Click
ชีวิตวัยรุ่นไทยยุคปี
๒๐๐๐
ในความเห็นของคุณ
พบเห็น
ข้อความไม่เหมาะสม
กรุณาช่วยกันแจ้ง
ผู้ดูแลเว็ป (WebMaster)
ขอบคุณครับ
ได้อ่านข้อความแสดงความคิดเห็นซึ่งมีหลายๆมุมมอง แต่เห็นด้วยกับคุณ ชาญชัย บุณยวรรณ เรื่องที่ว่า เวลาเกิดปัญหาขึ้นเรามักจะบอกว่าเด็กเรื่องสิ่งไม่ดีเข้ามาในชีวิตเค้าเอง แต่จริงๆแล้ว ถ้าเรามองย้อนดูตัวเรา เราเป็นคนอย่างนี้ได้ ชอบอย่างนี้ได้ เลือกปฎิบัติอย่างนี้ได้ ส่วนนึง มาจากพื้นฐานสิ่งรอบตัวที่เราเจอมา จดจำ และหล่อหลอมทีละน้อย จนเป็นตัวเราในปัจจุบน มีคนคอยสอนคอยบอก คอยสั่งให้แยกแยะสิ่งใดดี หรือไม่ดี สอนให้รู้จักการให้ สอนให้ละอายใจในสิ่งที่ไม่เหมาะไม่สมควร เด็กรุ่นใหม่มีนิสัยที่แปลก และเลือกที่จะทำสิ่งที่ผู้ใหญ่หลากคนมองว่าไม่เหมาะสม ไม่มีความละอาย ส่วนนึง ความผิดอาจอยู่ที่คนดูแลที่สอนให้เค้าเคยชินกับการรับ ไม่ใช่การให้ ชินกับความสมหวัง ไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อยกับความผิดหวัง ชินกับการมั่นใจในตัวเอง จนลืมละอายกับสายตาคนอื่นที่มอง เด็กรุ่นใหม่ที่มีคนคอยแนะนำสั่งสอนที่ดี และยิ่งบวกกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยในยุคนี้ เค้าจะเป็นคนที่พอดีมากๆสำหรับโลกใบนี้เพราะวัฒนธรรมที่ดีของไทย อุปนิสัยอย่างคนไทย รวมเข้ากับความก้าวหน้าของโลกสมัยใหม่ เค้าจะเป็นคนที่สมดุลที่สุด แต่ถ้าในทางกลับกัน เด็กที่โตมาอย่่างคนที่โดนแลี้ยงมาด้วยความรักที่ผิดๆเค้าจะเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยไม่ในทางที่ผิดด้วย เตือนคนที่คนกำลังต้องดูแลเด็กที่จะเป็นรุ่นต่อไป รักเค้าให้ถูกทาง ถูกวิธี การตามใจและให้สมหวัง ปกป้องเค้าทุกทางไม่ให้ได้รับความเจ็บปวด ไม่ใช่การเลี้ยงที่ถูกต้อง เป็นการทำร้ายเค้าด้วยความรักของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว
1331 <Thipvipha@hotmail.com>
- Wednesday, February 02, 2005 at 11:45:54 (EST)
ได้อ่านข้อความแสดงความคิดเห็นซึ่งมีหลายๆมุมมอง แต่เห็นด้วยกับคุณ ชาญชัย บุณยวรรณ เรื่องที่ว่า เวลาเกิดปัญหาขึ้นเรามักจะบอกว่าเด็กเรื่องสิ่งไม่ดีเข้ามาในชีวิตเค้าเอง แต่จริงๆแล้ว ถ้าเรามองย้อนดูตัวเรา เราเป็นคนอย่างนี้ได้ ชอบอย่างนี้ได้ เลือกปฎิบัติอย่างนี้ได้ ส่วนนึง มาจากพื้นฐานสิ่งรอบตัวที่เราเจอมา จดจำ และหล่อหลอมทีละน้อย จนเป็นตัวเราในปัจจุบน มีคนคอยสอนคอยบอก คอยสั่งให้แยกแยะสิ่งใดดี หรือไม่ดี สอนให้รู้จักการให้ สอนให้ละอายใจในสิ่งที่ไม่เหมาะไม่สมควร เด็กรุ่นใหม่มีนิสัยที่แปลก และเลือกที่จะทำสิ่งที่ผู้ใหญ่หลากคนมองว่าไม่เหมาะสม ไม่มีความละอาย ส่วนนึง ความผิดอาจอยู่ที่คนดูแลที่สอนให้เค้าเคยชินกับการรับ ไม่ใช่การให้ ชินกับความสมหวัง ไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อยกับความผิดหวัง ชินกับการมั่นใจในตัวเอง จนลืมละอายกับสายตาคนอื่นที่มอง