรงเรียน.. มันไม่ได้เรื่อง เราก็อยู่บ้าน ..แต่เด็กนะ มันต้องแล้วแต่ผู้ใหญ่ (ห่วยๆ) อยู่แล้วละครับ
เด็ก....เมื่อก่อน! <cmongkol@hotmail.com>
- Thursday, November 04, 1999 at 00:09:56 (EST)

คัดค้าน เพราะสังคมปัจุบัน เปลี่ยนไปมาก ทุกชีวิตดิ้นรน หากเด็กถูกสอนที่บ้าน จะทำให้เขา แคบกับโลก ไม่มีอะไรจะ สอนคนในสังคม ดีเท่ากับ สังคมเอง
pi
- Wednesday, November 03, 1999 at 02:13:30 (EST)

ขอคัดค้าน แต่ขอให้ ยังคงโฮมสคูลไว้ เนื่องจาก ยังเปิดโอกาสให้ ผู้ที่ด้อยโอกาส ได้ศึกษาทางนี้ด้วย และรวมถึง บุคคลทั่วไปด้วยครับ / ขอบคุณ
นายธีระ บุนนาคสีชัย <s48356@metnet.tmd.go.th>
- Tuesday, November 02, 1999 at 12:11:56 (EST)

เห็นด้วยครับ แต่ต้องอาศัย สื่อช่วยสอน ที่มีประสิทธิภาพกว่าปัจจุบันนี้ และในปัจจุบัน พ่อแม่ ต้องออกจากบ้าน ไปทำงานกันทุกๆ วัน ซึ่งทำให้ครอบครัว ขาดความอบอุ่น การที่จะ สอนหนังสือลูกที่บ้าน คงต้องอาศัย สื่อช่วยสอนที่ดี มาช่วยสอนครับ
นพดล สุจริตสัญชัย <nop_s@hotmail.com>
- Monday, November 01, 1999 at 07:46:00 (EST)

คิดว่า การเรียนในโรงเรียน จะเหมาะสมมากกว่า แต่ความสมดุลในการศึกษา จะต้องมีการเสริมสร้างจาก ครอบครัวที่บ้านด้วย และการจัดกิจกรรม ที่เหมาะสม ของโรงเรียน ต้องแจ้งให้ครอบครัวทราบ เพื่อเสริมหนุน จะเหมาะสมที่สุด
วิโรจน์ ลี้วิบูลย์ศิลป์ <wrlee@bkk.a-net.th>
- Saturday, October 30, 1999 at 05:26:07 (EDT)

ผมขอสนับสนุนเต็มที่
1)เนื่องด้วย เป็นทางเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้ปกครอง
2)ผมว่าในปัจจุบัน รีบที่จะให้เด็กไปโรงเรียนไวเกินไป 2-3 ขวบก็ให้เข้าโรงเรียนแล้ว เด็กอนุบาล ก่อนเข้า ป๑ บวก,ลบ เลขได้ อ่านหนังสือได้.... มันจำเป็นด้วยหรือ?
3)ขญะนี้ผมอยุ่ที่ต่างประเทศ(เนเธอร์แลนด์) ผมว่ามันน่าจะดีต่อลูกของผม และคนอื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน ที่สามารถ เรียนหนังสือที่บ้าน และ ยังสามารถเทียบชั้น เท่าๆ กับ เด็กคนอื่น

อาจินต์ บุญกาญจน์วนิชา <Ajin.Bunkanwanicha@thailand.ericsson.se>
- Friday, October 29, 1999 at 06:24:48 (EDT)

สนับสนุน i think few year later every household can have a computer or community can share it with the monk in thai temple we can have new way of learning not only by school
ss nz <ssongsataya@hotmail.com>
- Wednesday, October 27, 1999 at 10:51:47 (EDT)

คัดค้าน และมีข้อคิดเห็นเช่นเดีวยกับ อ.สำเร็จค่ะ
แก้วใจ
- Wednesday, October 27, 1999 at 03:17:43 (EDT)

ผมสนับสนุนทั้งสองฝ่าย จริงๆ แล้ว ระบบการศึกษา ในโรงเรียนนั้น เป็น ระบบที่ดี ที่สามารถหล่อหลอมเด็ก มีแบบจำลอง สถานการณ์ การอยู่ร่วมกัน แต่ก็มีข้อแม้เหมือนกันว่า เด็กต้องได้รับ การประคับประคองที่ดี เช่นกัน จากคนที่เรียกว่าครู ผมมีคำถามๆ นึงสำหรับผู้ที่คัดค้าน ระบบโฮมสกูลว่า คุณคิดว่า ระบบนี้เกิดขึ้น มาในสังคมไทยได้อย่างไร ถ้าถามผม ผมจะตอบว่า น่าจะมาจาก การที่คนส่วนหนึ่ง ผิดหวังจาก ระบบโรงเรียน ที่ขาดการจัดการที่ดี ขาดความรู้ ความเข้าใจในเรื่อง การศึกษา และสับสน ในบทบาทของตัวเอง จากคนที่เรียกตัวเองว่า ครู ส่วนตัวผมเองแล้ว คงทำทั้งสองอย่าง ควบคู่กันไป อย่างน้อย คงจะช่วยเติม ในสิ่งที่ขาด ให้แก่กันและกันได้
มงคล วันพัว
- Monday, October 25, 1999 at 20:58:53 (EDT)

