ยึดไม้เรียวครู "ยุติ" หรือ "เริ่มต้น" ความรุนแรง | ||||||||||||
(ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณ คลิกที่นี่) วันดี สันติวุฒิเมธี : เรื่อง หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ : ภาพ |
||||||||||||
"รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี" สุภาษิตนี้อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีการเลี้ยงดูเด็ก ทั้งในบ้าน และโรงเรียน คนรุ่นก่อนเชื่อกันว่า "ไม้เรียวสร้างคนให้เป็นคนดี" จึงยินยอมให้ครูซึ่งถือเสมือนพ่อแม่คนที่สอง ตีบุตรหลานของตนได้ แต่เมื่อกาลเวลาผ่าน สังคมเปลี่ยน ครูจำนวนไม่น้อยละทิ้งจริยธรรมสำนึกของความเป็นครู และใช้ไม้เรียว (รวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ) เป็นเครื่องระบายอารมณ์ ผู้ปกครองส่วนใหญ่ จึงไม่ต้องการที่จะให้ครู ใช้ไม้เรียวคุมประพฤติบุตรหลานของตนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ลงนามแก้ไขระเบียบการลงโทษนักเรียน หรือนักศึกษาใหม่ โดยยกเลิกการใช้ไม้เรียว จึงมีผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยที่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ระเบียบการลงโทษเดิมที่วางไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ นั้น กำหนดให้ครูทำโทษนักเรียนด้วยการตีเด็กได้ โดยใช้ไม้เรียวขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน ๐.๗ เซนติเมตร และตีไม่เกิน ๖ ทีติดต่อกัน ส่วนระเบียบการลงโทษใหม่ ที่ยกเลิกการลงโทษเด็ก โดยการใช้ไม้เรียวนั้น แบ่งประเภทการลงโทษออกเป็น ๕ ประเภท คือ ว่ากล่าวตักเตือน ทำกิจกรรม ทำทัณฑ์บน พักการเรียน และให้ออก โดยบังคับใช้กับนักเรียนและนักศึกษาแตกต่างกันไปตามระดับชั้น กล่าวคือ ระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษาตอนต้น กำหนดโทษไว้เพียง ๓ ประเภท คือ ว่ากล่าวตักเตือน ทำกิจกรรม และทำทัณฑ์บน ไม่มีการพักการเรียนและให้ออก ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญและสายอาชีพ กำหนดโทษไว้ ๔ ประเภท คือ ว่ากล่าวตักเตือน ทำกิจกรรม ทำทัณฑ์บน และพักการเรียน ส่วนระดับอุดมศึกษาต่ำกว่าระดับปริญญาตรี กำหนดโทษไว้ทุกประเภท สำหรับโทษว่ากล่าวตักเตือน ครูอาจารย์จะเป็นผู้ตัดสินทำโทษเอง ในกรณีที่นักเรียนนักศึกษาทำความผิดไม่ร้ายแรง ส่วนโทษตั้งแต่ทำกิจกรรมจนถึงให้ออก จะต้องผ่านกระบวนการพิจารณาของโรงเรียนก่อน ว่ามีความผิดจริง โดยผู้บริหารโรงเรียน จะต้องตั้งคณะทำงานพิจารณาโทษเด็ก เพื่อป้องกันการใช้อารมณ์ของครู ทั้งนี้ระเบียบลงโทษใหม่ จะเริ่มบังคับใช้ในภาคเรียนที่ ๒ คือตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ แม้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ จะเห็นด้วยกับระเบียบใหม่ดังกล่าว เนื่องจากเชื่อว่าจะช่วยลดการใช้ความรุนแรงในโรงเรียนลง ทว่าครูอาจารย์ และผู้ที่ทำงานด้านเด็กหลายท่าน กลับออกมาแสดงความเห็นในทางตรงกันข้ามว่า มาตรการดังกล่าว อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรง รูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนกว่าเดิม มาตรการยึดไม้เรียวครู จะช่วยยุติความรุนแรง หรือจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงรูปแบบใหม่ ? นี่เป็นเรื่องที่สังคมไทยควรจะต้องนำมาขบคิดพิจารณาให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง เพื่อหาแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ให้แก่ลูกหลานของเรา ร่วมแสดงความคิดเห็น
สนับสนุน หรือ คัดค้าน ! |
||||||||||||
|
||||||||||||
แล้วคุณล่ะ สนับสนุน หรือ
คัดค้าน !
.ต้องการ
แสดงความคิดเห็นเพิ่ม คลิกที่นี่
พบเห็น ข้อความไม่เหมาะสม กรุณาช่วยกันแจ้ง ผู้ดูแลเว็ป (WebMaster) ขอบคุณครับ
ผมไม่เห็นด้วยกับการหักไม้เรียวครับ เพราะเด็กได้ใจ บางโรงเรียนเด็กทำผิดลงโทษแค่ให้กวาดบริเววณโรงเรียน หรือล้างห้องน้ำ เด็กที่ทำผิดช่างมีความสุขเหลือเกินครับ กวาดไปหัวเราะไป ล้างห้องน้ำก็หัวเราะเยาะครูไป เดี๋ยวเด็กชักเป็นนายครู ครูเป็นทาสเด็กครับ "ไม้อ่อน มันดัดง่าย แต่พอมันแก่ดัดยากมาก" ไม่เช่นนั้นประเทศไทยเราคงไม่มีโจรผู้ร้ายชุกเหมือนทุกวันนี้ครับ เพราะไม่ลงโทษขั้นเด็ดขาด เห็นใจคนที่ปฏิบัติการสอนจริงด้วยนะครับ ยกเลิกเถอะนะ...... ใช้ไม้เลวเหมือนเดิมดีแล้ว..................................
ครูบ้านนอก น่าน <j_group@thaimail.com>
- Thursday, March 03, 2005 at 23:30:03 (EST)
ตอนยกเลิกไม้เรียวตอนนั้นผมอยู่ป.4จนถึงตอนนี้รร.ก็ยังใช้ไม้เรียวอยู่เลยวันนั้นที่ยกเลิกไม้เรียวเป็นวันแรกครูตีมือข้างละ6ทีทั้งห้องบอกว่าฉลอง
a <a>
- Saturday, January 29, 2005 at 10:31:37 (EST)
การลงโทษเด็กนักเรียนที่ทำความผิดเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งการกำหนดความรุนแรงของโทษที่จะต้องได้รับนั้นก็เป็นสิ่งที่น่าจะมีการพิจจารณากันอยู่แล้ว สำหรับการที่มีการใช้ไม้เรียวเฆี่ยนตีเด็กนักเรียนนั้น แม้จะกระทำกันมาช้านานแล้ว แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นปัญหาขึ้นมานั้น สาเหตูไม่น่าจะมาจากไม้เรียว แต่มาจากคุณธรรมของผู้ตีบางท่านต่างหาก ที่มีไม่เพียงพอ ลงโทษเด็กตามอารมณ์ไม่พิจจารณาไต่สวนให้ดี ดังนั้น การแก้ไขจึงไม่ใช่การงดใช้ไม้เรียว แต่ต้องแก้ที่คุณธรรมของครู ตั้งแต่ผู้บริหารจนกระทั่งถึงภารโรงนั่นแหละ ส่วนวิธีการที่จะปลูกฝังคุณธรรมให้กับครูนั้นมีอยู่ ถ้าอยากทราบก็สามารถผมทางอีเมลได้ ขอขอบคุณที่ให้โอกาสแสดงความคิดเห็นนะครับ
นาย สูกิจ มิตรปราสาท <sukit_mit@hotmail.com>
- Wednesday, January 19, 2005 at 03:53:16 (EST)
การลงโทษเด็กนักเรียนที่ทำความผิดเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งการกำหนดความรุนแรงของโทษที่จะต้องได้รับนั้นก็เป็นสิ่งที่น่าจะมีการพิจจารณากันอยู่แล้ว สำหรับการที่มีการใช้ไม้เรียวเฆี่ยนตีเด็กนักเรียนนั้น แม้จะกระทำกันมาช้านานแล้ว แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นปัญหาขึ้นมานั้น สาเหตูไม่น่าจะมาจากไม้เรียว แต่มาจากคุณธรรมของผู้ตีบางท่านต่างหาก ที่มีไม่เพียงพอ ลงโทษเด็กตามอารมณ์ไม่พิจจารณาไต่สวนให้ดี ดังนั้น การแก้ไขจึงไม่ใช่การงดใช้ไม้เรียว แต่ต้องแก้ที่คุณธรรมของครู ตั้งแต่ผู้บริหารจนกระทั่งถึงภารโรงนั่นแหละ ส่วนวิธีการที่จะปลูกฝังคุณธรรมให้กับครูนั้นมีอยู่ ถ้าอยากทราบก็สามารถผมทางอีเมลได้ ขอขอบคุณที่ให้โอกาสแสดงความคิดเห็นนะครับ
นาย สูกิจ มิตรปราสาท <sukit_mit@hotmail.com>
- Wednesday, January 19, 2005 at 03:52:22 (EST)
ไม่เห็นด้วยผมเคยถูกตีหล่ายครั้งสมัยเรียนประถมผมถูกตีตลอดเลยบางทีก็ถูกตีทั้งห้องตอนป.4เคยถูกตีที่มือ100ทีเพราะแค่ลืมเอา หนังสือมาทำไมต้องลงโทษหนักขนาดนั้นด้วย ตีไปแค่10ทีผมก็ร้องไห้แล้วครูก็ยังตีต่อไปอย่างมีความสุขถ้าใครทำการบ้านผิดก็จะถูกตีข้อละ10ทีเพื่อนผมเคยถูกตีจนเลือดออกครูตีเด็กเพราะรู้สึกว่าควบคุมง่ายเวลาคุยกันครูก็ตี ตีมันทุกเรื่องเลยตอนอยู่ป.2ถูกครูตีเกือบทุกวันเลยในห้องมีการตีตลอดทั้งวันตอนป.6มีครูโรคจิตเรียกเด็กไปตีแบบตามใจชอบทั้งที่เด็กไม่ได้ทำผิดถอดกางเกงในตีด้วยครูดีก็มีเยอะตีเพื่อสั่งสอนแต่บางส่วนกลับใช้เป็นเครื่องระบายอารมย์
b
- Monday, October 04, 2004 at 04:29:38 (EDT)