เด็กรุ่นใหม่ที่มีคนคอยแนะนำสั่งสอนที่ดี และยิ่งบวกกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยในยุคนี้ เค้าจะเป็นคนที่พอดีมากๆสำหรับโลกใบนี้เพราะวัฒนธรรมที่ดีของไทย อุปนิสัยอย่างคนไทย รวมเข้ากับความก้าวหน้าของโลกสมัยใหม่ เค้าจะเป็นคนที่สมดุลที่สุด แต่ถ้าในทางกลับกัน เด็กที่โตมาอย่่างคนที่โดนแลี้ยงมาด้วยความรักที่ผิดๆเค้าจะเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยไม่ในทางที่ผิดด้วย เตือนคนที่คนกำลังต้องดูแลเด็กที่จะเป็นรุ่นต่อไป รักเค้าให้ถูกทาง ถูกวิธี การตามใจและให้สมหวัง ปกป้องเค้าทุกทางไม่ให้ได้รับความเจ็บปวด ไม่ใช่การเลี้ยงที่ถูกต้อง เป็นการทำร้ายเค้าด้วยความรักของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว
1331 <Thipvipha@hotmail.com>
- Wednesday, February 02, 2005 at 11:43:52 (EST)
วัยรุ่นไทยยุคนี้มีความมั่นใจในตัวเองสูงซึ่งเป็นลักษณ์ที่ดี แต่ที่เป็นปัญหาในสังคมในตอนนี้คือวัยรุ่นขาดความยั้งคิดมักทำอะไรตามใจตนเองไม่สนใจความถูกต้อง เหตุผลก็อาจมาจากหลากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่นเด็กแยกตัวออกมาอยู่หอพักไม่มีผู้ปกครองคอยให้คำแนะนำ เพื่อนชักชวนเลยตามเพื่อน ทำตามกระแสนิยม
เคยได้ยินได้ฟังถึงการเลี้ยงลูกให้ถูกต้องของนักวิชาการว่า ควรให้เด็กแสดงความคิดเห็น ให้เด็กมีอิสระในความคิดอย่าไปห้ามเขา อย่าดุอย่าว่าอย่าตี ทุกอย่างอย่าหมด ทำให้ดูเหมือนวิธีการเลี้ยงของคนสมัยก่อนที่ว่า รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตีใช้ไม่ได้กับเด็กสมัยนี้เป็นการกดดันเด็กไป พ่อแม่ไม่กล้าสังสอนลูกกลัวลูกต่อต้าน ทำให้ลูกเมื่อโตเป็นวัยรุ่นไม่มีพื้นฐานการใช้ชีวิตที่ดีหลงมัวเมาอยู่กับสิ่งยั้วยวนต่าวๆ ทำอะไรไม่สนใจผู้คนรอบข้างไม่สนใจสังคม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สนใจการเรียนมองว่าการใช้ชีวิตการใช้ชีวิตที่เป็นจิงเป็นเรื่องสำคัญ แต่ไม่ได้คิดถึงว่าหากขาดรากฐานด้านการศึกษาแล้วหลักเกณฑ์ที่จะนำไปใช้เป็นแนวทางของการใช้ชีวิตจริงก็จะไม่มี เนื่องจากว่าการศึกษาช่วยให้คนมีความคิดมีความรับผิดชอบ แต่หากไม่มีพื้นฐานที่สำคัญที่สุดก็คือการปลูกฝังนิสัยที่ดีมาแต่แรกแล้วมามีการศึกษาที่ดีอย่างไรก็ช่วยไม่ได้
วัยรุ่นยุกนี้ชอบเอาอย่างในละครทำตัวใช้ชีวิตเหมือนในละครชอบเที่ยวชอบกินชอบใช้ของแพงซึ่งลืมคิดไปว่าพ่อแม่ที่อยู่ข้างหลังทำงานหาเงินให้ใช้ไม่ใช่ทีมงานสร้างละครจะได้มีเงินสนับสนุนจากสินค้ายี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้มาให้ใช้สร้างความฝันให้ลูกอย่างง่ายดาย
