รศ. ดร. สมพงษ์ จิตระดับ
ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษา
เพื่อเด็กด้อยโอกาส คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
-
ไม้เรียวเป็นเหมือน
ดาบสองคม ปัญหาเรื่องนี้
จึงไม่ได้อยู่ที่ไม้เรียว
แต่อยู่ที่ครู
ซึ่งเป็นคนใช้ไม้เรียว
-
การยกเลิก
การใช้ไม้เรียว
โดยไม่มีมาตรการอื่น
มารองรับ
ไม่ได้ทำให้ปัญหา หมดไป
แต่กลับยิ่งทำให้
ปัญหาซับซ้อน
และรุนแรงมากขึ้น
-
สังคมไทยมีเด็ก
ที่มีปัญหาหลายระดับ
ในเด็กที่เพิ่งเคยทำความผิด
หรือไม่ใช่เด็กที่มีปัญหา
ซับซ้อนมากนัก ไม้เรียวยังเตือนสติเขาได้
|
|
"ผมไม่เห็นด้วยกับมาตรการยกเลิกไม้เรียว
เพราะผู้วางนโยบาย
มองแต่ด้านสิทธิเด็กเพียงด้านเดียว ไม่เข้าใจว่าเนื้อแท้ของการศึกษาคืออะไร ไม่เข้าใจระบบหลักสูตร ไม่เข้าใจสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น และไม่ได้มองความพร้อมด้านอื่น ๆ และสภาพความเป็นจริงของสังคมไทยเลย
"ในอดีต
ครูบาอาจารย์
เคยเป็นเสมือนพ่อแม่คนที่สองของเด็ก
ไม้เรียวเคยเป็นสัญลักษณ์
ที่ควบคู่กับความเป็นคนดี มีศีลธรรม
ครูที่ดีจะมีไม้เรียวธรรมชาติ
ซึ่งเกิดจากความรัก ความเข้าใจ ความใกล้ชิดผูกพันที่ครูมีต่อลูกศิษย์ เด็กจะรู้ว่าถ้าทำผิดครูจะตี เพราะครูอยากให้เขาเป็นคนดี เด็กจะรักและกลัวครูไปในตัว เวลาเด็กถูกตี เด็กจะรู้ว่าครูตีด้วยความรัก แต่ปัจจุบันครูจำนวนมากเข้ามาในอาชีพนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่เต็มใจ เมื่อถึงจุดหนึ่ง ครูเหล่านี้จะใช้ไม้เรียวในทางที่ผิด
จนกลายเป็นกระบวนการถ่ายทอดความรุนแรง
จากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง
ซึ่งเป็นอันตรายมาก
ไม้เรียวจึงกลายเป็นดาบสองคม
ซึ่งขึ้นอยู่กับคนใช้ไม้เรียว
ว่าจะใช้ไปในทางใด
"การยกเลิกไม้เรียวเพียงอย่างเดียว
ไม่ได้ทำให้ปัญหาหมดไป
แต่กลับจะทำให้ปัญหาเพิ่มมากขึ้น
ในรูปแบบที่ซับซ้อน
และรุนแรงกว่าเดิม เพราะต้นตอของปัญหายังคงมีอยู่
ครูที่ชอบลงโทษเด็ก
โดยไม่มีเหตุผล
อาจหาวิธีลงโทษที่คนอื่นมองไม่เห็น เช่น
หยิกตรงรักแร้
เพราะไม่มีใครเห็นรอยแผล ทำร้ายร่างกายให้บอบช้ำภายใน ใช้ธูปจี้ผิวหนังเด็ก ใช้วาจาเสียดสีให้เจ็บช้ำน้ำใจ หรือให้ทำกิจกรรมที่หนักเกินไป เช่น สั่งให้เด็กวิ่งรอบสนาม ๑๐๐ รอบ หรือถางหญ้ากลางแดด
สิ่งเหล่านี้เป็นความรุนแรง
ที่แฝงมากับอำนาจที่ยังดำรงอยู่
ซึ่งผมคิดว่ามันจะยิ่งอันตราย
และหาทางออกยากขึ้น
"ถ้าคุณยกเลิกมาตรการไม้เรียว
และหันมาใช้มาตรการใหม่
พร้อมกันทั่วประเทศ ปัญหาที่จะตามมาก็คือ
ครูจะไม่สามารถควบคุม
หรือดูแลเด็กได้ทุกคน
เพราะในความเป็นจริง
ระดับความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนห่างกันมาก
คุณบอกว่า
ต้องการให้ครูใช้จิตวิทยาแทนไม้เรียว แต่คุณมีสิ่งเหล่านี้ทดแทนไม้เรียวแล้วหรือยัง เช่น พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนที่น่าสนใจ เพิ่มสื่อการสอนที่เหมาะสม หรือเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนให้มากขึ้น ถ้าคุณยังไม่มีสิ่งเหล่านี้ เวลาเด็กเบื่อหน่ายห้องเรียน อยากหนีโรงเรียน
คุณจะให้ครูใช้จิตวิทยา
กี่ร้อยจำพวกควบคุมเด็ก
ผมไม่ได้หมายความว่า
ครูต้องใช้ไม้เรียวควบคุมเด็ก
เหมือนควบคุมนักโทษ
เพียงแต่มันเป็นสัญลักษณ์เตือนใจ