สนับสนุนครับ เพราะแม่ คือครูคนแรก และไม่มีใคร จะรักลูก เท่ากับแม่หรอกครับ เพราะฉะนั้น ถ้าแม่สอนแล้ว ผมว่ามีแต่สิ่งดีๆ นะครับ ที่ลูกจะได้รับ ส่วนการมี มนุษย์สัมพันธ์ที่ดีนั้น ถ้าแม่สอนดีแล้ว ก็ไม่มีปัญหาครับ เด็กจะดีหรือไม่ ต้องอยู่ที่ครอบครัวก่อน แล้วถึงมาสู่ชุมชน หรือสังคมต่อไป
krishna
- Friday, October 22, 1999 at 22:18:19 (EDT)

สนับสนุน การสอนลูกเองที่บ้าน เพิ่มความสัมพันธ์ระหว่าง พ่อ แม่ กับลูก สร้างสภาวะพื้นฐาน ทางอารมณ์ และสังคม ของการอยู่ร่วมกัน ระหว่างผู้ใหญ่ และเด็ก เป็นพื้นฐาน การปรับตัวของเด็ก ในอนาคต
mulan
- Wednesday, October 20, 1999 at 08:08:24 (EDT)

ขอเป็นกลาง ทั้งสองฝ่าย มีทั้งส่วนดี และส่วนเสีย เป็นวิจารณญานของผู้ปกครอง ที่จะเลือกทางที่เหมาะกับ วิถีชีวิต ของแต่ละครอบครัว ซึ่งมีข้อจำกัด และความพร้อม ต่างกัน แต่ทางฝ่ายโฮมสกูล คงต้องระมัดระวัง และใช้ความพยายามมากๆ ที่จะให้ลูกหลานของตน ไม่ขาดอะไรไป ในทางสังคม
ปัทมา <apattama@hotmail.com>
- Wednesday, October 20, 1999 at 00:37:39 (EDT)

คัดค้าน
วิชัย จั่วแจ่มใส <vichai chuajamsai@daimlerchrsler.com>
- Monday, October 18, 1999 at 06:08:33 (EDT)

คัดค้าน มนุษย์เป็นสังคม ต้องเรียนรู้พฤติกรรมกัน แล้วคัดเลือก ผิดชอบ ตามระดับการศึกษา
krid sripanich <krid_o@hotmail.com>
- Saturday, October 16, 1999 at 13:51:34 (EDT)

สนับสนุนครับ โดยเห็นด้วยกับ ครอบครัวที่มีความพร้อม ในการให้การศึกษาแก่ลูก ทั้งนี้ ต้องอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ของประเทศ ไม่ใช่จัดตามใจ เพราะเด็ก ต้องมีการพัฒนาการทุกด้าน ทั้ง ร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา ที่ผมสนับสนุนเพราะ ในโรงเรียนเอง ก็ไม่แน่ใจว่า จะเป็นสถานที่ ที่จะเกิดการเรียนรู้ที่ดีที่สุด ถ้าครอบครัวใดพร้อม หรือเพื่อนบ้านในชุมชน ที่มีความพร้อม ก็สมควรจัดได้ และควรจัดอย่างหลากหลาย ไม่ใช่แค่ให้ ลูกนั่งเรียนที่บ้าน ทั้งชีวิต ควรจัดให้ลูก ไปเรียนรู้นอกบ้าน ซึ่งผมคิดว่า ครอบครัวทำได้ดีกว่า สะดวกกว่าโรงเรียน (เน้นว่า ครอบครัวที่มีความพร้อม นะครับ) ฐานความคิดของผมคือ ผมมั่นใจว่า ครอบครัวที่ พร้อมจัดการศึกษา ให้แก่ลูก ย่อมจัดการศึกษาได้ดีกว่า โรงเรียน และในโรงเรียน ผมก็ไม่มั่นใจ ในมาตรฐานของคนสอน ว่ามีคุณภาพจริงในการสอน ทั้งนี้ผมเป็นครู ผมเห็นสภาพในโรงเรียนดี ผมมีลูก ผมรักลูก และผมรู้ว่า จะให้สิ่งที่ดีที่สุด แก่ลูกอย่างไร รัฐไม่ใช่คำตอบที่ดีสุด โรงเรียน ไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด สุดท้าย ผมสนับสนุน ครอบครัวที่มีความพร้อม จัดการศึกษาที่ดีที่สุดแก่ลูก เพราะคนที่กล้า จัดการศึกษาให้แก่ลูก ผมคิดว่า เขาไม่โง่ที่จะ ให้ลูกนั่งอ่านหนังสือ อยู่ที่บ้านคนเดียวหรอกครับ ถ้ากล้าจัด เขาฉลาดรู้แน่นอน แต่กันความผิดพลาด ขอให้จัดโดยมี มาตรฐานกลางของประเทศเป็นเกณฑ์ ในการดูแลคุณภาพ ถ้าไม่ถึงเกณฑ์ จำเป็นต้อง ให้โรงเรียนดูแลแทนครับ ขอบคุณวิริยะบุคส์ ที่ให้โอกาสแสดงความคิดเห็น
นายถนอม เปลี่ยนทอง อาจารย์ 2 ระดับ 6 โรงเรียนโพธิทอง"จินดามณี" จังหวัดอ่างทอง <phothong_j@hotmail.com>
- Saturday, October 16, 1999 at 08:29:05 (EDT)