ขณะนี้คนรุ่นผมวัย 28 ปี ไม่ทราบว่าคิดอย่าผมหรือเปล่า ทุกเช้าไปทำงานจะพบนักเรียนนักศึกษาแต่งตัวแปลกๆทำผมแปลกๆเช่น ผู้หญิงใส่เสื้อตัวเล็กกลัดกระดุมแทบไม่ได้และทั้งผู้ชาย-ผู้หญิงปล่อยผมยาวฟูเหมือนไม่เคยหวีไม่เคยสะไปเรียนเหมือนไม่ให้ความเคารพสถาบันที่ไปเรียนเลย ครูอาจารณ์มองไม่เห็นหรืออย่างไรไม่ทราบ ดูแล้วขัดกับความรู้ศึกมาก บ้างก็ขึ้นรถโดยสารแล้วคุยกันเสียงดังเหมือนไม่มีผู้โดยสารคนอื่นอยู่บนรถเลยทั้งยังคุยในเรื่องที่ไม่เหมาะสมที่จะมาคุยในที่สาธรณะ บางก็ไม่จ่ายค่าโดยสารซะอย่างนั้น
นี่หรืออนาคดของชาติที่ฝากไว้กับวัยรุ่นไทยยุค 2000 ท่าทางจะไม่สดใส
วุฒิ สุขศรีทอง <wute@totonline.net>
- Friday, November 07, 2003 at 15:47:04 (EST)
วัยรุ่นยุค 2000 เดินตามกระแสสังคมที่ผู้ใหญ่ประเคนให้
sky blue <amoxy@yahoo.com>
- Sunday, September 28, 2003 at 12:14:54 (EDT)
ไม่มีเหตุผล
love bua <ghostreconsexy@kotmail.com>
- Wednesday, September 03, 2003 at 23:19:23 (EDT)
ในฐานะที่ข้าพเจ้าก็เป็นวัยรุ่นยุคใหม่นี้กับเขาเหมือนกันเลยอยากแสดงความคิดเห็น อันมาจากมุมมองของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดว่าวัยรุ่นยุคนี้กับยุคก่อนๆหน้านี้ก็เหมือนกัน ในด้านของสังคม ความคิด และการแสดงออก แต่ในยุคนี้การสื่อสารรวดเร็ว สามารถเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันได้ง่าย ดังนั้นจึงดูเหมือนกับ วัยรุ่นยุคนี้กระทำตัวอันไม่น่าเหมาะสม แต่หากมองย้อนไปในอดีตแล้วพื้นฐานมันก็เหมือนๆกัน ข้าพเจ้าพยามยามจะบอกว่า นิสัยโดยพื้นฐานของคนไทยนั่นมักจะชอบสบายไม่คัดคืนแต่กระทำให้กลมกลืน อยู่ได้อย่างอยากที่ๆอื่นในโลกจะมีได้ และนิสัยอันนี้นี้เองที่เป็นตัวเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตของคนยุคใหม่ ก็เหมือนกับภาษาเมื่อเราใช้ภาษาเรา โดยที่ไม่มีการติดต่อกับภาษาอื่นเราก็มีภาษาเดียวเป็นของแท้จริงเมื่อมีการติดต่อกัน ภาษายิ่งมากการวิวัฒนาการของภาษาก็เกิดขึ้น ก็เหมือนกับที่สังคม(โดยเฉพาะสื่อ)มองวัยรุ่นในยุคสมัยนี้ ข้าพเจ้าคิดเห็นว่าการจะมองใครนั่นเป็นสิทธิ์อันกระทำได้ แต่หากมองโดยเอาส่วนใหญ่ในมุมมองนั่นตัดสิน บุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง การดูบุคคลควรดูเป็นรายๆไป หากทำใจเปิดรับสิ่งใหม่ ทำใจเป็นกลาง รับเอาความคิดมาพิจรณาเราจะพบว่ามันไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยในทางความคิดอันสับสนวุ่นวายของสังคมไทย(ที่เลอะมาตั่งแต่ไหนแต่ไร)เมื่อดูดีๆมันก็เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงอันไดเลย หรือไครมีความคิดที่ต่างออกไปก็มาพูดคุยกันได้นะครับ
ติ
อานุรัก บำรุงหมู่ <anurak476@hotmail.com>
- Wednesday, September 03, 2003 at 02:56:44 (EDT)