ปัญหาครูและนักเรียนอาจเกิดมาจากสภาพเศรษฐกิจที่บีบคั้น อย่าลืมว่าครูก็คือปุถุชนธรรมดาที่จิตใจ มีอารมณ์ มีความต้องการ ไม่ว่าอาชีพใด คนอยู่ในฐานะใด ทุกคนย่อมต้องการมีชีวิตที่ดี ท่านต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้เก่งแต่สรรหางานให้ครูทำซึ่งไร้ประโยชน์ต่อเด็กโดยส้ยเชิง นักวิชาการเก่งแต่เรื่องวิชาการ ท่านลองลงภาคปฏิบัติเองท่านคงรู้ว่าความเป็นจริงมันเป็นไปยังไง ท่านบีบคั้นให้ครูทำผลงาน ทำวิจัย ประเมินภายนอก ภายใน ทำเอกสารเล่มหนา ๆ ถ่ายรูปกันเป็นว่าเล่น ดัดแปลง คัดลอกเอกสารกันบ้าง มันผักชีโรยหน้าทั้งนั้น อยากให้ท่านทราบว่าเป็นแบบนี้จริง ๆ ครูแสนจะเหนื่อยที่ต้องสรางหลักฐานเท็จขึ้นมา จะไปตรวจร.ร. ก็สร้างภาพกันขึ้นมาที ไอ้ผลงานครูซีต่าง ๆ นั่นน่ะ บางคนจ้าง เค้าทำกันทั้งนั้นเพียงเพื่อหวัง จะเอาผลงานอย่างหน้าไม่อายและไม่สำนึก กับครูเอกชนท่านก็ต้องคำนึงบ้างว่า ผู้บริหารไม่เหมือนกันทุกโรง บางโรงใจกว้างทุ่มทุนเต็มที่ในการพัฒนาศักยภาพของครู แต่บางโรงทั้งใจแคบ ทั้งใจเค็ม วิศัยทัศน์แคบ แสวงหาผลประโยชน์อย่างเดียวโดยไม่ทุ่มทุนในการสร้างหรือพัฒนาศักยภาพของครูเลย อยู่กันแบบแร้นแค้น และแสนรันทด สัวสดิการก็ไม่มีเหมือนครูรัฐ โดนตัดสารพัด เงินเดือนขึ้นปีละร้อยกว่าบาท หนี้สินก็ล้นหัวเพราะค่าครองชีพแพงขึ้น แต่เงินเดือนไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควร แล้วท่านจะให้ครูเอกชนเอากำลังใจจากไหนมาทำงานกันล่ะ ทำไมรัฐไม่ออกกฏหมายให้กับผู้บริหารร.ร.เอกชนบ้างว่าให้ขึ้นเงินเดือนให้ครูทุกปีปีละ500บาทขึ้นไปก็ยังดี ดีกว่าปีละ120นะ ทำยังไงดีล่ะ มันล้มเหลวกันไปหมด ท้งผู้ใหญ่ที่อยู่ด้านวิชาการ ทั้งครูผู้รับคำสั่งมาให้ไปปฏิบัติซึ่งปฏิบัติไม่ได้ตามความเป็นจริงเลย เลิกหลอกตัวเองเสียทีเถอะนะประเทศไทย นับวันยิ่งถดถอยลงทุกที จิตใจฝ่อ หดหู่กันไปหมด จะบีบคั้นอะไรนักหนากับการสร้างหลักเกณฑ์ขึ้นมา เพื่ออะไรกัน ครูมีผลงานด้านเอกสารเพียบ แต่เด็กนักเรียน ไร้จุดยืนที่แน่วแน่ เคว้งคว้าง ล่องลอย ไร้จุดหมาย และคงไปไม่ถึงฝั่งแน่ อยากให้ท่านนักวิชาการทั้งหลายระดม ความคืดกันด้วยสมองกันใหม่ เปิดสมอง มานั่งทบทวนถึงปัญหาที่มาจากต้นตอ คือท่านผู้ใหญ่ทั้งหลายที่เก่งกันนัก แต่ไม่เห็นแก้ปัญหาได้เลย อยากให้เด็กไทยมีพัฒนาการที่ดีขึ้น อยากให้เด็กไทยเรียนเก่ง เรียนดี และมีความสุขอยู่ร่วมกับสังคมได้ ตื่นจากฝันก่อนนะ แล้วมาเผชิญความจริง อยากให้เริ่มต้นตรงความเป็นอยู่ สภาพของครู สวัสดิการทั้งครูรัฐ และเอกชน ให้ความเสมอภาคกัน อย่าริดรอนสิทธิ ที่เขาควรได้รับมากไปกว่านี้เลย โดยเฉพาะครูเอกชน ย่ำแย่มากนะถึงขั้น วิกฤต จริง ๆ น่างสมเพชมากกับความ เป็นอยู่ เพระรู้สึกว่างานจะหนักกว่าครูรัฐนะ แต่ไร้ซึ่งกำลังใจจารัฐโดยสิ้นเชิง
วรพล <nobita.nala@chaiyo.com>
- Thursday, September 30, 2004 at 23:42:24 (EDT)
การห้ามครูเฆี่ยนตีด้วยไม้เรียวทำให้เด็กไม่กลัวครู......เปลี่ยนเป็นครูกลัวเด็กแทน........ เด็กประพฤติไม่เรียบร้อย....เกเร.....ครูแกล้งทำเป็นไม่เห็น...เพราะถ้ารับรู้ก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดี.....ตัดสินพลาดไปก็เปลืองตัว..อาจจะถูกสอบวินัย...สู้ทำเฉยไม่รู้ไม่เห็นแล้วรีบหลีกไปเสียดีกว่า...... รอให้เด็กฆ่ากันตายเสียก่อน...ค่อยซัดให้เป็นหน้าที่ครูเวร...... เพื่อสนองนโยบายรัฐมนตูดสมสาก
ครูเปลี่ยนวิถี
- Wednesday, May 12, 2004 at 22:41:20 (EDT)
ผมคิดเป็นสิ่งที่ดีนะครับที่ยกเลิกการใช้ไม้เลียวแต่ควรจะวิธีที่ช่วยให้ครูได้เห็นแนวทางในที่จะทำอย่างเมื่อทำผิด ควรให้รู้ว่าจะจัดการอย่างไรและจัดการได้แค่ ซึ่งการจัดการทั้งหมดจะอยู่บนพื้นฐาน การแก้ปัญหา การป้องกัน การพัฒนา ไม่ทำไปเพราะอารมณ์เป็นใหญ่ ซึ่งข้อนี้คุณครูเองมีจรรณยาบรรณอยู่แล้ว แต่บางครั้งอารมณ์ก็อยู่เหนือเหตุผลนะครับ จะต้องพัฒนาตามวัยด้วยเป็นสำคัญจะได้ไม่เกิดการเรียกร้องและบังคับกับเด็ก เพื่อให้มีความรู้สึกปลอดภัย และเรียนรู้อย่างสนุก ควรมีการอบรมคุณครู เพื่อให้คุณครูรู้ครูมีความสำคัญเพียงในการพัฒนาเด็กเกิดประโยนช์เด็กเพียงไรและเกิดกับครูเพียงไรและให้กำลังใจกับคุณครูที่เสียทำหน้าที่ที่ประโยนช์ต่อปรเทศชาติ
นายยุทธนา กุศล <jojoethaimail>
- Sunday, April 25, 2004 at 06:12:32 (EDT)
รีบวางระเบิด
กลุ่มji <pimmadadee@hotmail.com>
- Wednesday, February 04, 2004 at 00:17:06 (EST)
ไม่จำเป็นต้องใช้ ควรจะดูจากปัญหาก่อน แล้วหาวิธีแก้ไข
yo
- Monday, October 06, 2003 at 02:24:52 (EDT)
ไม่จำเป็นต้องใช้ ควรจะดูจากปัญหาก่อน แล้วหาวิธีแก้ไข
yo
- Monday, October 06, 2003 at 02:24:35 (EDT)
การใช้ไม้เรียวควรควบคู่ไปกับเหตุผล ไม่ใช่อารมณ์ และเด็กควรรับรู้เหตุผลนั้นด้วย มากไปกว่านั้น อาจเป็นผู้เสนอว่าตนเองสมควรถูกลงโทษด้วยการถูกตีหรือไม่ ถ้าสมควร น่าจะถูกตีกี่ครั้ง ถ้าไม่สมควร และได้กระทำผิดควรถูกลงโทษด้วยวิธีใด แต่ไม่ใช่ไม่ถูกลงโทษเมื่อกระทำผิด
Joe <jiim@chaiyo.com>
- Thursday, August 28, 2003 at 23:22:37 (EDT)
ถามผู้จะถูกลงโทษก่อนดีไหมคะ...ว่าอยากให้ลงโทษแบบไหน เพราะเด็กบางคน แค่คำพูดดี ๆ ที่แสดงความเข้าใจ ก็สามารถเปลี่ยนเขาได้ แต่บางคนก็เกินจะใช้คำพูด ต้องใช้วิธีอื่น
พ.วารยา <pvaraya@hotmail.com>
- Wednesday, August 20, 2003 at 03:58:08 (EDT)
นักเรียนมาจากหลากหลายแหล่ง ล้วนแล้วแต่ละคนมีความแตกต่างทางด้านสังคม พื้นฐานการเลี้ยงดูที่แตกต่างกันออกไป แต่มาใช้ชีวิตในการเรียนร่วมโรงเรียนเดียวกัน บ้างสนใจเรียน บ้างไม่สนใจ บางครั้งมีพฟติกรรมทางด้านอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นหากมีการทำโทษเด็กนักเรียนนั้น จำเป็นอย่างยิ่งว่าต้องคิดให้ดีก่อนจะลงโทษ เพราะบางครั้งเราเข้าใจว่า เราโตมาได้นั้น ก็ด้วยครูที่พยายามตีสั่งสอนเรา มา พ่อ แม่ ที่คอยจ้ำจี้ ขี้บ่นให้เรา จนเราเองนั้น สามารถเจริญได้จนทุกวันนี้ นั้น ก็ถูกต้อง แต่ว่า นั่นก็ไม่ถูกทั้งหมดครับ เนื่องจากว่าเด็กสมัยนี้นั้น เขามีอะไรมากที่เราเองนั้นไม่รู้เรื่อง เช่นเกม ที่เราเองบางทีดูปวดหัวเหลือเกิน คือ ผมเองนั้นก็เล่นไม่เป็นอะไรเหมือนกัน อยากจะบอกว่าทางโรงเรียนควรวางมตรฐานที่แน่นอนร่วมกันกับครู และผุ้ปกคริงว่าจะมีวิธีการอย่างไรบ้างที่จะทำให้นักเรียนสามารถหยุดพฟติกรรมที่เป็นปัญหาของเด็กได้ดี บางครั้งพฤติกรรมที่เป็นปัญหานั้นมีมานาน ครูทำการลงโทษโดยการตรฃีนั้น คงจะไม่สามารถรักษาพฤติกรรมเหล่านั้นได้แน่นอน ต้องร่วมผู้ปกครองร่วมเข้ามาแก้ไข เพื่อให้เห้นปัญหาของเขา แล้วร่วมกันแก้ไข ทั้งทางโรงเรียน และทางบ้านด้วยเช่นกัน ดังนั้น ผมเองอไม่เห็นด้วย กับการลงโทษเด็กโดยการตี เสมอไป นั่นหมายความว่าบางครั้งน่าจะมีวิธีอื่นที่จะทำให้เขาสามารถหยุดส่ิงที่ไม่ดีนั้นลงได้
รัตนชัย ทุมประสิทธิ์ <chai.ra@chaiyo.com>
- Tuesday, July 08, 2003 at 02:33:42 (EDT)
จำเป็นต้องใช้เป็นอย่างยิ่ง
amoo <tongmoo@hotmail.com>
- Tuesday, May 06, 2003 at 04:41:17 (EDT)
ดิฉันสนับสนุนให้มีการยกเลิกใช้ไม้เรียวกับนักเรียน เมื่อครั้งยังเรียนชั้นประถม ดิฉันเคยถูกครูตีประจำ และนั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม่อยากมาโรงเรียนและไม่อยากเรียนหนังสือ เด็กที่ดูเกเรและมีปัญหา นั่นหมายถึงเค้าต้องการความรัก ความเข้าใจ การเอาใจใส่ คำพูดของครูสำคัญที่สุดคะ ให้เค้าเรียนรู้จากความผิดที่ทำไป ใช้เหตุผล และ ให้รู้จักผลเสีย มิใช่ ดุด่าว่าหรือประจาน และ ทำโทษด้วยการตีหน้าห้องเรียน ดิฉันเชื่อว่า ถ้าผู้ใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงที่ดี และพูดด้วยเหตุผล และฟังเหตุผลของเด็ก ในขณะเดียวกันก็สอนให้เค้าเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ถูกต้อง เป็นหนทางที่ดีกว่า แต่ก็มิใช่ว่าไม่ทำโทษใดๆเลย แต่ก็มีทางเลือกในการทำโทษหลายอย่างใช่มั้ยคะ ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำร้ายร่างกายผู้อื่น และสามารถเตือนใจให้เค้าสำนึกผิดได้
นักเรียนที่เคยถูกครูตี <bztoon>
- Friday, April 25, 2003 at 02:36:26 (EDT)
ดิฉันเข้ามาในอาชีพนี้ โดยไม่เต็มใจ และไม่ตั้งใจ ดิฉันเห็นด้วยที่มี ความรุนแรงแฝงควบคู่ไปกับการเรียนการสอน ทำให้เด็กเกิดความเครียด ครูส่วนใหญ่ไม่มีวุฒิภาวะ และไม่เข้าใจเรื่ององค์ความรู้ ไม่ทำให้เด็กเกิดการกระตือรือร้น สนใจใฝ่รู้ ดิฉันเป็นครู และต้องการลาออก ดิฉันรักเด็ก แต่ดิฉันไม่อาจทนอยู่ในสังคมโรงเรียนได้
desperate angel
- Sunday, April 20, 2003 at 15:47:16 (EDT)
ทำไม ไม่ ให้ แต่ละโรงเรียนเป็ฯ ผู้ตัดสินเองหล่ะ ว่า จะลงโทษด้วย ไม้เรียวหรือปล่าว แล้ว ก็ ให้ผู้ปกครองเด็ก รับรู้ ก่อน ที่จะนำลูกเข้าโรงเรียน ว่า โรงเรียนนี้ทำโทษด้วยไม้เรียวหรือไม่ อย่าลืม ว่า รร แต่ล่ะ โรง เด็กแต่ละคนมาจากพื้นที่ต่างกัน ดังนั้น บางที รร ที่อยู่ต่างพื้นที่กัน ก็ อาจจะต้อง มีการปกครองดูแลเด็ก และทำโทษเด็กที่ต่างกัน จึงเสนอให้ แต่ล่ะโรงเรียนเป็นผู้เลือกว่าจะใช้ไม้เรียวหรือไม่ แล้ว ให้ผู้ปกครองเด็กได้รับรู้ คนที่ไม่เห็นด้วย อาจจะๆได้ เข้าโรงเรียนที่ ตัวเองต้องการอยู่แ้ลว ทั้งนี้ โดยเฉพาะ ปัจจุบันผู้ปกครองเด็กก็เป็นฝ่ายเลือกโรงเรียนอยู่แ้ลวว โดยเฉพาะ รร เอกชน ซึ่ง อาจจะยังคงโทษไม้เรียวก็ได้ เพระา บาง รร ถือ ว่า ไม้เรียวสร้างคนเป้นรัฐมนตรีได้
a
- Monday, November 18, 2002 at 14:13:25 (EST)