สนับสนุน
1. เนื่องจากเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับเด็กที่มีปัญหาทางสุขภาพ ทั้งกาย และจิต หรือมี ลักษณะเฉพาะ การเข้าโรงเรียนปรกติ หรือโรงเรียนพิเศษ ไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด เมื่อ พ่อแม่ หรือคนที่ดูแล เป็นผู้ที่รู้ถึงปัญหา วิธีระวังวิธีป้องกัน บางครั้งมากกว่าแพทย์ ที่ไปพบเพียงครั้ง สองครั้ง (ลองนึกถึงหนังเรื่อง ลอเรนโซออย )
2.ไม่ใช่ พ่อแม่ทุกคน ที่เหมาะสมสำหรับ Home school ความสามารถในการ ถ่ายทอดความรู้ เป็นส่วนสำคัญ เช่น มีวุฒิ ทางครุศาสตร์ หรือเทียบเท่า รวมถึงความรู้พิเศษ สำหรับเด็ก ที่มีต้องการ การดูแลเฉพาะ แน่นอน ที่ต้องมีคนทำงาน ที่คอยตรวจสอบ ความพร้อมของพ่อแม่
3.มีหน่วยงานหรือบุคคลที่ 3 เป็นผู้คอยดูแลตรวจสอบ เช่น Professional Social Worker เพื่อเป็นการประกันว่า เด็กได้รับการดูแล อย่างเหมาะสมทั้ง ทางด้าน ชีวะ-จิต-สังคม

วิบูลย์ ลิมปนวุฒิ <wlimpana@yahoo.com>
- Friday, October 15, 1999 at 11:08:54 (EDT)

เราต้องช่วยกัน 50/50 โรงเรียนก็ดี บ้านก็ดี เราต้องช่วยกัน ปั้นให้ออกมาดี
สุกิต <sukit34@hotmail.com>
- Friday, October 15, 1999 at 03:06:35 (EDT)

ไม่เห็นด้วย กับการที่ จะสอนหนังสือลูก อยู่กับบ้าน เพราะพ่อแม่ จะไม่มีประสบการณ์ ในการเรียนการสอน สำหรับเด็กในระดับชั้นต่าง ๆ ทั้งทางด้านการศึกษา การปรับตัวให้เข้ากับสังคม หรือการอยู่รวมกัน เป็นหมู่คณะ จึงไม่เห็นด้วยกับ การที่จะสอนหนังสือลูก อยู่กับบ้าน
พัสสมณฑ์ ทองนาค <phatsamon@hotmail.com>
- Wednesday, October 13, 1999 at 10:12:42 (EDT)

สนับสนุน เพราะประหยัดค่าใช้จ่าย ครูบางคน ก็ไม่ได้สอนดีไปกว่าพ่อแม่
จำรัส
- Tuesday, October 12, 1999 at 14:15:50 (EDT)

ไม่เห็นด้วย เพราะเนื่องจาก เด็กควรจะมีพัฒนาการ การเข้ากับสังคม โลกภายนอกด้วย ทั้งการปรับตัว พฤติกรรมการเข้าสู่สังคม จำเป็นต้องเรียนรู้ จากสถานศึกษา ซึ่งเป็นสังคมย่อย อีกสังคมหนึ่ง เพื่อการปรับตัว ทางด้านจิตใจ สู่สังคมใหญ่ นอกเหนือจาก โรงเรียน และบ้าน ผู้ปกครอง ควรให้คำชี้แนะ หรือสอนการบ้านเสริม และเพิ่มเติมความรู้ น่าจะดีกว่า
ประดับ ยันตะบุศย์
- Tuesday, October 12, 1999 at 01:59:19 (EDT)