ในฐานะที่ข้าพเจ้าก็เป็นวัยรุ่นยุคใหม่นี้กับเขาเหมือนกันเลยอยากแสดงความคิดเห็น อันมาจากมุมมองของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดว่าวัยรุ่นยุคนี้กับยุคก่อนๆหน้านี้ก็เหมือนกัน ในด้านของสังคม ความคิด และการแสดงออก แต่ในยุคนี้การสื่อสารรวดเร็ว สามารถเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันได้ง่าย ดังนั้นจึงดูเหมือนกับ วัยรุ่นยุคนี้กระทำตัวอันไม่น่าเหมาะสม แต่หากมองย้อนไปในอดีตแล้วพื้นฐานมันก็เหมือนๆกัน ข้าพเจ้าพยามยามจะบอกว่า นิสัยโดยพื้นฐานของคนไทยนั่นมักจะชอบสบายไม่คัดคืนแต่กระทำให้กลมกลืน อยู่ได้อย่างอยากที่ๆอื่นในโลกจะมีได้ และนิสัยอันนี้นี้เองที่เป็นตัวเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตของคนยุคใหม่ ก็เหมือนกับภาษาเมื่อเราใช้ภาษาเรา โดยที่ไม่มีการติดต่อกับภาษาอื่นเราก็มีภาษาเดียวเป็นของแท้จริงเมื่อมีการติดต่อกัน ภาษายิ่งมากการวิวัฒนาการของภาษาก็เกิดขึ้น ก็เหมือนกับที่สังคม(โดยเฉพาะสื่อ)มองวัยรุ่นในยุคสมัยนี้ ข้าพเจ้าคิดเห็นว่าการจะมองใครนั่นเป็นสิทธิ์อันกระทำได้ แต่หากมองโดยเอาส่วนใหญ่ในมุมมองนั่นตัดสิน บุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง การดูบุคคลควรดูเป็นรายๆไป หากทำใจเปิดรับสิ่งใหม่ ทำใจเป็นกลาง รับเอาความคิดมาพิจรณาเราจะพบว่ามันไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยในทางความคิดอันสับสนวุ่นวายของสังคมไทย(ที่เลอะมาตั่งแต่ไหนแต่ไร)เมื่อดูดีๆมันก็เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงอันไดเลย หรือไครมีความคิดที่ต่างออกไปก็มาพูดคุยกันได้นะครับ
ติ
อานุรัก บำรุงหมู่ <anurak476@hotmail.com>
- Wednesday, September 03, 2003 at 02:55:32 (EDT)
ในฐานะที่ข้าพเจ้าก็เป็นวัยรุ่นยุคใหม่นี้กับเขาเหมือนกันเลยอยากแสดงความคิดเห็น อันมาจากมุมมองของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดว่าวัยรุ่นยุคนี้กับยุคก่อนๆหน้านี้ก็เหมือนกัน ในด้านของสังคม ความคิด และการแสดงออก แต่ในยุคนี้การสื่อสารรวดเร็ว สามารถเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันได้ง่าย ดังนั้นจึงดูเหมือนกับ วัยรุ่นยุคนี้กระทำตัวอันไม่น่าเหมาะสม แต่หากมองย้อนไปในอดีตแล้วพื้นฐานมันก็เหมือนๆกัน ข้าพเจ้าพยามยามจะบอกว่า นิสัยโดยพื้นฐานของคนไทยนั่นมักจะชอบสบายไม่คัดคืนแต่กระทำให้กลมกลืน อยู่ได้อย่างอยากที่ๆอื่นในโลกจะมีได้ และนิสัยอันนี้นี้เองที่เป็นตัวเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตของคนยุคใหม่ ก็เหมือนกับภาษาเมื่อเราใช้ภาษาเรา โดยที่ไม่มีการติดต่อกับภาษาอื่นเราก็มีภาษาเดียวเป็นของแท้จริงเมื่อมีการติดต่อกัน ภาษายิ่งมากการวิวัฒนาการของภาษาก็เกิดขึ้น ก็เหมือนกับที่สังคม(โดยเฉพาะสื่อ)มองวัยรุ่นในยุคสมัยนี้ ข้าพเจ้าคิดเห็นว่าการจะมองใครนั่นเป็นสิทธิ์อันกระทำได้ แต่หากมองโดยเอาส่วนใหญ่ในมุมมองนั่นตัดสิน บุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง การดูบุคคลควรดูเป็นรายๆไป หากทำใจเปิดรับสิ่งใหม่ ทำใจเป็นกลาง รับเอาความคิดมาพิจรณาเราจะพบว่ามันไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยในทางความคิดอันสับสนวุ่นวายของสังคมไทย(ที่เลอะมาตั่งแต่ไหนแต่ไร)เมื่อดูดีๆมันก็เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงอันไดเลย หรือไครมีความคิดที่ต่างออกไปก็มาพูดคุยกันได้นะครับ