สังคมใดที่ไม่มีบทลงโทษ สำหรับคนทำผิดก็คิดเองว่าจะเป็นเช่นไร เด็กเกเรในโรงเรียนครูตีไม่ได้ แค่ให้ทำทัณหรือยืนในวงกลมที่ครูเอาชอล์คขีดอย่างในอเมริกาหรือ เขาจะส่งสายตาแล้วเดินหนีไปอย่างไม่เกรงกลัว เพราะสังคมไทยในปัจจุบัน เราส่งเด็กมาโรงเรียนแล้วผู้ปกครองก็ยุ่งแต่ทำมาหากินไม่ค่อยใส่ใจลูก ๆ เท่าไร ยกภาระให้เป็นของโรงเรียนทั้งหมด ลองคิดดู ถ้าผู้ปกครองยังคุมลูกตัวเองไม่ได้ แล้วจะหวังให้ครูเป็นผู้ดูแลทั้งหมดคงจะยาก ไม้เรียวก็เป็นเครื่องมืออันหนึ่งที่จะช่วยให้คำพูดครูศักดิ์สิทธิ์ได้บ้าง ในทำนองเดียวกันถ้าประเทศไทยเรายกเลิกกรมราชทัณฑ์ยกเลิกคุกตาราง ยกเลิกกรมตำรวจให้หมด หรือปลดอาวุธตำรวจทหารให้หมด ตามความเชื่อว่าคนไทยเราไม่นิยมความรุนแรง ถามว่าเราจะอยู่กันได้หรือไม่ครับ
จเร ศิริโต <jaray_s@yahoo.com>
- Saturday, October 05, 2002 at 02:17:59 (EDT)
ผมถูกตีมากแต่ครูที่ตีผมรักผมทุกคน เราอย่าคิดแค่เวลาโดนครูตีซิ เราต้องคิดถึงเวลาที่ครูสร้างสิ่งดีๆให้กับเรารักเราอยากให้เราได้ดี ไม่มีใครอยากลงโทษผู้อื่นหรอกครับ ....รักครูครับ
นาย ธีรภัทร ศรีจันทร์ <t0072000@yahoo.com>
- Monday, September 23, 2002 at 14:29:08 (EDT)
ผมเห็นด้วยกับการหยุดความรุนแรงโดยไม่ตีเด็ก ควรใช้ความรัก ความเข้าใจ ใช้จิตวิทยาในการแก้ปัญหา แต่ในทำนองเดียวกันก็ไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิกไม้เรียวโดยสิ้นเชิง เพราะโดยปกติแล้ว เราต้องยอมรับความจริงว่า นักเรียนมีหลายประเภท บางกรณีการใช้ไม้เรียวก็สามารถแก้ปัญหาได้ การแก้ปัญหานี้น่าจะอยู่ที่ตัวบุคลากร หรือตัวครูมากกว่าต้องพัฒนาครูตั้งแต่หลักสูตรการเรียนเรียน การบรรจุ การพัฒนาครูอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช้แก้ที่ระเบียบ ประเทศสิงค์โปร์ เขาเจริญ กว่าเรามาก แต่ก็่ยังมีการลงโทษด้วยการเฆี่ยนอยู่ ประเทศเรามักแก้อะไรไปตามกระแส ไม่ค่อยใช้สมองของตัวเอง ทำอะไรก็ตามก้นคนอื่นอยู่รำไป น่าส่งสารประเทศไทยจริง ๆ การทำอะไรแบบซวาจัด หรือซ้ายจัด อาจแก้ปัญหาอย่างหนึ่งได้ อาจจะมีปัญหาอื่นตามมา จะยกเลิกหรือไม่ยกเลิกน่าจะเป็นความต้องการของชุมชน นักเรียน ในโรงเรียนนั้น ๆ จะดีกว่า
นายสมบัติ ชูเล็ก <sombatch@yahoo.com>
- Wednesday, September 11, 2002 at 00:44:50 (EDT)
ผมเห็นด้วยกับการหยุดความรุนแรงโดยไม่ตีเด็ก ควรใช้ความรัก ความเข้าใจ ใช้จิตวิทยาในการแก้ปัญหา แต่ในทำนองเดียวกันก็ไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิกไม้เรียวโดยสิ้นเชิง เพราะโดยปกติแล้ว เราต้องยอมรับความจริงว่า นักเรียนมีหลายประเภท บางกรณีการใช้ไม้เรียวก็สามารถแก้ปัญหาได้ การแก้ปัญหานี้น่าจะอยู่ที่ตัวบุคลากร หรือตัวครูมากกว่าต้องพัฒนาครูตั้งแต่หลักสูตรการเรียนเรียน การบรรจุ การพัฒนาครูอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช้แก้ที่ระเบียบ ประเทศสิงค์โปร์ เขาเจริญ กว่าเรามาก แต่ก็่ยังมีการลงโทษด้วยการเฆี่ยนอยู่ ประเทศเรามักแก้อะไรไปตามกระแส ไม่ค่อยใช้สมองของตัวเอง ทำอะไรก็ตามก้นคนอื่นอยู่รำไป น่าส่งสารประเทศไทยจริง ๆ การทำอะไรแบบซวาจัด หรือซ้ายจัด อาจแก้ปัญหาอย่างหนึ่งได้ อาจจะมีปัญหาอื่นตามมา จะยกเลิกหรือไม่ยกเลิกน่าจะเป็นความต้องการของชุมชน นักเรียน ในโรงเรียนนั้น ๆ จะดีกว่า
นายสมบัติ ชูเล็ก <sombatch@yahoo.com>
- Wednesday, September 11, 2002 at 00:44:08 (EDT)
โปรดอย่าขีดเส้นว่า ยกเลิก ดีหรือไม่อย่างไร? ข้อมูล กาลเวลา เหตุผล ต้นเหตุ ทบทวนก่อนตัดสินใจ -อย่าดีแต่พูด พูด พูด โปรดพิสูจน์ด้วยความจริง โปรดอย่าชิงอวดเก่งโปรดอย่าเร่งเวลา -โปรดอย่าดูถูกปัญญาผู้อื่น
นนทุกข์
- Saturday, February 23, 2002 at 05:52:29 (EST)
ขอคัดค้านตามตรงฐานที่เป็นนร.คนหนึ่ง ไม้เรียวอยู่คู่สังคมไทยมานาน ไม่ควรที่จะมาหายไป การที่จะคุ้มครองสิทธิเด็กเพียงอย่างเดียวนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ ถูกของฝ่ายค้านที่จะให้มีการใช้ไม้เรียว โดยอาจจะเรียกนักเรียนไปเฆี่ยนในห้องที่ไม่มีคนอยู่ก็ได้ แต่ก็ไม่ควรยกเลิก เพราะหากนักเรียนไม่เคยถูกโทษให้หลาบจำเช่นการเฆี่ยนที่ก้น หรือการทำให้เจ็บด้วยความรัก ย่อมประพฤติความไม่ดีแบบเดิมซ้ำซากอีก ดังนั้น ไม่ควรที่จะมีการหักไม้เรียว
.... <gloryred@yumyai.com>
- Friday, September 14, 2001 at 09:21:40 (EDT)
ขอคัดค้านตามตรงฐานที่เป็นนร.คนหนึ่ง ไม้เรียวอยู่คู่สังคมไทยมานาน ไม่ควรที่จะมาหายไป การที่จะคุ้มครองสิทธิเด็กเพียงอย่างเดียวนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ ถูกของฝ่ายค้านที่จะให้มีการใช้ไม้เรียว โดยอาจจะเรียกนักเรียนไปเฆี่ยนในห้องที่ไม่มีคนอยู่ก็ได้ แต่ก็ไม่ควรยกเลิก เพราะหากนักเรียนไม่เคยถูกโทษให้หลาบจำเช่นการเฆี่ยนที่ก้น หรือการทำให้เจ็บด้วยความรัก ย่อมประพฤติความไม่ดีแบบเดิมซ้ำซากอีก ดังนั้น ไม่ควรที่จะมีการหักไม้เรียว
.... <gloryred@yumyai.com>
- Friday, September 14, 2001 at 09:20:13 (EDT)
ดิฉันจำได้ถึงรสชาติของไม้เรียวค่ะ วูบแรกคือความโหดร้ายที่ได้รับจากครู คนที่เราเห็นโลกผ่านหน้าต่างของเขาในวัยเด็ก โลกนี้ไม่น่าอยู่เลย ถ้าต้องมาเจอผู้ใหญ่โหดร้ายแบบนี้ ดิฉันเกลียดโรงเรียนค่ะ และ ก็ไม่รู้สึกว่าไม้เรียวมีบุญคุณอะไรเลยที่เกี่ยวข้องกับการท่องศัพท์อังกฤษ ในตอนนั้น โรงเรียนเหมือนสถานที่น่ากลัวในตอนประถมต้นค่ะ ส่วนข้อดี ดิฉันมองไม่เห็นเลย และสังคมมีความรุนแรงมากๆ ครูบางคนอาจจะเลยเถิดคิดว่าใช้ไม้เรียวปรามเด็กบางคนได้ ก็อาจจะติดเป็นนิสัย ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะทำรุนแรง แต่มันสะดวกดี และได้ผล เลิกไปเถิดค่ะ ไม่ได้มีอะไรที่ดีขึ้นมามากหรอกเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว
วรพรรณ์ กิตติศรีโสภิต <worapunn@yahoo.com>
- Friday, June 22, 2001 at 13:26:43 (EDT)
อะไรที่เป็นของไทยๆ เช่นการลงโทษนักเรียนด้วยการตี ก็ดีอยู่แล้ว ตั้งนานมาแล้วก็ไม่มีใครฝั่งใจว่าถูกตีเลย มีแต่จำแล้วแก้ไข อย่าไปตามก้นฝรั่งมันมากนัก อะไรที่เป็นเอกลักษณ์ไทยก็น่าจะรักษาไว้ ไม่ใช่ว่าจะยกเลิกไม้เรียวแล้วจะเป็นผลงานอันยิ่งใหญ่ มีแต่ทิ้งปัญหาเอาไว้ ขณะนี้โรงเรียนจะคุมเด็กไม่อยู่ อยู่แล้วมีสารพัดรูปแบบ เด็กยกพวกตีกัน เด็กโดดเรียน เด็กค้ายาบ้า โดยเฉพาะนักเรียนช่วง ม.2-3 เป็นช่วงหัวเรี้ยวหัวต่อ สรุปว่าไม่เห็นด้วย ถ้าท่าน รมต.กลับเป็นใหม่ช่วยยกเลิกคำสั่งของท่านด้วยก็แล้วกัน
ดำรง ธัญญะผล <dumr_2000@yahoo.com>
- Wednesday, June 20, 2001 at 15:43:14 (EDT)
ถ้าครูประจำชั้นตีเด็กได้เมื่อเวลาทำผิด แล้วทำไมครูใหญ่ไม่ตีครูประจำชั้นได้เมื่อเวลาทำผิดพลาดบ้างล่ะ คูรส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเด็กไม่มีวุฒิภาวะ ไม่มีจิดสำนึก หรืออาจจะไม่มีความรู้สึกเลยก็ได้มั้ง , ผมไม่เชื่อว่าคนเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก จะไม่เคยทำผิด ไม่เคยหลงเผลอลืมตัว , แต่ทำไมวิธีการปฏิบัติระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่เมื่อทำผิด ช่างแตกต่างกันมากนัก ผมอยากจะถามบรรดาครูๆทั้งหลายที่ชอบตีเด็กน่ะ เวลาได้ตีเด็กน่ะ รู้สึกอย่างไร สะใจมากมั้ย !! เด็กมันก็เป็นคนเหมือนกัน ไม่ใช่ควาย พูดกันไม่รู้เรื่อง
คนเคยถูกตี
- Thursday, June 07, 2001 at 11:34:47 (EDT)
I support the idea of not beating the children. When I was young, I was scared of being beaten. It consequently made me scared of school. My teacher beated my hand so hard that it bleeded. Children should have right to be safe. I don't think punishment like that helped me love doing my homeworks. In contrast I hated school and teachers. It didn't teach me anything except the feeling of hostility. My 2 year old daughter was beaten when I sent her to a school just because she didn't want to sleep. We should make sure that the teacher knows how to teach a child without using aggression. I've never beaten my daughter but she is still a very good girl. She loves going to school (we live in Australia) and loves lerning new things. Most of all she loves the teachers. They teach her how to solve problem without using a stick or threatening. Beating children is unfair and should not be allowed any more. Many of us forget that children have "right" as well as adults.