I disagree.
Panida Wongpanlert <Panidaa@yahoo.com>
- Tuesday, October 12, 1999 at 00:01:53 (EDT)

ชอบแนวทางการเรียนรู้แบบ home-school สนับสนุนการเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ
กร
- Monday, October 11, 1999 at 09:21:15 (EDT)

สนับสนุนค่ะ เพราะว่าในปัจจุบันนี้ มีปัญหามากมาย เวลาจะส่งลูก ไปโรงเรียน แต่ละที รถนักเรียน ชนกันบ้าง เพื่อนนักเรียนด้วยกัน ติดยาบ้า ครูบ้าอำนาจบ้าง เด็กมาจากสังคม ที่ต่างกันมากเกินไปก็มี เด็กแทนที่จะรู้จัก แบ่งปัน แต่โรงเรียนส่วนใหญ่ สอนให้เด็ก รักการแข่งขัน มากกว่าการให้ เด็ก ให้ไปโรงเรียน เด็กมีสังคม และเห็นโลกที่กว้างขึ้น แต่ว่าคำว่าเห็นโลก ก็ไม่ใช่ความหมายที่ว่า เด็กจะเข้าใจโลก บางทีสังคม ก็โหดร้ายเกินไป สำหรับเด็ก การที่ให้เด็กอยู่บ้าน เรียนที่บ้าน เด็กคิดว่าน่าจะดี เพราะเด็ก จะได้ใกล้ชิด กับพ่อแม่ และอย่างน้อย ๆ ก็ไม่ต้องรู้จักคำว่า แข่งขัน อย่างเอาเป็นเอาตาย อย่างเด็กสมัยนี้เจออยู่ ตื่นตี 5 เลิกเรียน ต้องไปเรียนพิเศษ เลิก 3 ทุ่ม นี้แค่เด็กประถม เพราะกลัวเกรด ไม่ได้เท่าเพื่อน กลัวมีความสามารถ สูงไม่เท่าเพื่อน วันหยุด ต้องไปเรียนดนตรี วาดรูป รำไทย อีก แล้วยังเจอ อาจารย์ที่สอนไม่ตามโลก จบมา 20 ปี อย่างไร ก็สอนแบบนั้นมาแล้ว 20 ปี ถ้าสอนเอง คิดว่า เด็กน่าจะดีกว่า เรียนตามโรงเรียน ถ้าครู และสังคมไทย ยังไม่มีการพัฒนา
เด็กไทย
- Sunday, October 10, 1999 at 23:14:07 (EDT)

I partly support home school. In fact, I would like to have both practices at the same time. Let say, we may have regular school for Monday Tuesday and Friday and home school for the rest. Why not ?
Teerakiat Kerdcharoen <teerakiat@usa.net>
- Saturday, October 09, 1999 at 14:00:56 (EDT)

คัดค้านครับ แนวความคิดที่ว่า ใช้ความใกล้ชิด ของครอบครัว และการจัดการศึกษา ตามแนวความคิด ของพ่อแม่ อาจฟังดูดี แต่ในทางปฏิบัติแล้ว พ่อแม่แต่ละคน มีเวลา ความสามารถ ในการถ่ายทอด ต่างกัน ตรงนี้ผมคิดว่า จะเป็นข้อเสีย สำหรับเด็กที่ พ่อแม่ยังไม่พร้อมในด้านนี้ แต่ยังคิดจะสอน อีกอย่างคือ ถ้าเด็กเรียนอยู่แต่กับครอบครัว มีเพียง คนในครอบครัวเป็นเพื่อน สิ่งแวดล้อม ที่อยู่กับเด็กมาตลอดนี้ จะทำให้เด็ก ไม่ได้ไปพบกับ สิ่งแวดล้อมที่แตกต่างไป สิ่งเหล่านี้ ทำให้ การปรับตัวเข้ากับสังคม ในวัยทำงาน จะทำได้ลำบากมาก เพราะไม่เคยพบกับ สิ่งแวดล้อม ที่แตกต่างไปจากตนเอง การเอาตัวรอดในสังคม จะลำบากมาก สิ่งที่ผมอยากเห็นคือ การปรับปรุงการศึกษา ให้ดีกว่านี้ มากกว่าการเปลี่ยนแปลง แนวทางการศึกษา ให้เป็นโฮมสคูลครับ
ธีรเศรษฐ์ เข็มประสิทธิ์ <gonezap@bangkok.com>
- Saturday, October 09, 1999 at 05:35:25 (EDT)