ไม่ให้เด็กกระทำผิดเท่านั้น เพราะเด็กบางคนเมื่อรู้ว่าครูไม่สามารถใช้ไม้เรียวตีพวกเขาได้
เขาก็จะยิ่งรู้สึกได้ใจ
และอาจก้าวร้าวมากขึ้น
ทีนี้ถ้าครูเกิดโมโห
และต้องการลงโทษเด็กแต่ตีเด็กไม่ได้
ครูก็จะหาวิธีลงโทษแบบอื่นอย่างที่ว่ามา ปัญหาก็จะยิ่งซับซ้อนขึ้นไปกว่าเดิม
"นอกจากนี้เราต้องไม่ลืมว่า สังคมไทยมีเด็กที่มีปัญหาหลายระดับ ตั้งแต่ปัญหาน้อยไปจนถึงปัญหามาก เด็กที่มีปัญหามาก ถูกไม้เรียวสิบครั้งร้อยครั้งก็ยังมีปัญหา เราก็ต้องใช้วิธีการอื่น
แต่เด็กที่เพิ่งเคยทำผิด
หรือไม่ได้เป็นเด็กที่มีปัญหาซับซ้อนมากนัก รวมถึงเด็กที่ถูกเพื่อนชักชวนให้เสียคน ถ้าถูกไม้เรียวเข้าสักครั้ง เด็กอาจจะได้สติ ไม้เรียวจึงหยุดเด็กบางกลุ่มได้ แต่ถ้าคุณเลิกใช้ไม้เรียวทันทีทันใด เด็กกลุ่มนี้ก็พร้อมที่จะก้าวไปสู่ความไม่ดีมากขึ้น
หรือปัญหาของเด็กที่เคยอยู่ในระดับหนึ่ง
ก็อาจพัฒนาไปเป็นปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น
"ผมเชื่อว่าไม้เรียวยังมีประโยชน์
และมีคุณค่าหากเรารู้จักใช้ ผมยังอยากให้มีการใช้ไม้เรียว เพียงแต่เราต้องมีขั้นตอนในการใช้ เช่น เมื่อเด็กทำผิด หนีโรงเรียน หรือแอบสูบบุหรี่ แทนที่เราจะเฆี่ยนตีเด็กเลย เราก็ให้เด็กเซ็นรับทราบปัญหาก่อน และอธิบายให้เขาฟังว่า ถ้าเขาทำผิดอีกครั้ง ทางโรงเรียนจะแจ้งให้พ่อแม่รับทราบ และหากยังกระทำผิดครั้งต่อไป ทางโรงเรียนจะตี
ทั้งนี้ต้องแจ้งให้พ่อแม่รับรู้ด้วย
เพื่อป้องกันครูตีเด็กพร่ำเพรื่อ ทุกวันนี้เราให้อิสระกับครูในการตีลูกเรามากเกินไป
ผมคิดว่าเป็นการเสี่ยงมาก
ที่เราปล่อยให้ครูตีลูกหลานของเรา
โดยขาดวิจารณญาณ ดังนั้นเวลาครูจะตีเด็ก พ่อแม่ควรจะได้รับรู้ด้วย
"ถ้าเราเชื่อว่าไม้เรียวสร้างคนให้เป็นคนดีได้
ทำไมเราถึงปฏิเสธคุณค่าที่เรามีอยู่
แล้วมองหาเปลือกของวัตถุอื่นเข้ามาเสริม
ทำไมเราไม่ทำสิ่งที่มีอยู่
ให้เกิดความสมดุลและลงตัว เติมสิ่งที่ขาดหายไปจากระบบการศึกษาไทย
ผมเชื่อว่าเด็กไทยจำนวนไม่น้อย
จะไม่เป็นเด็กดื้อด้าน พูดไม่เข้าใจ และจะเติบโตเป็นเด็กที่มีเหตุผลได้ หากครูมีไม้เรียวธรรมชาติ คือความรัก ความเข้าใจ และความปรารถนาดีต่อเด็กอยู่ในตัว
"ถ้าทางกระทรวงศึกษาธิการ
ต้องการยกเลิกระเบียบการลงโทษแบบเก่าจริง ๆ
ผมคิดว่ากระทรวง
ควรจะถามความคิดเห็นของเด็กแต่ละโรงเรียนก่อน
ว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่ เพราะเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อพวกเขาโดยตรง เขาจึงควรมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ทุกวันนี้แต่ละโรงเรียนมีกรรมการนักเรียน สภานักเรียน อยู่แล้ว เราก็ให้เขาจัดประชุมปรึกษาหารือระหว่างครู นักเรียน ผู้ปกครอง เลยว่า โรงเรียนของเขาต้องการรูปแบบการลงโทษแบบไหน เพราะเด็กจะรู้ปัญหาในโรงเรียนของตัวเอง
ถ้าเด็กส่วนใหญ่เห็นว่าการลงโทษด้วยการตี
จะหยุดเพื่อนของเขา
ไม่ให้กระทำความผิดได้ ก็ควรเสนอให้โรงเรียนใช้วิธีการนี้ แต่อาจกำหนดวิธีการลงโทษแบบเป็นขั้น ๆ ไป
แต่ถ้าเด็กเห็นว่า
ครูของเขาตีเด็กโดยไม่มีเหตุผล
ก็ควรเสนอให้ยกเลิกการใช้ไม้เรียว
แล้วกำหนดวิธีการลงโทษแบบอื่นที่เหมาะสมขึ้นมาแทน
ถ้าทางกระทรวงศึกษาธิการต้องการทำ
เพื่อสิทธิเด็กจริง
ก็ควรฟังเสียงของเด็กก่อน
เป็นอันดับแรกใช่ไหมครับ"
|