Jemma Wong <somporn@ozemail.com.au>
- Wednesday, April 25, 2001 at 08:29:47 (EDT)
คิดว่าการยกเลิกการลงโทษเด็กไม่ใช่การแก้ปัญหาค่ะ ถ้าไม่ทำเช่นนั้นเด็กเกเรก็จะได้ใจ ที่โรงเรียนของข้าพเจ้าก็เป็นเช่นนั้น พอมีกฎออกมาว่าห้ามไล่เด็กออก พวกพี่ๆมัธยมปลายก็พากันยกพวกไปออกกำลังกาย ฝึกกระบี่กระบองและแม่ไม้มวยไทยกับโรงเรียนอื่นๆค่ะ เด็กก็จะคิดว่า ครูก็ตีเราไม่ได้ ไล่ออกก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราจะทำอะไรก็ทำได้... แต่อย่างไรก็ดี การลงโทษเด็กก็ต้องใช้ความคิดการที่จะลงมือทำอะไร เพราะพอออกกฎว่าอณุญาตให้ตีเด็กได้ คราวนี้แหละพวกอาจารย์โหดๆทั้งหลายก็จะเริ่มคันไม้คันมือ แล้วก็จะไม่ใช่ตีอย่างเดียวแล้ว กับอาจารย์ผู้หนึ่ง อาจารย์จะมีวิธีการลงโทษเด็กแบบสนุกๆ (อาจจะเป็นเพราะว่าเด็กห้องข้าพเจ้าไม่ซนเท่าไหร่) อย่างเช่นให้วิ่งลงไปสำรวจดูในรถของอาจารย์ว่ามีกล่องทิชชูสีอะไร มีเทปกี่อัน ป้ายทะเบียนอะไร หรือไม่ก็วิ่งรอบสนาม วิดพื้นบ้าง ลุกนั่งบ้าง ซึ่งก็จะทำให้พวกเด็กๆในห้องขำกันเป็นที่ครื้นเครง คนที่โดนลงโทษก็จะขำตนเองและรู้สึกอายบ้าง เป็นเหตุให้ไม่กล้าทำผิดอีก โดยที่ทั้งอาจารย์และเด็กที่ถูกทำโทษก็ไม่เสียความรู้สึกด้วย
เด็กขึ้นม.2คนหนึ่ง
- Tuesday, April 17, 2001 at 01:58:04 (EDT)
ไม่เห็นต้องใช้ไม้เรียวเลยนี่มีวิธีอื่นเยอะแยะ ผู้ใหญ่มีวิธีอื่นๆอีกล่ะมั้ง
Aswin Tangjaroonjit <boy_aswin@hotmail.com>
- Monday, April 16, 2001 at 22:10:35 (EDT)
ไม่เห็นต้องใช้ไม้เรียวเลยนี่มีวิธีอื่นเยอะแยะ ผู้ใหญ่มีวิธีอื่นๆอีล่ะมั้ง
Aswin Tangjaroonjit <boy_aswin@hotmail.com>
- Monday, April 16, 2001 at 22:09:31 (EDT)
ลองเข้าไปดูในโรงเรียนบ้างจะเห็นได้ว่าลักษณะที่ดีของสังคมไทยได้หายไปพร้อมกับไม้เรียว เช่นความเคารพน้อมน้อม รู้จักกาละเทศะ ความรับผิดชอบ กลายเป็นความก้าวร้าว ชู้สาวเกิดขึ้นมากมายในโรงเรียน
กิตติวุฒิ เจิญสลุง <kittiwut_c@hotmail.com>
- Sunday, April 15, 2001 at 00:05:32 (EDT)
ในฐานะที่เป็นครูไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งในการยกเลิกการใช้ไม้เรียว คิดว่าเป็นการเดินหลงทางไปทางชาติตะวันตกมากกว่าโดยไม่ใช้ความคิดพื้นฐานของตนเอง ไม่คิดถึงพื้นฐานถึงโครงสร้างของสังคมไทยไปเปรียบเทียบกับชาติตะวันตก ลองพิจารณาถึงผลดีผลเสียในการตามชาติตะวันตกดูว่ามีผลดีมากกว่าผลเสียเท่าไร
กิตติวุฒิ เจริญสลุง <kittiwut_c@hotmail.com>
- Saturday, April 14, 2001 at 04:55:34 (EDT)
ในฐานะที่เป็นครู การควบคุมเด็กยากมากขึ้น การกระทำตามแบบชาติตะวันตก ไม่ถูกต้องนักต้องยึดพื้นฐานทางสังคมไทยเป็นหลัก อยู่กับความเป็นจริงโดยใช้พื้นฐานความคิดของคนไทย
กิตติวุฒิ เจริญสลุง <kittiwut_c@hotmail.com>
- Saturday, April 14, 2001 at 04:51:07 (EDT)
ไม่มีการลงโทษผู้ไม่กระทำความผิด เมื่อทำผิดควรลงโทษตามสมควรกับความผิดนั้น
ปริทัศน์ พันธุ์สีดา <BaP.B@chaiyo.com>
- Wednesday, April 11, 2001 at 10:29:39 (EDT)
ยังคงรู้สึกว่าการทำงานของภาครัฐของไทยยังไม่ใช่การทำงานแบบมืออาชีพจริงจัง นึกอยากจะมีกฏหรือข้อห้ามอะไรก้อออกมาโดยขาดการพิจารณาที่ดีพอ บางครั้งก้ออกมาในรูปตามใจตัว(กู)เอง โดยที่ไม่ได้ฟังเสียงของประชาชนและไม่ได้ยืนอยู่บนหลักของเหตุและผลเท่าที่ควร การยกเลิกไม้เรียวเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ถ้าจะแก้ปัญหาจริงๆควรแก้ที่ตัวบุคคลากร ซึ่งก้อคือคุณครู ครูใหญ่ และ รวมถึงหน่วยงานที่ควบคุมคุณครูอยู่ด้วย ในอดีตที่เป็นเด็กนักเรียน ยอมรับว่าการถูกลงโทษด้วยไม้เรียวเป็นการที่ทำให้หลาบจำมากที่สุดและผมเองก้อยังรักและเคารพคุณครูที่ตีอยู่ เพราะเคยผ่านช่วงเกเรมาและก้อได้ครูนี่แหละที่ทำให้ไม่กล้าที่จะทำอะไรนอกลู่นอกทาง ออกกฏนี้มาทำให้ครูดีๆหลายคนลำบาใจเปล่าๆ ส่วนครูที่ไม่ดี ถ้าไม่ดีจริงๆก้อจะมีวิธีที่เป็นอันตรายกะเด็กทั้งสภาพกายและจิตใจกว่านี้อยู่ดีแหละ ไม่ได้คิดกันถึงตรงนี้บ้างหรือไง(วะ) คนที่บอกว่าโดนตีแล้วอายน่ะ แล้วตอนทำผิดไม่อายเหรอ โดนลงโทษวิธีอื่นไม่อายเหรอ ไม่เกี่ยวกะไม้เรียวเลย ชอบคำว่า "พ่อแม่รังแกฉัน"จริงๆ แล้วพอมีลูกแล้วจะรู้
เชษฐา จันทร์เทียมวงษ์ <aejjung@hotmail.com>
- Tuesday, April 10, 2001 at 10:34:33 (EDT)
I support the idea of using punishment. Ideally, we would like to teach children without punishment. But then it's very hard for a little kid to know and remember what is right and what is wrong, and what they should continue to do, and what they should to do without giving awards and punishment. Though, at the same time, we may want to monitor the way that a teach punish students. If there are many students feel that a teacher punishes students mostly because of his/her emotion. Then, students should have the right to ask schools to prevent this teacher from punishing any kids.
Tom Pongsa <krunapon@yahoo.com>
- Thursday, April 05, 2001 at 01:31:53 (EDT)
Caning or No caning still be the questions มีประสบการณ์เกี่ยวกับไม้เรียว เพราะเป็นนักเรียนสมัยที่ถูกไม้เรียวกระหนาบ ไม่ได้กลัว หากว่าถูกตึอย่างมีเหตุผล เคยมีครูที่ตีอย่างไม่มีเหตุผล ก็อภัยให้ครูไปหมดแล้ว และยังคอยติดตามดูด้วยว่าครูคนนั้นอยู่สุขสบายดีอยู่หรือเปล่า โดยทั่วไปยังเชื่อมั่นและเห็นคุณค่าของไม้เรียว ทั้งตีลูกหรือตีนักเรียน บางกรณีนักเรียนก็ลึกและว่ายากเกินกว่าจะพูดจาอบรมกันให้เข้าใจ การใช้ไม้เรียวสำหรับทำโทษจึงต้องรอบคอบ และมีเหตุผล ไม่ใช่ตีแบบไม่มีขีดจำกัดหรือตามอำเภอใจ นักเรียนจะจดจำครูคนที่เขาถูกตีแล้วทำให้เขาดี และจะจดจำอีกแบบหนึ่งหากครูคนนั้นใช้อำนาจตีหรือทำโทษเขาในทางผิดหรือไม่ปกติ เช่นให้ดื่มปัสสาวะ อย่างที่เป็นข่าว ฯลฯ เมื่อมีมติของ รมต. มาบังคับให้เลิกใช้ไม้เรียวครูอาจปฏิบัติตามได้ แต่ต้องย้อนถามนักเรียนรุ่นใหม่ด้วยนะครับว่า วันนี้ คุณทั้งหลาย ตั้งใจเรียนหรือไม่ คุยกันน้อยลงหรือไม่ อยู่ในระเบียบดีหรือไม่ และพูดจากันรู้ฟังหรือไม่ เมื่อตอบคำถามได้แล้ว ครูอาจทิ้งไม้เรียวได้ หรือใช้ไม้เรียวนั้น ชี้กระดานช่วยสอนเท่านั้น
สมวุฒิ สุนทรวิจิตร <somwuts@hotmail.com>
- Saturday, March 31, 2001 at 09:00:07 (EST)
สำหรับผมการเลิกใช้ไม้เรียวเป็นความคิดของคนที่ต้องการให้ลูกหันกลับมาต่อว่าพ่อแม่เหมือนบทเรียนเรื่อง" พ่อแม่รังแกฉัน " ผู้ที่เคยอ่านคงรู้ดี.
san
- Sunday, March 25, 2001 at 12:06:37 (EST)
คัดค้าน
Tidaporn Ungrungsee <tidaporn@ksc.th.com>
- Sunday, March 04, 2001 at 01:18:17 (EST)
การที่เราได้ใช้ไม้เรียวกับเด็กนั้นเป้นสิ่งที่ไม่คนไทยนั้นได้มีความคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กแม้แต่ท่านรัฐมนตรรีทั้งหลายทีึ่เข้ามาบริหารบ้านเมืองของเราก็ได้ดีมาเพราะไม้เรียวการใช้ไม้เรียวนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของครูไม่ใช่ที่จะมาห้ามไม่ให้ใช้ไม้เรียวเพราะเวลาสอนตามปกตินั้นผู้ปกครองบางท่านยังบอกว่าทำไมไม่ตีบ้างเลยทำให้เด็กนั้นไม่ตั้งใจเรียนและในปัจจุบันนี้เด็กที่หนีเรียนบ้างโดดเรียนบ้างนั้นกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วเด็กจะพูดกันว่า ครูเข้าไม่กล้าตีหรอก การตีของครูใช่ว่าจะตีกันพรำ่เพรื่อจะตีพื่อสั่งสอนเพราะการพูดนั้นทำให้เด็กเฉยคนที่ไม่ได้เป้นครูไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่เราตีเด็กครูตีเพราะอะไรตีเพราะอยากให้ได้ดีคนที่ออกกฎหมายออกคำสั่งออกมาลองมาเป็นครูสักปีซิอย่าได้แต่นั่งโต๊ะสั่งทำลองมาซิมาเป็นครูดู
สันติ
- Saturday, February 24, 2001 at 01:54:26 (EST)
ดิฉันขอเสนอเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นจริงในโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งก็คือ นักเรียนชั้นม.ต้นยกพวกชกต่อยกัน ส่วนหนึ่งเห็นว่าครูลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีไม่ได้ ผู้ปกครองของเด็กที่ถูกรุมทำร้ายกล่าวกับโรงเรียนด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่าหากกฎระเบียบของโรงเรียนไม่สามารถลงโทษนักเรียนเพื่อให้หลาบจำได้ ก็คงจำเป็นต้องให้กฎหมายจัดการ..ดิฉันจึงไม่สนับสนุนหรือคัดค้านเสียทีเดียว แต่เห็นว่ามันมีช่องว่างให้เด็กบางคนทำผิดได้
ครูคนหนึ่ง
- Saturday, February 17, 2001 at 10:52:28 (EST)
สนับสนุนการยกเลิกการใข้ไม้เรียวลงโทษเด็กนักเรียนในสถานศึกษา เด็กๆ อยู่ในวัยที่ต้องได้รับการคุ้มครอง ให้พ้นจากการกระทำที่รุนแรงทุกรูปแบบ ไม่ว่าเขาจะอยู่ในครอบครัว, สังคม และสถานศึกษาก็ตาม สังคมไทยมีภาระสำคัญมากในจะเตรียมเด็กและเยาวขนของประเทศไทยของเรา ให้พร้อมที่จะเป็นพลเมืองที่ดีและทำประโยชนให้กับประเทศชาติ สังคมไทยเราควรเปลี่ยนรูปแบบวิธีการที่กระทำต่อเด็ก และเยาวชน หากเขาเหล่านั้นยังต้องการเวลาอีกในฝึกตนเองให้มีระเบียบวินัย และมีศีลธรรม ตลอดจนถึงหน้าที่พลเมืองที่ดีครบถ้วน
การันต์ มงคลชัยอรัญญา <mkaran@thaimail.com>
- Saturday, January 20, 2001 at 03:07:28 (EST)
มีความคิดเห็นเป็นกลาง เหตุเพราะว่า อยู่ที่ผู้ใช้ว่าจะมีจรรยาบัญมากน้อยเพียงใด
ไพฑูรย์ ศิริโชติวัฒน์ <cateye@cliketa.com>
- Wednesday, January 03, 2001 at 13:11:20 (EST)
การใช้ไม้เรียวแสดงให้เห็นถึงการใช้ความรุนแรงในสังคมชาวพุทธ ซึ่งความเป็นพุทธะจักเต็มไปด้วยความเป็นเหตุเป็นผล การใช้ไม้เรียวจะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกหรือ??!!