คัดค้านแน่นอนครับ เพราะว่าจากพื้นฐานที่ว่า พ่อแม่ แต่ละคน มีพื้นฐาน ความสามารถ ในการถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ได้ไม่เท่ากัน ดังนั้น การที่จะ สอนหนังสือให้ลูกเอง ถ้าพ่อแม่ที่มี ความสามารถสูงก็ OK ไป แต่ถ้าพ่อแม่ มีความสามารถ ไม่เพียงพอ แต่ก็ยังไม่พอใจใน ระบบการศึกษาที่โรงเรียน ยังคงดันทุรัง ที่จะสอนไป แบบไม่ถูกต้อง ก็จะเป็นการ ปิดกั้นโอกาสเด็ก ไม่ให้มีความก้าวหน้า ไปในทางที่น่าจะเป็น ไม่เข้าใจว่า พ่อแม่ที่จะสอนลูกเอง อยู่กับบ้าน เป็นครูหรือเปล่า คิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะว่า พยายามปิดกั้น ให้ลูกของตนเอง อยู่แต่ภายใน สังคมแคบๆ เมื่อเด็กโตขึ้น ก็คงจะมีปัญหาแน่นอน ( การเข้าสังคม ) เชื่อว่าพ่อแม่บางคน ไม่เชื่อมั่นใน ระบบการศึกษาจริงๆ แต่ผมคิดว่า การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ไม่น่าจะเป็น การที่สอนกันเอง อยู่ที่บ้าน เด็กจะเหมือนถูกเก็บไว้ ในสังคมแคบๆ ไม่รู้จักการ เข้าสังคม การแก้ปัญหา น่าจะเป็นการแก้ที่ ระบบ การศึกษามากกว่า การปรับปรุงให้ครู ในอนาคต มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น มีการวาง ระบบการศึกษาใหม่ซะ สำหรับคุณครูรุ่นเก่าๆ สักวันพวกเขา ก็คงจะเกษียนไปเอง ระบบการศึกษาที่ผ่านมา กับตัวผมเอง ผมว่าแย่มาก เช่น เรียนภาษาอังกฤษกันมา ตั้งแต่ประถม ยันจบ ม.ปลาย ยังพูดกับ ชาวต่างชาติไม่ได้ OK บางคนอาจจะพูดได้ แต่ว่าคุณ มั่นใจแค่ไหน คุณต้องไปเสียเงิน เรียนเพิ่มหรือเปล่า อย่างนี้ เป็นต้น แต่อย่าเพิ่งท้อแท้กับ การศึกษาไทยเลยครับ ค่อยๆ แก้กันไป ผมว่าซักวัน มันต้องดีกว่าตอนนี้แน่ ขอเพียงตั้งใจ และเขี่ยพวก คอรัปชั่น ให้หมดไปจากโลกซะที ขอบคุณครับ
Atthapol Petchankan <Patthapol@doramail.com>
- Friday, October 08, 1999 at 19:28:05 (EDT)

สนับสนุนเรื่องนี้จริง ๆ แต่ในทางปฏิบัติ ทำได้ยากมาก เนื่องจาก ตัวผู้ปกครองเอง ก็โตมากับ การศึกษา ที่ไม่มีคุณภาพเพียงพอ ทำให้ ความสามารถที่จะ ประมวลความรู้ มาสอนลูกนั้น จะเป็นไปตามอารมณ์ ความรู้เดิม ประสบการณ์ สถานะ และเวลา ซึ่งถ้าเป็นสิ่งที่ดี ก็จะทำให้ เกิดการสร้างสรรค์ แต่ถ้าเป็นในทางตรงกันข้าม ก็จะกลับกันไปหมด
โอ๋ <oo_karuna@hotmail.com>
- Friday, October 08, 1999 at 11:41:39 (EDT)

คัดค้าน
พายัพ แก้วเกร็ด
- Friday, October 08, 1999 at 06:22:44 (EDT)