ชาคริต <dernth@yahoo.com>
- Tuesday, January 02, 2001 at 04:08:51 (EST)
การยกเลิกใช้ไม้เรียวเป็นวิธีการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยไม่เข้าใจสภาพปัญหาของระบบโรงเรียน ระบบการศึกษาไทย ปัญหาระบบโรงเรียน(โรงเรียนของรัฐ)คือปัญหาโครงสร้างโดยมีอำนาจราชการสั่งการ จึงมีระบบอำนาจนิยมอยู่ในโรงเรียน ครูมีหน้าที่ทำเด็กให้เข้ากับระบบโรงเรียน เราต้องเปลี่ยนโครงสร้างทำโรงเรียนให้เข้ากับเด็กการใช้ไม้เรียวจะไม่สำคัญระบบโรงเรียนและครูจะหันมาใช้ปัญญาแทน การแก้ปัญหาการศึกษาต้องใช้สติปัญญา
พยนต์ จันทรวิฑูรย์
- Sunday, December 31, 2000 at 21:56:42 (EST)
ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกการใช้ไม้เรียว เหตุผล-ไม่มีเครื่องมืออะไร ที่ดีหรือไม่ดีในตัวของมันเอง เหมือนกับดินสอ รถยนต์ หรืออุปกรณ์ต่างๆในชีวิต ถ้าผู้ใช้มีจิตสำนึก มีจริยธรรม เครื่องวมือนั้นก็ก่อให้เกิดประโยชน์ แต่ถ้าผู้ใช้ไม่มีคุณธรรม เครื่องมือนั้นก็ก่อให้เกิดโทษ เช่น กฏหมาย ถ้าผู้ที่ใช้กฏหมายมีคุณธรรม อาทิ ตำรวจ ผู้พิพากษา ประชาชนก็ปลอดภัย อยู่เย็นเป็นสุข ถ้าผู้ใช้กฏหมายไม่มีคุณธรรม ประชาชนพลเมืองก็ทุกข์ยาก ทางแก้ไม่ใช่ให้เลิกกฏหมาย แต่ทางแก้ไขคืออบรมให้ผู้ใช้กฏหมายเป็นคนมีวิจารณญาณ รู้ผิดชอบชั่วดี ไม้เรียวก็เช่นเดียวกัน ไม้เรียวไม่มีปัญหา แต่ครูต่างหากที่มีปัญหา ถึงแม้ให้ไปใช้มาตรการอย่างอื่น ครูที่ไม่มีคุณธรรมก็สามารถใช้เครื่องมือนั้นๆข่มเหงนักเรียนได้เช่นกัน เช่น ให้เด็กนักเรียนถางหญ้าท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนแรงเป็นต้น
Aphirat Takratanasaran <aphiratsan@yahoo.com>
- Thursday, December 28, 2000 at 01:10:54 (EST)
คนที่ออกกฎให้ยกเลิกไม้เรียวนั้น คนพวกนี้ส่วนมากจะอยู่แต่ในห้องแอร์ ซึ่งไม่เคยกับชีวิตคนที่เป็นครู จริงแล้วน่าที่จะสอบถามคนที่ทำงานด้านนี้โดยตรงเสียก่อน ไม่ใช่ใช้แต่อำนาจที่เจ้าตัวเองไม่เคยสอนหนังสือมาก่อน หรือบุคคลที่คิดว่าตัวเองนั้นมีความรู้มากระดับดอกเตอร์ ซึ่งก็ทำงานเฉพาะในห้องแอร์ จริงแล้วน่าจะลงพื้นที่ในชนบทดูบ้าง เพื่อจะได้สำนึกสักนิดว่า คนกรุงเทพฯไม่ใช่ตัวแทนของคนทั้งประเทศ อีกหน่อยจะได้รู้ว่าการยกเลิกการใช้ไม้เรียว เป็นความคิดที่ผิด
สมชัย ชลากรโกศล <่janya.ele@chaiyo.com>
- Wednesday, December 20, 2000 at 09:01:18 (EST)
คนที่เป็นครูแต่ไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นครู ต่อให้ไม่มีไม้เรียวอยุ่ในมือก็ใช่ว่าจะไม่ก่อให้เกิดปัญหา ต่างจากครูที่มีวิญญาณของครูที่แท้จริง ไม่มีไม้เรียวอันไหนทำร้ายลูกศิษย์ได้หรอก
ครูปุ๊
- Wednesday, December 20, 2000 at 04:42:01 (EST)
ไม้เรียวไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาอยูที่ผู้ใช้
พลอย <->
- Saturday, December 16, 2000 at 08:27:22 (EST)
กับอุปนิสัยของคนไทยแล้ว ชอบให้บังคับ ดังนั้นการใช้ไม้เรียวอย่างเหมาะสมจะเป็นประโยชน์กว่า เช่นการสร้างความเข้าใจ ความสำนึกผิดก่อนการทำโทษ และให้มีการบันทึกทุกครั้งเมื่อมีการทำโทษ เพื่อเป็นการควบคุมผู้ใช้อำนาจนั้น และเพื่อใช้การพัฒนาพฤติกรรมของเด็ก
ฉัตรชัย สุริยวรรณ์ <pornjan@thaimail.com>
- Tuesday, December 12, 2000 at 09:36:34 (EST)
เห็นด้วยค่ะ
พัชราภรณ์ นาคสวัสดิ์ <maumi19@hotmail.com>
- Tuesday, December 12, 2000 at 04:05:56 (EST)
เมื่อท่าน รมต. เห็นปัญหาของครูแล้วว่ามาจากหลายด้าน แล้วท่านมีแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างไร ในเมื่อครูทุกคนก็มาจากคนธรรมดา ที่ต้องการปัจจัย 4 เหมือนกัน ครูไม่ได้กิน นอนๆ ตามอุดมการณ์ ครูก็มีครอบครัวที่ต้องดูแลในสภาพเศษฐกิจแบบนี้
อยากให้ท่านมาลองเป็นครูบ้าง โดยถอดยศ ตำแหน่ง ทรัพย์สมบัติกองเอาไว้ แล้วมาเป็นครู รับเงินเดือนครูบ้าง ลองมากินอุดมการณ์ดูบ้าง มาเจอหลากหลายปัญหาบ้าง ไม่ใช่ฟังแต่รายงาน นั่งบัญชาการอยู่แต่ในห้องแอร์เพราะต้องสวมใส่ชุดสูทที่มาจากวัฒนธรรมของต่างชาติ
หรือต้องรอ รมต ใหม่ที่เข้าใจปัญหาครู.
จาก ครู ที่ไม่จำเป็นจริงๆถึงจะใช้ไม้เรียว
คึกฤทธิ์
- Monday, December 11, 2000 at 11:36:44 (EST)
ควรยกเลิกไปตั้งนานแล้วเพราะว่าเด็กทุกคน ในโ.ลกนี้คงไม่มีใครชอบการตีของคุณครูซักเท่าไรควรยกเลิกนานแล้วนะครับคุณครู
ด.ช. จิตรวัฒน์ คุณโลก <chitrawat@doramail.com>
- Monday, December 11, 2000 at 09:51:33 (EST)
เมื่ออ่านหัวข้อแล้วแทบไม่ต้องคิดเลยว่าควรยกเลิกการลงโทษโดยไม้เรียวได้แล้ว เมื่อหยุดคิดสักนิดกลับไม่แน่ใจแล้ว จึงเข้าไปดูเหตุผลของคนอื่นๆ น่าคิดมาก ประเด็นอยู่ที่ว่า คุณมองเป็นองค์รวมหรือมองแบบแยกเป็นส่วนๆ เหตุผลที่คัดค้านส่วนมาก มองในองค์รวม มองความสัมพันธ์ของครูกับนักเรียน มองเข้าไปถึงจิตใจที่ครูมีต่อเด็ก มองเข้าไปถึงต้นตอของปัญหา
ผมคิดว่าผมขอคัดค้าน เนื่องจาก ไม้เรียวตัวมันเองไม่มีคุณหรือโทษอยู่ที่คนใช้ ถ้าครูใช้ไม้เรียวลงโทษเด็กโดยไม่มีเหตุผลครูผู้นั้นจะได้รับปฏิกริยาทางด้านลบจากเด็กแน่นอนเราควรที่จะมีคณะกรรมการไต่สวนกรณีที่เด็กร้องเรียนถึงความไม่เป็นธรรมต่างๆ คณะกรรมการประกอบด้วยผู้ปกครอง คนที่น่านับถือในชุมชนผู้สนับสนุนงบประมาณและอื่นๆ แต่ถ้าครูทำด้วยเมตราจิตที่ดีแน่นอนไม่มีนักเรียนคนไหนที่จะโกรธหรือเกลียดครูเลย (ไม่มีงานวิจัยสนับสนุน แต่ผมอยู่โรงเรียนที่มีการใช้ไม้เรียวและได้พูดคุยกันกับเพื่อนๆ) ส่วนการที่เด็กจะได้รับการถ่ายทอดวิธีที่รุนแรงผมว่ายังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ผมมั่นใจว่าน่าจะอยู่ที่พ่อ หรือแม่ได้กระทำสิ่งรุนแรงต่อกันเองหรือต่อลูกมากกว่า สิ่งนี้จะกระทบต่อจิตใจลูกมากที่สุด รองลงมาเป็นสื่อต่างๆไม่ว่าทีวี หนัง หรือเกมส์ ส่วนด้านสิทธิมนุษยชนผมเห็นด้วยเต็มที่แต่ต้องมีเหตุผลรองรับที่ดีเราไม่สามารถอ้างว่าเพราะสิทธิมนุษยชนแล้วจึงยกเลิก มันง่ายเกินไปเหมือนกับมองว่าเราอนุญาตให้คนต่างชาติทำงานที่สงวนให้คนไทยได้เพราะระบบการค้าแบเสรี มันไม่น่าจะถูกต้องใช่ไหมครับ
ท้ายสุดนี้เป็นเรื่องที่แปลกมาก ที่เราถกเถียงกันโดยไม่มีงานวิจัยในประเทศไทยรองรับ
จาก ... ครูที่ไม่เคยใช้ไม้เรียว
ชาญวิทย์ <bluepeace7@hotmail.com>
- Monday, December 11, 2000 at 01:50:45 (EST)
การลงโทษโดยการเฆี่ยนตีทำให้นักเรียนเจ็บและอับอาย แต่มีไม่กี่คนที่เจ็บแล้วจำและไม่ประพฤติดังเดิม ส่วนมากจะเจ็บแล้วรู้สึกเกลียดโรงเรียนหรือหรือกระทั่งเกลียดครูและไม่ชอบไปโรงเรียน
pody kanjanajuntorn <podjanok@yahoo.com>
- Thursday, December 07, 2000 at 15:19:51 (EST)
ควรยกเลิก เพราะ มีวิธีการลงโทษอย่างอื่นอีกมากมายที่สร้างสรรค์กว่าการตี ดิฉันเคยเจ็บปวดกับการใช้ความรุนแรงจากการตีของครูที่โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่ ที่ใช้กำลังตบหู ตีหัว หยิกต้นแขน (เมื่อหาไม้ไม่ทัน) ตลอดนใช้ไม้ตีเด็กนักเรียนชั้น ป.3 (เมื่อ พ.ศ.2539) เมื่อเด็กทำการบ้านผิด ตอบผิด หลานดิฉันโดนตบหัวเมื่อไปโรงเรียน สายเพียง 5 นาที ลูกของเพื่อน ๆ ที่เรียนกับครูคนนี้ก็โดนกันทุกคน ผู้ปกครองร้องเรียน กันมาก แต่อจ.ใหญ่ไม่สนใจ เพราะหาว่าเด็กพูดโกหก ตอนที่ดิฉันเรียนอยู่ชั้น ป.6 ใน รร.แห่งหนึ่งในกทม. (พ.ศ.2508) ครูประจำชั้นใช้วิธีลงโทษที่ สร้างสรรค์มากคือ โทษเบา ให้เอาถังขยะไปเท โทษหนักให้เอาผ้าชุบน้ำไปถูห้อง ไม่เคยตีเลย ดิฉันเกรงว่าถ้ายังอนุญาตให้ตี ครูดี ๆ ก็ไม่ทำอยู่แล้ว แต่กลับเป็นช่องทางให้ครูห่วยๆ อ้างสิทธิ ในการทำโทษเด็ก
กรรณิกา วิทย์สุภากร <kannika@cmu.chiangmai.ac.th>
- Wednesday, December 06, 2000 at 22:58:29 (EST)
ผมเคยมีประสบการณ์เรื่องการถูกตีในวัยเด็ก คือว่า ในวันนั้น( ป. 3 ) มีเพื่อนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจากที่อื่น ในชั่วโมงวิทยาศาสตร์ครูคนหนึ่งเห็นผมมองออกไปนอกห้องซึ่งผมกำลังตอบคำถามเพื่อนต่างห้องว่าคนที่นั่งข้าง ๆ เพิ่งมาใหม่หรือ ซึ่งเป็นช่วงเวลาแค่เสี้ยวนาที เท่านั้นแหละครับผมโดนฟาดด้วยไม้เรียวขนาดยาว 1 เมตรได้อย่างเต็มแรง ผมทั้งเจ็บและอายเพื่อนทั้งห้องที่จ้องมายังผมยังกับผมทำผิดอย่างเลวร้าย ผมจ้องตาครูคนนั้นด้วยความโกรธ ครูพูดว่า " ยังจะมองอีก " และทำท่าเงื้อแขนตี ผมร้องไห้เพราะวุฒิภาวะตอนนั้นรับไม่ไหว และไม่เข้าใจด้วยว่าเหตุผลอะไรที่ผมถูกกระทำเช่นนั้น และหลายครั้งหลายคราที่ถูกด่าให้เจ็บชำ้โดยไม่มีเหตุผลในชีวิตการเรียน ผมไม่เคยโกรธครูคนนั้นอีกเลยเมื่อโตมา และเห็นว่าการลงโทษของครูหากขาดวิจารณญาณก็จะเป็นการกระทำที่รุนแรงอย่างฝังใจเด็กทำให้เด็กขาดความเชื่อมั่นที่จะแสดงออกต่อสังคม กลัวความผิดพลาด ซึ่งนั่นหมายถึงว่า ถ้าเด็กคนนั้นเป็นฉลาดเขาก็จะเสีย ภาวะจิตที่สมบูรณ์ไป ( ขาด EQ ) และเมื่อเติบโตขึ้นแลัวเขาไม่เข้าใจก็จะกลายเป็นปมฝังใจต่อต้านสังคม และมีความคิดที่รุนแรงได้ ประการสำคัญคือ ระบบการลงโทษ ( โดยไม่มีสัมมาทิฏฐิ ) นั้นแสดงให้เห็นระบบศักดินา เจ้าขุนมูลนาย ระบบอุปถัมภ์คำ้ชู เจ้านายเฆี่ยนทาสได้ พ่อแม่ตีลูกได้ และครูเฆี่ยนศิษย์ได้ โดยเฉพาะครู หรือชนชัน้สูงนั้นเป็นที่เคารพสยบยอมแก่บรรดาไพร่ฟ้า เพราะหมายถึงอำนาจราชศักดิ์ คุณความดีอะไรเหล่านั้น กาลเวลาผ่านไปจิตสำนึกมนุษย์เปลี่ยนไปสู่ความเสมอภาคเท่าเทียม เพราะกระแสความคิดที่หลั่งไหลเข้ามาจากวัฒนธรรมที่ต่างออกไป การศึกษาในปัจจุบันใช้เงินทองทั้งนั้น ใครมีเงินจะเรียนแค่ไหนก็ได้ เรียนจบแล้วก็แล้วกัน ไม่ต้องสนใจกัน โรงเรียนก็แค่โรงงานผลิตทุนที่แพงที่สุดไปรับใช้ เศรษฐกิจอุตสาหกรรม เผลอ ๆ ืซื้อ วุฒิ ก็ยังได้ความผูกพันธ์อย่างลึกซึ้งของคน กับวัด ศิษย์กับครู นั้นไม่เหลือให้เห็นแล้ว ผมไม่เห็นด้วยที่จะใช้ความรุนแรงสยบความดื้อด้าน รุนแรง หรือ โง่เขลา การเฆี่ยนตียังสามารถใช้ได้ดีตราบเท่าที่มีสัมมาทิฏฐิเป็นเครื่องควบคุม ไม่มีอารมณ์ที่จะทำร้าย แต่เป็นอุบายให้เด็กเข้าใจในสิ่งที่ผิดพลาดเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับความต้องการกระตุ้นสติปัญญา และใช้ จิตวิทยาเหตุผลกำกับให้กระทำได้สมควรแก่เหตุ ประเทศที่เสรีอย่างสหรัฐอเมริกานั้น เรื่องสิทธิ เสรีภาพเป็นเรื่องใหญ่ ถ้ามีการละเมิดเกิดขึ้น จนแค่เรื่องไม้จิ้มฟันก็เป็นเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลมานักต่อนักแล้ว ในเรื่องการทำโทษเด็กนั้นห้ามเลยทีเดียวสำหรับครู จนก็ไม่แน่ใจว่าความรุนแรงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคนอเมริกันเป็นเพราะการปล่อยเกินไปหรือไม่ เราจะเห็น ความรุนแรงของวัยรุ่นในสังคมญี่ปุ่นหรือสังคมอื่นทั่วโลก ที่ศิษย์ไม่พอใจครูที่ลงโทษก็ฆ่าเสียให้ตายอย่างโหดเหี้ยม นักศึกษาที่ไม่พอใจก็ประท้วงครูหรือรุมทำร้ายร่างกายครู หรือนักเรียนใช้อาวุธปืนก่อคดีฆาตกรรมมาหลายครั้งหลายครา เหตุผลที่จะแก้ไขก็คือการควบคุมอาวุธปืน แต่เหตุผลที่ทุกคนรู้ก็คือว่า ครอบครัวเป็นทุกสิ่งที่จะเยียวยาปัญหาได้ หรือการขัดเกลาอย่างใช้ปัญญาน่าจะเป็นทางออกที่ดี ดูการ์ตูนเรื่อง GTO ( Great teacher Oni zuka ) สิครับผมเห็นวัยรุ่นติดกันงอมแงม แต่ดูเนื้อเรื่องสิครับ ครูไปชกต่อยแล้วบอกว่าเป็นการทำเพื่อศิษย์ด้วยใจรักอย่างแท้จริง ทำนองนั้น เช่นนี้ไม่รุนแรงหรือครับและไม่น่าเรียกว่า Great ได้เลย การทำโทษด้วยการเฆี่ยนตีควรจะอยู่ในกรอบของเหตุผลซึ่งถ้าพูดจุดนี้ จะต้องถกกันยาว ว่าอะไรคือเหตุผล ? และครูจะมีเหตุผลได้อย่างไร ? จะใช้ในการลงโทษได้เพียงใด ? เพราะไม้บรรทัดแต่ละคนไม่เท่ากัน ซึ่งต้องกำหนดเป็นระเบียบว่าตีได้กี่ทีแก่ความผิดประเภทไหน ดูเจตนาของผู้ตีว่าทำสมควรแก่เหตุหรือไม่ บางครั้งเป็นเรื่องไม่หนักหนาอะไรเลยแต่ผู้ปกครองกลับเอาเรื่องอย่างรุนแรงเสียอีกเพราะรักลูกไม่ถูกทาง ซึ่งเป็นเรื่องน่าปวดหัวเชียวครับ แต่ถ้าการตียังอยู่ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะเหตุผลที่ทุกคนต่างก็มีนั้น ก็คือ เหตุผลโดยพร้อมที่จะใช้ความรุนแรง นั่นเอง สังคมเราเกิดปัญหากันมากก็เพราะขาดธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ถ้ามีธรรมประกอบแล้วจะณู้เองว่า การตีเด็กของครูเป็นเรื่องสมควรหรือไม่ และรู้ด้วยว่าอย่างไรที่เกินสมควร วัวควาย ช้าง ม้า ทำตาม เพราะเจ็บจากการถูกตี แต่คนบางครั้งแม้ถูกตีก็ไม่ทำตามกลับ ดื้อแพ่งไปเสียอีกการตีเท่าไหร่ก็ไม่เกืดผล การตีที่ควรตี คือ เด็กเข้าใจ ยอมรับความผิด และการลงโทษ และเปลี่ยนพฤติกรรมในทางที่ดี และเด็กที่ไม่ต้องตี ยอมรับความผิดและเปลี่ยนพฤติกรรมโดยไม่ต้องลงโทษนั้น ดีที่สุด
ณัฐพล
- Wednesday, December 06, 2000 at 02:02:02 (EST)
ผมอายุ42 ปี รู้ว่าคณิตศาสตร์มีประโยชน์เมื่อปี2533 ขณะเรียนมหาบัณฑิตด้านเศรษฐศาสตร์ ผมไม่เก่งคณิตศาสตร์เลย ผมเสียดาย ที่ผ่านมาผมเกลียดและกลัวคณิตศาสตร์มาก เพราะทั้งครูประจำ และครูฝึกสอน ตี ตี ตี ตี ตีจริง ๆ ตีเหมือนคนบ้า เหตุผล เพราะผมทำคณิตศาสตร์บนกระดานไม่ได้ ผมไม่เคยเกเร มาสาย ชกต่อย เสพยา แต่ถูกตีเพราะแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ไม่ได้ รศดร.สมพงษ์ อธิบายผมหน่อยว่า พลังที่ถ่ายทอดผ่านไม้เรียวมาที่ก้น ก็ดี ฝ่ามือ ของกระผมก็ดี เป็นพลังที่จะยึดเหยี่ยวหรือเตือนสติอะไรของผม ผมไม่ตีลูก ผมถือว่าถ้าเอาชนะลูกด้วยเหตุผลไม่ได้ ก็ต้องยอมแพ้ อย่าใช้กำลัง มัน UNFAIR
นายกำธร <bigkamthorn@yahoo.com>
- Sunday, December 03, 2000 at 09:49:30 (EST)
เห็นด้วย
gids
- Sunday, December 03, 2000 at 02:03:23 (EST)
ส่วนตัวคิดว่าการลงโทษเด็กนักเรียนด้วยไม้เรียวเป็นเรื่องที่สมควรอยู่ แต่ด้วยสภาพในปัจจุบันคนที่เป็นครูนั้นไม่ได้มีจิตใจของความเป็นครูอย่างแท้จริง ทำให้หลายครั้งหลายคราวที่เรามักจะพบเห็นข่าวที่น่าเศร้าตามหน้านสพ.อยู่เนือง ๆ ทางแก้ไขนั้นก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าควรจะให้ใช้ไม้เรียวหรือไม่ แต่เราน่าจะแก้กันตรงที่การคัดเลือกคนที่มาเป็นครูมากกว่า น่าจะมีการตรวจสอบสภาพทางจิตของคนที่จะมาเป็นครูก่อนเลย เหมือนกับพวกหมอที่จะมีการตรวจสภาพทางจิตเช่นกัน อาจจะช่วยทำให้ปัญหาต่าง ๆ ลดน้อยลงก็ได้ค่ะ
เจริญศรี พงษ์เฉลิม <aiesri@hotmail.com>
- Friday, December 01, 2000 at 23:54:32 (EST)
i would like to have a say in this topic as once i used to live in Thailand and been a high school student. I mean the punishment is TOTALLY unfair for us as a student!! let me ask u teacher a question here, what RIGHT do u have to hit us!!!!! or even to TOUCH us! The stick punishment is so so so ridiculous, i really wanna know what is the purpose of hitting the student??? I don't think that by doing so, it gonna teach students any good at all, even worse it taught them to be more violence!!! Why don't u teacher try to find the better way to settle with us student!! Finally, i still insist that it is SO SO unfair, if u r one of the teacher then can u ask yourself "what right do i have to hit the students?"
Thai Students <students@planet.com>
- Friday, December 01, 2000 at 07:33:22 (EST)
เห็นด้วยน่ะค่ะ กระแสสังคมเปลี่ยนไปตามเวลา บางทีเราน่าจะเปิดโลกให้กว้างและรับมาอย่างพอดี ปรับปรุงให้สมควรกับระบบการศึกษา และน่าจะมี ข้อปฎิบัติบ่งชี้ที่ชัดเจนระหว่างครูกับนักเรียน
วิลาวรรณ <oil@rjoo.com>
- Wednesday, November 29, 2000 at 11:09:38 (EST)
ที่จริงครูก็ต้องมีวิจารณญาณในการใช้ไม้เรียว แต่สมควรที่จะมี
สรายุธ <salumpro@yahoo.com>
- Tuesday, November 28, 2000 at 01:33:54 (EST)
เคยโดนตีตอนมัธยมด้วยข้อหามาเรียนสาย อยากบอกครูว่าคนเราต้องมีช่วงเวลาอยากแหกกฎบ้าง หากมันเป็นเรื่องที่ไม่ได้ทำให้ใครเสียหายนอกจากตัวเราเอง การลงโทษด้วยการตี เปรียบเหมือนการที่เราขีดเส้นไว้ไม่ให้เด็กล้ำ เส้น เริ่มขึ้นตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยอย่างมาเรียนสายก็ใช้การตีตัดสินเสียแล้ว มันเลยทำให้ความเป็นตัวตน กล้าคิด กล้าทำ หดหายไปจากเด็กไทย มีเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่ไม้เรียวจากเรื่องไม่เป็นเรื่องทำให้เขาเชื่อในตน
ศิริดาว <seeree_infidy@usa.net>
- Sunday, November 26, 2000 at 08:21:52 (EST)
คนก็เป็นสัตว์โลกประเภทหนึ่ง ที่ยังมี instinct ฝังอยู่ภายใต้จิตสำนึกเหมือนสัตว์ทั้งหลายโดยทั่วไป ที่ย่อมมีความหวาดกลัวอำนาจที่เหนือกว่า ในบางสถานการณ์ เสมือนเด็กที่ยังไม่บรรลุวุฒิภาวะเพียงพอต่อความเป็นมนุษย์ ก็ต้องใช้อาวุธ(ไม้เรียว)ข่มขู่กันบ้าง ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ที่รอบรู้ในจิตวิทยาการเรียนการสอนเป็นอย่างดี ที่จะเลือกใช้ให้ถูกกาละเทศะ
ไม้เรียว จึงมีความจำเป็นที่ครูจะต้องใช้ในบางครั้งบางคราว.