คุณเคยนั่งมองเด็ก ๆ เล่นในสนามเด็กเล่น ที่โรงเรียนไหม แม้แดดจะออก เด็ก อาจมีการ ทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่พวกเขา ก็ได้แสดงออกถึง ความรู้สึก ออกมาทางใบหน้า แวว ตา รวมไปถึง พฤติกรรมของเขาเด็ก ๆ มีสังคมเล็ก ๆ ของเขา มีโลกส่วนตัว มีความฝัน แต่ ความฝันในวัยเด็ก ก็จะถูกลบเลือน เมื่อเขาโตขึ้นเรื่อย ๆ จากสภาพแวดล้อม เด็ก ๆ ต้องเผชิญกับโลก เผชิญกับความจริง ที่ใคร ๆ ก็หนีไม่พ้น ดังนั้นถ้าเด็กไปโรงเรียน เขาจะมี มุมมองที่กว้างขึ้น รู้จักตัวเอง รู้ว่าตัวเอง ควรไปทางไหน แต่อะไรล่ะคะ ที่จะบอกเขาได้ ถ้าไม่ใช่ผู้ปกครอง และครู ลูกคุณ จะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับการอบรมเลี้ยงดู เอาใจใส่ ของคุณ ดิฉันเคยไปเรียน ภาษาอังกฤษ จากสถาบันแห่งหนึ่ง ในวันเสาร์-อาทิตย์ ไปเรียนระดับ เริ่มต้นเลยค่ะ แต่ปรากฎว่า มีเด็กเยอะมาก บางที ก็นึกอายเด็กเหมือนกัน เคยถาม เด็กผู้ชายคนหนึ่ง ว่า ทำไมเขาจึง มาเรียนพิเศษ เขาตอบว่า พ่อให้เรียนกลับไป ก็ต้องไปเรียน คณิตศาสตร์ครับ ดิฉันถามเขาว่า ไม่เบื่อหรอ เขาบอกว่าไม่เบื่อ ดิฉันคิดว่า เด็กคนนี้ช่างเป็นเด็กดี แต่อยากบอกให้เค้ารู้ว่า เค้าได้สูญเสีย จินตนาการในวัยเด็ก ไปอย่างมากมาย
เนรัลชลา
- Friday, October 08, 1999 at 01:52:01 (EDT)

คัดค้าน จะทำให้เด็กปรับตัว เข้ากับสังคม ได้ยาก อาจจะทำให้เด็ก มีความเห็นแก่ตัว จะทำให้เกิด ปัญหาสังคม ตามมาภายหลัง
วิวัฒน์ ตันติสังวรากูร <kwivat@access.inet.co.th>
- Thursday, October 07, 1999 at 07:21:26 (EDT)

สนับสนุน เพราะจากผลิตผล ของระบบที่ผ่านมา ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า สังคมล้มเหลว การศึกษาล้มเหลว สังคมมีปัญหามากมาย คนจนลง โสเภณีมากขึ้น สังคมมีแต่การแข่งขัน เงินตรา คือยอดปรารถนา ของคนทุกคน ทุกคนคิดถึงแต่ตนเอง การศึกษาแบบปัจจุบัน รังแต่จะทำลายเด็ก เพราะจำกัดความคิด สอนแต่ท่องจำ หาเงิน ไม่เน้นให้เยาวชนได้คิดเอง ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ในสังคมที่เด็กๆ น่าจะได้รู้ จำกัดกรอบให้กับเด็ก ตั้งแต่อายุยังน้อย เด็กขาดการคิด ได้รับแต่การป้อน ครูอาจารย์ มุ่งหาผลประโยช์ จากนักเรียน เช่นกัน ผู้เขียน เป็นส่วนหนึ่ง ของผลิตผลของสังคม ผู้เขียนเห็นเด็กๆ ต้องเรียนพิเศษ ตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เล่น หรือทำในสิ่งที่ ตัวเด็ก ต้องการ เด็กขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ผู้เขียนรู้สึกว่า เด็กๆ มีความใสสะอาด มีระบบคิดที่น่าสนใจ เพราะเด็ก จริงๆ แล้วเป็นวัยที่ ช่างคิดช่างฝัน แต่การศึกษา และการคาดหวังทางสังคม เป็นตัวบีบคั้น ทำให้เด็ก เติบโตขึ้น ท่ามกลาง สภาวะทางสังคม ที่เลวร้าย ผู้เขียนคาดหวังว่า เมื่อผู้เขียนมีลูก ผู้เขียนจะเอาลูกของผู้เขียน ออกสู่ระบบ ตราบใดที่ ระบบการศึกษาของเรา ยังเป็นอย่างนี้ *ผู้เขียน อยากเห็นโรงเรียน แบบหนังสือเรื่อง โต๊ะโตะจัง
อภิสิทธิ์ เหลืองอมรนารา <cinola@thaimail.com>
- Thursday, October 07, 1999 at 05:54:46 (EDT)

Sorry for not writing comments in Thai as my PC is not capable to write Thai. I do not think home school is the good strategy. Eventhough we can make the first class academic quality, but the children will lack of social skill. They will not have friends to learn how to be a social. So the traditional school is better.
Noppadon Adjimatera <adjimatera.na@pg.com>
- Thursday, October 07, 1999 at 05:42:50 (EDT)