นายสุธน อินทิแสน <leamthongthai@mweb.co.th>
- Sunday, November 26, 2000 at 03:16:22 (EST)
ไม่เห็จะต้องใช้ไม้เลย ถ้าจะทำโทษกันเอาแบบเก็บขยะภายในโรงเรียนดีกว่า
นิรนาม <มิมี>
- Sunday, November 26, 2000 at 02:25:07 (EST)
เห็นด้วยค่ะสำหรับเรื่องนี้ ครูบางคนชอบตีเด็กเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ แต่ว่าเดี๋ยวครูก็หาวิธีอื่นแทนเอง หนักกว่าการตีด้วยซํ้า ดิฉันในฐานะนักเรียนคนหนึ่ง ขอขอบคุณผู้ที่อนุมัติเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง
ปริณดา กุลประดิษฐ์ <pkulpradit@chaiyo.com>
- Saturday, November 25, 2000 at 03:16:32 (EST)
น่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ น่าจะแก้ปัญหาที่คุณภาพของครูมากกว่าจะมาถกกันเรื่องไม้เรียวซึ่งเป็นเรื่องที่ไร้สาระที่สุด เด็กจะดีจะเลวไม่ใช่อยู่ที่ใช้หรือไม่ใช้ไม้เรียว แต่ไม้เรียวอาจจะเป็นเครื่องมือที่ดีของครูได้ในการสั่งสอนเด็ก เพียงแต่ครูที่แย่ๆบางคนทำให้ไม้เรียวเป็นสิ่งที่ใช้ระบายอารมณ์
กมล ฉวีวรรณ <kawan41@hotmail.com>
- Friday, November 24, 2000 at 13:17:04 (EST)
เห็นด้วยอย่างยิ่ง ในฐานะที่ผมเป็นนักเรียนคนหนึ่ง ผมเห็นว่าการตีนั้นไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาเลย ผู้ใหญ่อาจจะคิดว่า ตีเด็กแล้วเด็กจะจำ จะเจ็บ จะได้ไม่ทำผิดอีก แต่เด็กสมัยนี้ พอโดนตีแล้วก็จะเค้นผู้ใหญ่ ทำไห้เป็นเกิดการที่ว่า เด็กกะผู้ใหญ่ไม่ถูกกันเข้านะครับ
ตะวัน อมรรัตนเสรีกุล <tw_amon@i-kool.com>
- Friday, November 24, 2000 at 06:15:27 (EST)
น่าจะยกเลิกไปตั้งนานแล้ว เพราะการตีเด็ก อาจจะทำให้เด็กไม่อยากเรียน หรือ สนใจในวิชาที่เคยโดนตีมาก่อน
pattamawan kumut <pattamawankumut@thaimail.com >
- Thursday, November 23, 2000 at 06:18:37 (EST)
ขอร่วมแสดงความคิดเห็นว่า : ควรมีการลงโทษใช้ไม้เรียว แต่ควรมีมาตราการใช้ไม้เรียวอย่างเหมาะสม ในขนาดพอดีเท่านั้น ไม่ควรลงโทษที่มากเกินไป จะทำให้เกิดความบาดเจ็บในจิตใจของเด็ก หากลงโทษมากจนเกินขอบเขต แต่หากยกเลิกการใช้ไม้เรียว ก็จะมีรูปแบบที่ผิด ๆ ออกไปในการลงโทษเด็กที่มีความอันตรายมากกว่านี้ (คิดว่ามีแน่นอน) หรือไม่ก็ทำให้เด็กไม่เชื่อฟัง ไม่ยำเกรงคุณครู ทำตัวตามใจในสิ่งที่ไม่ดี ทำให้อนาคตของ ชาติเสียไปได้
สุวรรณา คูหาภาสกร <Sandyl77&hotmail.com>
- Wednesday, November 22, 2000 at 09:52:31 (EST)
...การใช้ไม้เรียว ขึ้นอยู่กับเวลา สถานการณ์ และตัวเด็ก แต่ที่สำคัญที่สุดน่าจะเป็น จิตวิญญาณของคนเป็นครูน่าจะรู้ดีว่าอะไรควร อะไรไม่ควรคนเป็นครู
tor
- Wednesday, November 22, 2000 at 06:21:38 (EST)
ไม้เรียวที่ใช้ถือว่าไม่สมควรใช้เพราะเบาไป ไม่สมควรจะมีการกล่าวตักเตีอน2-3ครั้ง ดูอย่างนักฟุตบอลยังเตีอนด้วยใบเหลีองแต่ครั้งเดียว ถ้าอย่างนั้นควรใช้การตีเป็นครั้งแรก ครั้งที่ 2 เป็นฑัณต์บน อีกครั้งก็ออกไปเลยไป..............พวกเด็กเ_ร
ก่อน คำมา
- Wednesday, November 22, 2000 at 01:03:00 (EST)
"ไม้เรียว...เป็นสัญญลักษณ์"
...
ไม้เรียว...เป็นสัญญลักษณ์
คุณครูจัก หักโค่น โยนไฟเผา
สิ้นไม้เรียว หาใช่ ให้โทษเบา
"ครูจะเหลา จิตใจ ด้วย...ใจครู"
นักเรียนผิด คิดหรือยัง ที่พลั้งผิด
เพียงตระหนัก สักนิด คิดอดสู
สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด ลองคิดดู
นักเรียนรู้ อยู่แก่ใจ แค่ไม่ทำ
ไม้เรียว...เป็นสัญญลักษณ์
เมื่อครูหัก หั่นเหี้ยน นักเรียนขำ
นี่นะหรือ คืออำนาจ ให้ขลาดจำ
ไม้เรียวหรือ คือไม้นำ ค้ำจิตใจ
"ไม้เรียว...เป็นเพียงสัญญลักษณ์"
ให้ตระหนัก ถึงความจริง ที่ยิ่งใหญ่
นักเรียนเอ๋ย ดูให้ดี ที่เผาไฟ
แม้สิ้นไม้ ใจอย่าหลง จงทำดี
...
นรพัลลภ ประณุทนรพาล <norapallop@hotmail.com>
- Tuesday, November 21, 2000 at 04:48:12 (EST)
สนับสนุนให้ยกเลิกการใช้ไม้เรียวในการลงโทษเด็ก แต่อยากจะเสนอความคิดเห็นว่าให้หันมาลงโทษด้วยวิธีอื่น เช่นอาจเป็นวิธีที่ทำให้เด็กหันมาปฏิบัติตัวให้ถูกหรือปลูกจิตสำนึกที่ดีให้แก่เด็กดิฉันว่าน่าจะดีกว่าการลงโทษโดยการใช้ไม้เรียว เพราะสังคมเราเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากซึ่งอาจจะนำมาใช้ในสังคมปัจจุบันนี้ ขอให้พิจารณาในข้อเสนอแนะนี้ ขอแสดงความนับถือ นิเยาวดี
น.ส.นิเยาวดี สีเกิ้ง <niseekerng@chaiyo.com>
- Tuesday, November 21, 2000 at 03:00:18 (EST)
ทำไมไม่อยากใช้ไม้เรียวละ หาอย่างอื่นลงโทษเด็กได้แล้วหรือ เด็กบางคนพูดแล้วไม่ฟังหรอก ให้เด็กทำกิจกรรมแล้วใครจะมีเวลาไปเฝ้าเด็กละ คนไทยเด็กไทยถูกสอนมาอีกอย่างหนึ่ง การที่จะทำอะไรลงไป บางทีเราทำเพื่ออนาคตของเด็กเอง ไม้เรียวไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหาอยู่ที่ผู้ใช้
ปุกปุย <sc403477@bucc3.buu.ac.th>
- Monday, November 20, 2000 at 12:02:17 (EST)
ไม้เรียว...มีไว้ทำให้เด็กเกรงกลัวและเชื่อฟังผู้ใหญ่หรือ ครู ไม้เรียวเป็นเครื่องมือมีไว้สอนคน เรื่องการทำโทษขึ้นอยู่กับเหตุผลของอาจารย์ ว่าขอบเขตของมันมีอยู่แค่ไหน ตรงนี้ต้องดูว่า ควรให้อาจารย์สามารถวางตัวได้ในจุดไหนจึง เหมาะสมกว่า ไม่ใช่ยกเลิกการใช้ไม้เรียวเลย
11-5- <The_World@chaiyomail.com>
- Monday, November 20, 2000 at 04:09:12 (EST)
ผมถูกทำโทษ เมื่อตอนอยู่ชั้นประถมปีที่6 ถ้าจำไม่ผิด คุณครูบอกว่าจะเฆี่ยนโทษฐานขว้างปาชอล์ค เล่นกับเพื่อน ผมและเพื่อนโดนคนละ2ที ผมกลับบ้านไปดูเป็นรอยไหม้ ซ้ำระบบอยู่นาน ผมไม่เคยบอกคนที่บ้านให้รู้ ความรู้สึกจำฝังใจทุกครั้งที่อาบน้ำ ผมคิดจะแก้แค้นอยู่ตลอด10ปี ปัจจุบันผมอายุ 38ปี ผมคิดว่าคุณครูระบายอารมณ์โกรธอะไรมาถึงได้ทำรุนแรงขนาดนี้ น่าจะลงโทษผมด้วยวิธีอื่นดีกว่า
k. cc <refa8203@thailand.net>
- Monday, November 20, 2000 at 00:22:00 (EST)
เรียนบรรณาธิการ
เรื่องเกี่ยวกับไม้เรียว นั้นเห็นควรให้มี แต่ควรเก็บไว้เป็นการลงโทษขั้นสุดท้าย หรือเลือกไม่ได้แล้วจริง เด็กนั้นไม่ใช่จะดื้อด้านไปทุกคน แต่ก็ไม่ใช่ว่าง่ายทุกคน ต่างคนต่างจิตต่างใจ ควรจะเลือกวิธีปฎิบัติที่ถูกต้องและมีลำดับขั้นความหนักเบาที่ชัดเจน และมีเหตุผลที่สามารถอธิบายให้เด็กรับรู้ได้ว่าทำไมเขาต้องถูกทำโทษ แม้ว่าที่บ้านเขาทำเหมือนกันแต่ไม่มีใครลงโทษ แต่เมื่ออยู่ในสังคมส่วนรวม มันผิดต้องถูกทำโทษ แต่จะมีครูสักกี่คน ที่กล้าที่จะทำ ถ้าบังเอิญเด็กคนนั้น เป็นลูกท่านหลานเธอขึ้นมา ในขณะเดียวกันผู้ปกครองควรจะมองด้วยว่า ลูกต้องถูกทำโทษมีสาเหตุมาจากอะไร ไม่ใช่ลูกเราไม่ผิดตลอดกาล ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกันอย่างนี้เป็นค่านิยมว่า พ่อแม่เราใหญ่ กฏของข้าต้องถูกกว่ากฏอย่างอื่น เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะมีปัญหากฏหมายบ้านเมืองไม่สนใจ สนใจแต่ความพอใจของตนเอง มันเป็นค่านิยม ที่ปรากฏอยู่ทั่วไป จากรากฐานของสังคมระบบอุปถัมภ์ที่มีมานาน เกรงใจกันลูกคนใหญ่คนโตต้องดีต้องถูก ลูกชาวบ้านต้องผิดตลอด ความยุติธรรมและเป็นกลางไม่มี แต่จะมีสักกี่คนมี่ทำได้ เรื่องที่ครูทำร้ายเด็กนั่นก็เหมือนกัน พอมีเรื่องก็ย้ายปกป้องกัน ปํญหาที่ควรจะมีการจัดการให้เสร็จเรียบร้อย ก็บานปลายเหตุการณ์ก็รุนแรงมากขึ้น เหมือนกับหลายๆครั้งที่ปรากฏ ผมเป็นข้าราชการก็พบเจอเหตุการณ์อย่างนี้เป็นประจำ มักได้ยินคำว่า คุณอย่าไปมองวิธีปฎิบัติสิ ดูที่หลักการ แต่ในเมื่อหลักการก็ไม่ถูกต้องแล้ว จะไปทำอะไรได้หากทำตาม มันก็ผิด แต่จะไปแก้หลักการ มันก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเรามันแค่คนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เราจึงแก้ที่วิธีปฎิบัติเท่าที่จะสามารถทำได้ ซึ่งก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ แต่ตอนนี้คนที่พยายามทำแบบนี้เหลือน้อยลง หรือไม่ก็กลายเป็นปลาตายลอยตามน้ำไปเรื่อยๆ ไม่มีทิศทาง หรือปลาเป็นที่ว่ายไปตามกระแส ผมกำลังลังเลเหมือนกันว่าจะไปทางไหนดี คงต้องไปตามหลักการละมั้งครับ555 สวัสดี
จตุรพร เทียมทินกฤต <ctiamtinkrit@hotmail.com>
- Sunday, November 19, 2000 at 23:56:06 (EST)
กระผมขอคัดค้านการเลิกใช้ไม้เรียวลงโทษเด็ก แต่ขอแสดงความคิดเห็น ให้มีการ กำหนดบทลงโทษเด็กนักเรียนที่ทำผิดระเบียบ โดยกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัดเจน และมีความเหมาะสม ให้มีลักษณะการลงโทษที่เหมือนกันทุกโรงเรียน ซึ่งก็ขอให้เป็นหน้าที่ ของกระทรวงศึกษาธิการ
จากที่ผ่านมา สังคมเมืองไทยได้สร้างความบ้าอำนาจ สร้างความหลงไหลลาภยศ ให้กับบุคคลในระดับชั้นปกครอง ซึ่งเป็นการสร้างความศรัทธาให้แก่ตัวเอง ความรุนแรงจึงมีให้เห็นกันทุกวัน อย่างนี้ครูผู้ใดหวังอย่างไรขอให้พินิจที่การกระทำอันสมเหตุผล จะตีกันให้ตายด้วยไม้เรียวกระนั้นหรือ
กระผมจึงขอแสดงความเห็นให้ควบคุความทะยานอยากของ..ผู้ให้ความรู้ทั้งหลาย.. และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าไม้เรียวเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งเซนติเมตรจะสร้างคนได้ต่อ