ชอบหลักสูตรแบบโฮมสคูล ตรงที่ยืดหยุ่นสูง มีอิสระ ปรับให้เข้ากับเด็กได้ ตลอดเวลา แต่ชอบในที่นี้ ไม่ได้แปลว่า สนับสนุนให้พ่อแม่ สอนลูกอยู่บ้าน ทุกรายไปนะคะ รายที่พ่อแม่พร้อมก็ดีไป แต่คิดว่า พ่อแม่ส่วนใหญ่ ยังไม่พร้อม อีกอย่าง การเป็นพ่อแม่ที่ดี ก็ไม่ได้แปลว่า ต้องเป็นครูที่ดีด้วย ใช่ไหมคะ ข้อด้อยของโฮมสคูล อย่างที่ อ.สำเร็จ ว่า ก็จริง น่าจะลองมาเจอกัน ครึ่งทาง นำแนวคิดของพ่อแม่ ไปปรับเข้ากับ การกำหนดหน้าตา หลักสูตร ของโรงเรียนด้วย เพราะข้อด้อยของหลักสูตร ในโรงเรียน มันก็มีตั้งเยอะอีกนั่นแหล่ะ จริงๆ ตอนเด็กๆ เคยได้เรียนอนุบาล ที่โรงเรียน ที่มีการสอนแบบ โฮมสคูลด้วยนะคะ คือ มีเด็กไม่ถึง 10 คน หลักสูตรจะหลากหลาย ตามใจคุณครู ซึ่งมีอยู่คนเดียว เหมือนแม่ของเรา แล้วก็เรียนกันที่บ้านครู ซึ่งส่วนใหญ่ ก็นั่งกันบนเสื่อ กลางสนามหญ้า นั่นแหล่ะ จำได้ว่า พอจบมาเรียนต่อที่ โรงเรียนอนุบาลในกทม. ครูต่างบ่นว่า ไม่รู้เรื่อง อ่านหนังสือ สู้เด็กชั้นเล็กกว่าไม่ได้ น่าจะไปเรียนพิเศษ แต่แม่บอกว่า ไม่เป็นไร ขอให้พวกเรา เป็นเด็กที่ได้เป็นเด็กจริงๆ ก็พอแล้ว แม่อยากให้เรา ได้วิ่งเล่น กลางแจ้งมากกว่า นั่งเรียนที่โต๊ะ ครูจึงตามใจเรา ให้วิ่งเล่นตามชอบใจ เพราะบังเอิญว่า แม่เป็นเพื่อนกับ เจ้าของโรงเรียน แล้วแม่ก็สอนเราเอง เวลากลับมาจาก เล่นกับเพื่อน ที่โรงเรียน พอมาต่อประถม ระยะแรกจะมีปัญหา แต่ไม่นาน พัฒนาการ ในการเรียนรู้ของเรา ทั้ง 3 คน จะไปเร็วกว่า เด็กคนอื่น ทุกคน อายุน้อยกว่า เพื่อนร่วมห้อง 2-3 ปี มีความถนัด หลายอย่าง ตอนนี้ ได้ทุนไปเรียนต่อทุกคน ซึ่งทุกคนจะบอกว่า เพราะแม่วางพื้นฐานมาดี
มัทนา ธีระเกียรติกุล <mmmattana@yahoo.com>
- Thursday, October 07, 1999 at 04:18:46 (EDT)

ดิฉันขอแสดงความคิดเห็นคือ คัดค้าน และเห็นด้วยกับความคิดของ อ.สำเร็จ เป็นอย่างยิ่ง คนเราต้องเรียนรู้ การเข้าสังคม การอยู่ร่วมกับผู้อื่นตั้งแต่เด็กๆ เด็กเมื่ออยู่ในกลุ่มเพื่อน เมื่อเกิดปัญหา จะสามารถเรียนรู้ และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ซึ่งเราอาจมองข้ามว่า เป็นเรื่องไม่สำคัญ เด็กโฮมสคูล จะได้รับรู้แต่ประสบการณ์ดีๆ ขาดการเรียนรู้การแก้ปัญหา เมื่อต้องอยู่กับผู้อื่น ซึ่งเมื่อโตขึ้น เขาต้องได้เจอ หลากหลายบุคคล และยิ่งเมื่อต้องไปทำงานนอกบ้าน ร่วมกับผู้อื่น เขาจะปรับตัว หรือสร้างมนุษยสัมพันธ์ ได้อย่างไร ตรงนี้เป็นสิ่งวัด ความสำเร็จในชีวิต มากกว่าสติปัญญา ดิฉันยอมรับว่า เด็กโฮมสคูล มีโอกาสได้รับความรู้ และสติปัญญามากกว่า ซึ่งอาจหมายถึง สามารถสอบเข้าเรียน ในระดับอุดมศึกษา ได้มากกว่า เนื่องจากพื้นฐานดี แต่นั่นเป็นเพียง ความสำเร็จขั้นหนึ่ง ซึ่งเมื่อเขาได้เข้าไปอยู่ ในระดับ อุดมศึกษา ยิ่งต้องรู้จักปรับตัว ในหลายๆด้าน ดิฉันไม่ได้หมายความว่า ไม่เห็นด้วยกับ โฮมสคูล เลยทีเดียว ดิฉันดิดว่า โฮมสคูลก็มีส่วนดีเยอะ เพียงแต่ ขาดโอกาสให้เด็ก ได้เข้าสังคมในกลุ่มใหญ่ ไม่ใช่4 หรือ5คน การปรับตัว เมื่อต้องอยู่กับผู้อื่น ซี่งเป็นพื้นฐาน การดำรงชีวิต และการทำงาน และดิฉันคิดว่า โฮมสคูล ควรเป็นส่วนเสริม จากโรงเรียนมากกว่า
ฉันทนา เคนศรี <noidsx@thaimail.com>
- Tuesday, October 05, 1999 at 02:08:31 (EDT)