ไม้เรียวไม่มีตาและไม่มีชีวิต
เปรีบผู้อำนวยเพลงซิมโฟนี
จะใช้ปลายไม้บังคับลีลา
จะใช้ปลายไม้กำหนดดนตรี....ให้มีชีวิต
หรือเขาจะหักไม้นั้นเสีย
นายจันทร เกียีติกมลชัย <chuntorn@chaiyo.com>
- Sunday, November 19, 2000 at 22:34:08 (EST)
การทำให้คนอื่นเจ็บ เป็นซาดิสของธรรมชาติของคน ผู้ใหญ่ชาวไทยไม่สามารถที่จะทำให้คนรุ่นเท่าๆ กันเจ็บตามที่ตนเองต้องการได้ เพราะฝ่ายตรงข้ามจะสู้ จึงแสดงออกกับเด็ก ที่ไม่มีทางสู้ ลองให้เด็กสู้ได้สิ แล้วดูว่ามีครูสักกี่คน ที่จะกล้าใช้ไม้เรียวกับเด็ก (ม.5 หรือ ม.6)
ไม่เห็นด้วย อย่างยิ่ง
- Sunday, November 19, 2000 at 21:07:33 (EST)
ถ้ายุติเรื่องไม้เรียว แล้วทำกิจกรรม เด็กนักเรียนก็จะเริ่มรู้ว่าการลงโทษเนี่ย เริ่มที่ จะลดน้อยลง ถึงแม้จะทำกิจกรรม แบบล้างส้วมรึอะไรก็ตาม พวกนี้ไม่กลัวหรอก จากเดิมยิ่งซ่าอยู่ ยิ่งซ่าเข้าไปใหญ่ ความเห็นนี้ขอเป็นกลางดีกว่า
HIHO <HIHO@thaimail.com>
- Friday, November 17, 2000 at 08:26:31 (EST)
ในฐานะที่เคยเป็นเด็กนักเรียน ที่ถูกตีในชั้นการศึกษาระดับประถม และมัธยมต้น จนมาถึงทุกวันนี้ผมเรียนในระดับปริญญาตรีแล้ว และกำลังเป็นอาจารย์ฝึกสอนอยู่ด้วย กลับไม่เคยรู้สึกว่าการถูกครูตีเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง กลับส่งผลให้ผมสามารถเรียนมาจนถึงระดับนี้ได้ สำหรับครูที่ไม่ดีก็มีอยู่ผมก็เคยเจอ แต่ครูที่ดี มีสำนึกที่ดีนั้นมีอีกมาก ดัวนั้นการยึดไม้เรียวครูนั้นไม่ใช่ทางออก เพราะเด็กที่ยังเล็กอยู่นั้นยังไม่รู้ว่าสิ่งไหนผิดถูก หากไม่มีวิธีการที่ทำให้เด้กกลัวที่จะทำสิ่งเหล่านั้นที่เด็ดขาด เด็กก็คงยังไม่แน่ใจในสิ่งที่ทำลงไป
mr.TEE <->
- Tuesday, November 14, 2000 at 03:24:24 (EST)
การยึดไม้เรี่ยวเป็นการแก้ปัญหาโดยไม่เข้าใจที่มาของปัญหา ความรุนแรงต่างๆที่เกิดมาจากผู้ใช้คือ ครูที่ไร้จิตสำนึก การแก้ปัญหาต้องเริ่มจากครู ในการผลิตครูต้องสร้างให้ครูเป็นผู้ที่มีเหตุผล รู้จักแยกแยะ ยึดมั่นในจริยธรรมและจรรยาบรรณ การลงโทษด้วยไม้เรียวจะกทำให้เกิดผลดี ถ้าผู้ใช้รู้และเข้าใจวิธีการเป็นอย่างดี การเลิกใช้ไม้เรี่ยวก็ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าจะยุติความรุนแรงได้ ยังมีวิธีการรุนแรงอีกหลายรูปแบบถูกนำมาใช้ โดยครูที่ไร้จิตสำนึก
พิชญ์ สอนจรูญ <pitchs@chaiyo.com>
- Monday, November 13, 2000 at 22:25:53 (EST)
ปัญหาการลงโทษเด็กนักเรียนไม่ได้อยู่ที่การใช้ไม้เรียว ในการลงโทษแต่น่าจะอยู่ที่ ครู ผู้ลงโทษ ถึงแม้ว่าสุภาษิต รักวัวให้ผูก ..รักลูกให้ตี จะเหมาะสมกับสภาพสังคมไทยในอดีต สมัยที่ครูยังมีความเป็นครูโดยจิตวิญญาณ ไม่ใช่โดยอาชีพ เช่นในปัจจุบัน จุดมุ่งหมายของการลงโทษด้วยไม้เรียวในอดีตจึงแฝงไว้ด้วยความเมตตา ไม่ใช่การระบายอารมณ์ ไม้เรียวในอดีตจึงเป็นความทรงจำที่มีค่าระหว่างศิษย์ และครู และสร้างให้คนเป็นคนดีมานักต่อนัก
ในสภาวะการปัจจุบัน ครูขาดจิตวิญญาณของความเป็นครู ขาดความเมตตา ไม้เรียวกลับกลายเป็นเครื่องมือในการระบายออกซึ่งความก้าวร้าวของครู และเป็นจุดเริ่มต้นของความก้าวร้าวในเด็ก ถึงแม้การกำหนดมาตรการของกระทรวงสึกษาจะเป็นทางออกหนึ่งเพื่อป้องกันการเกิดปัญหา วัวหายล้อมคอก แต่ก็ใช่ว่ามาตรการรองรับจะสามารถ ยุติ ปัญหาได้อย่างแท้จริง เราคงลืมไปแล้วว่าเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันในหลายๆด้าน การปฏิบัติต่อเด็กแต่ละคนย่อมไม่มีสูตรสำเร็จใดที่เหมาะสม และสามารถแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง การยึดไม้เรียวครู จึงไม่ใช่คำตอบของการแก้ปัญหาในระยะยาว เราคงต้องหันกลับไปมองที่ จริยธรรม ของครูในปัจจุบัน....มาถึงตรงนี้..กระทรวงศึกษามีคำตอบให้เด็กนักเรียนบ้านเรา อย่างไร ?
ดาหลา <mtryc@hotmail.com>
- Sunday, November 12, 2000 at 22:54:04 (EST)
ในฐานะของครูคนหนึ่ง ที่จริง ๆ แล้วก็ไม่เคยต้องใช้ไม้เรียวประกอบในการเรียนการสอนเลย ไม่ใช่ว่าเด็ก ๆ เขาจะไม่ดื้อ แต่บังเอิญได้สอนนักเรียนชั้นมัธยมปลาย ซึ่งเขาโตแล้ว มีความคิดอ่านในระดับหนึ่งแล้ว การลงโทษที่ใช้ก็คือ การตัดคะแนนในรายวิชาที่สอน
อย่างไรก็ตามยังมีเด็กอีกหลายคน ที่เขาทำผิดระเบียบวินัยของโรงเรียน การลงโทษที่ฝ่ายปกครองใช้คือ การว่ากล่าวตักเตือนก่อน แล้วจึงลงโทษด้วยการตีหากกระทำผิดอีก ซึ่งก็ตีตามความเหมาะสม การลงโทษอย่างรุนแรง เคยพบเห็นบ้าง จากครูบางคนที่ไม่มีจิตสำนึก เป็นคนก้าวร้าว ถือเอาการลงโทษเด็กแรง ๆ เป็นความสุขเป็นความสะใจ ครูอย่างนี้ต่างหาก ที่ควรกำจัดให้หมดไปจากโรงเรียน เพราะเขาไม่ใช่ครูโดยจิตวิญญาณ การยกเลิกโทษตีด้วยไม้เรียวจึงไม่น่าจะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
กับอีกประเด็นหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติการศึกษาฉบับใหม่ ที่บอกว่าเด็กทุกคนมีสิทธิ์ได้เรียน และการแจ้งยกเลิกโทษ ให้ออกจากโรงเรียน ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ทำให้การปกครองค่อนข้างลำบาก เพราะได้เห็นเด็กหลายคนก่อความผิดเช่น ขายยาบ้าในโรงเรียน ตั้งแก็งค์ขโมยรถจักรยานยนต์ หรือกรณีตั้งครรภ์ ผู้ปกครองได้อาศัยกฏหมายเหล่านี้ บังคับให้โรงเรียนต้องรับเด้กเหล่านั้นไว้ในโรงเรียนต่อไป มีใครตอบได้ไหมว่า กรณีอย่างนี้ จะไม่เป็นตัวอย่างให้เด็กคนอื่นๆ ได้ใจ คิดจะลองทำอย่างนั้นบ้าง เพราะไม่มีใครเอาโทษกับเขาได้
หากจะมองให้ลึกลงไปถึงปัญหาแล้ว หากครูเป็นครูด้วยจิตวิญญาณจริง ๆ หากหน่วยงานทางการศึกษา ปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน ให้เหมาะสมกับสภาพเด็กไทยจริง ๆ ผู้ปกครองเอาใจใส่ดูแลลูกหลาน เห็นความสำคัญของการศึกษา ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ อาจจะพอแก้ปัญหาได้บ้างกระมัง
สุชานาถ ยอดอินทร์พรหม <suchanaat@chaiyo.com>
เชียงใหม่, - Sunday, November 12, 2000 at 00:47:37 (EST)
I don think that the problem in the school now is depent on the children. the teacher should chang their idea. It mean that don do bussiness with the children and the teacher should be good sample for the children.the teacher is very bad now.they did not do like the teacher.the teacher must be change frist then we can do for the children better.(I want to write in thai but i have no thaifon.im thai but i live in sweden)
Fary Subkhan <speedwayab@swipnet.se>
- Saturday, November 11, 2000 at 04:38:46 (EST)
ผมคิดว่าเราน่าจะแก้ที่ครูมากกว่า เพราะถ้าหากครูไม่มีจริยธรรม ถึงแม้จะยกเลิกการใช้ไม้เรียว ครูอาจจะลงโทษเด็กด้วยวิธีอื่นๆที่รุนแรงเช่น การดุด่าโดยใช้คำที่รุนแรง หยาบคาย หรือลงโทษโดยใช้วิธีรุนแรงอื่นๆ ได้ การใช้ไม้เรียวลงโทษเด็ก น่าจะใช้กับเด็กประถม และเด็กมัธยมต้น และครูควรใช้ไม้เรียวลงโทษเด็ก ด้วยความรัก มากกว่าเป็นการระบายอารมณ์
ณัฐ ศรสำราญ <n_sornsamran@hotmail.com>
- Friday, November 10, 2000 at 02:01:32 (EST)
Agree. Violence should be prohibited from Thai society both physical and mental violence. To pass the new law would affect teachers' attitude about themselves and student that would change the whole superior-subordinate form of relationship. Teachers should be more like mentor and friend rather than master.
Khwanchanok Sirirattanothai <khwanchanoks@yahoo.com>
Nakhornsawan, - Friday, November 10, 2000 at 01:49:02 (EST)
ยังเห็นว่าไม่ควรยกเลิกแบบเด็ดขาด ไม้เรียวอาจไม่ได้ทำให้คนเป็นคนดี แต่การที่จะเป็นคนดีคงต้องผ่านการขัดเกลา และอบรม ผมเชื่อในเรื่องของ EQ แต่เด็กต้องรู้ถึงการที่ผิดต้องถูกลงโทษ และต้องจดจำ ในระดับประถมและมัธยมคงหนีไม่พ้นที่ต้องใช้ไม้เรียว จะมาว่าเด็กจะจดจำความรุนแรงเป็นนิสัย ผมว่าผู้ที่จะใช้ไม้เรียวต่างหากต้องมีจิตสำนึกถึงการใช้ การทำโทษโดยไม้เรียว แก้ที่ต้นเหตุน่าจะถูกกว่า
พิสิฏฐ์ ช่างผาสุข
- Thursday, November 09, 2000 at 23:09:50 (EST)
ไม่เห็นด้วยกับการที่ยกเลิก แต่ขอแสดงความคิดเห็นว่า ควรปลูกจิตรสำนึกที่ดีให้กับ ครูและอาจารย์ผู้ที่จะลงโทษนักเรียน ว่าถ้าจะตี ก็ต้องตีด้วยความรัก ไม่ใช่ตีเพราะอารมย์ ตีเพราะคิดว่าเค้าเป็นลูก เป็นหลาน ไม่ใช่ตีเพราะเค้าเป็นคนอื่น ถ้าจะโทษก็ต้องโทษครูที่ตีเด็ก ว่าตีให้ตายหรือจะตีให้เค้าได้ดี พ่อแม่เด็กก็มีส่วนเอาใจลูกจนเสียเด็ก เข้าข้างเด็กจนเด็กเสียคน
ชลิดา บุญขำ <chalida@emisc.moe.go.th>
- Thursday, November 09, 2000 at 20:41:13 (EST)
ไม่เห็นจะต้องตีเลย ผู้มีหน้าเกี่ยวข้อง ควรหาวิธีปลูกจิตสำนึก ให้เด็กมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเอง เพราะครูสมัยนี้ ใช่ว่าจะมีสำนึกของครูสักเท่าไหร่กันเชียว...
จินตนา จันท์ประภากรณ์
เชียงราย, - Tuesday, November 07, 2000 at 21:37:39 (EST