I agree with this idea. If I have my own child I will do this if I have enought money and time.
Nongkran Sukavejworakti <sukavej@hotmail.com>
- Tuesday, October 05, 1999 at 00:10:41 (EDT)

หากทางผู้ปกครอง มีความสามารถ พอที่จะสอนลูกหลานของท่านได้ ผมก็ว่าเป็นการดี... แต่ถ้าหาก ไม่มีความรู้อย่างดีพอ อาจจะทำให้ เกิดผลเสีย อย่างมหาศาล โดยเฉพาะ เด็กก่อนวัยเรียน!... เพราะถ้าหากรากฐานไม่ดี ไม่แน่น จะต่อยอดขึ้นไป ได้อย่างไรเล่า...
วิบุญ
- Monday, October 04, 1999 at 18:29:50 (EDT)

คัดค้านเพราะว่าการสอน โดยให้เด็กอยู่ที่บ้าน เด็กจะได้รับแต่ ความรัก ความอบอุ่น แต่อาจไม่รู้ สภาพของโลกภายนอก ว่าต้องมีการต่อสู้ หรือมีปัญหาแค่ไหนหากวันหนึ่ง เด็กต้องออกมา ดำเนินชีวิตเอง อาจพบเจอสิ่งที่ ไม่เหมือนเดิมเขาจะยอมรับ และปรับตัวได้หรือไม่
ทหารหญิง
- Monday, October 04, 1999 at 12:48:18 (EDT)

ผมเห็นด้วย นะครับ แต่ไม่แน่ใจว่า จะเป็นการปิดกั้นเด็ก จากโลกภายนอกเกินไป หรือเปล่า หากคิดว่า สามารถอบรมให้เขา สามารถอยู่ในโลกอย่างปกติ มีสังคมเมื่อโตขึ้น มีความมั่นใจ ในการดำรงชีวิต โดยไม่ต้อง พึ่งคุณตลอดเวลา ผมเห็นด้วย
ธีรยุทธ ปัญญาอินทร์ <teera099@cscoms.com>
- Sunday, October 03, 1999 at 22:34:45 (EDT)

คล้อยตามกับเหตุผล และรายละเอียด ที่ อ.สำเร็จ อธิบาย มากกว่า
ชายคนหนึ่ง
- Saturday, September 11, 1999 at 22:52:21 (EDT)


แ ส ด ง ค ว า ม คิ ด เ ห็ น

ชื่อ-สกุล: *
E-Mail:
สนับสนุน หรือ คัดค้าน: *
*

 

การแปลงพันธุกรรม
สนับสนุน หรือ คัดค้าน เรืออวนครอบปั่นไฟปลากะตัก
สนับสนุน หรือ คัดค้าน สอนลูกเองที่บ้าน

สารบัญ | จากบรรณาธิการ | ตีนหมี | โลงศพ Gen-X | ธนบุรี | ซองคำถาม | เฮโลสาระพา
Anchovies | The Legend of Mae Nak


Feature@sarakadee.com

สำนักพิมพ์ สารคดี | สำนักพิมพ์ เมืองโบราณ | วารสาร เมืองโบราณ | นิตยสาร สารคดี
[ วิริยะบุคส์ | มีอะไรใหม่ | เช่าสไลด์ | ๑๐๘ ซองคำถาม | สมาชิก/สั่งซื้อหนังสือ |
WallPaper ]

ขึ้นข้างบน (Back to Top) นิตยสาร สารคดี (Latest issue) หน้าที่แล้ว (Previous Page) หน้าถัดไป (Next Page)