ติ
อานุรัก บำรุงหมู่ <anurak476@hotmail.com>
- Wednesday, September 03, 2003 at 02:54:45 (EDT)
ในฐานะที่ข้าพเจ้าก็เป็นวัยรุ่นยุคใหม่นี้กับเขาเหมือนกันเลยอยากแสดงความคิดเห็น อันมาจากมุมมองของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดว่าวัยรุ่นยุคนี้กับยุคก่อนๆหน้านี้ก็เหมือนกัน ในด้านของสังคม ความคิด และการแสดงออก แต่ในยุคนี้การสื่อสารรวดเร็ว สามารถเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันได้ง่าย ดังนั้นจึงดูเหมือนกับ วัยรุ่นยุคนี้กระทำตัวอันไม่น่าเหมาะสม แต่หากมองย้อนไปในอดีตแล้วพื้นฐานมันก็เหมือนๆกัน ข้าพเจ้าพยามยามจะบอกว่า นิสัยโดยพื้นฐานของคนไทยนั่นมักจะชอบสบายไม่คัดคืนแต่กระทำให้กลมกลืน อยู่ได้อย่างอยากที่ๆอื่นในโลกจะมีได้ และนิสัยอันนี้นี้เองที่เป็นตัวเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตของคนยุคใหม่ ก็เหมือนกับภาษาเมื่อเราใช้ภาษาเรา โดยที่ไม่มีการติดต่อกับภาษาอื่นเราก็มีภาษาเดียวเป็นของแท้จริงเมื่อมีการติดต่อกัน ภาษายิ่งมากการวิวัฒนาการของภาษาก็เกิดขึ้น ก็เหมือนกับที่สังคม(โดยเฉพาะสื่อ)มองวัยรุ่นในยุคสมัยนี้ ข้าพเจ้าคิดเห็นว่าการจะมองใครนั่นเป็นสิทธิ์อันกระทำได้ แต่หากมองโดยเอาส่วนใหญ่ในมุมมองนั่นตัดสิน บุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง การดูบุคคลควรดูเป็นรายๆไป หากทำใจเปิดรับสิ่งใหม่ ทำใจเป็นกลาง รับเอาความคิดมาพิจรณาเราจะพบว่ามันไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยในทางความคิดอันสับสนวุ่นวายของสังคมไทย(ที่เลอะมาตั่งแต่ไหนแต่ไร)เมื่อดูดีๆมันก็เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงอันไดเลย หรือไครมีความคิดที่ต่างออกไปก็มาพูดคุยกันได้นะครับ
ติ
อานุรัก บำรุงหมู่ <anurak476@hotmail.com>
- Wednesday, September 03, 2003 at 02:54:23 (EDT)
พอรปพอฤ๊พอฤ๊พอรป
ตฤธ๖ธ๖กฎ
- Tuesday, July 29, 2003 at 00:24:48 (EDT)
วัยรุ่นปัจจุบันในความเห็นของข้าพเจ้านั้นมองว่ารักอิสระ มีความมั่นใจในตัวเองค่อนข้างมาก ซึ่งก็พัฒนาไปตามยุคสมัยพร้อมกับความเสื่อมถอยในหลายๆ ด้าน คิดว่าทุกท่านก็คงจะมองเห็นมาแล้วบ้างไม่มากก็น้อย อันดับแรกที่ข้าพเจ้าคิดว่าใช่ ก็คือการออกสู่สังคมที่กว้างกว่าในโรงเรียน พบปะบุคคลที่ต่างไปจากเดิมทั้งในเรื่องอายุ เพศ การศึกษา นิสัย การได้รู้จักกับอะไรที่พ่อ แม่ ไม่เคยสอนหรือไม่เคยพบเห็น
อันดับที่ 2 เรื่องมารยาท กาละเทศะ ที่เด็กทุกคนควรจะรักษาไว้ และปฎิบัติ แต่กลับพบแต่ความก้าวร้าว ไม่แยกแยะ แม้แต่กับผู้ให้กำเนิดที่เลี้ยงดูมาจนเติบโต
อันดับที่ 3 คงไม่พ้นเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่เหมือนอาหารจานด่วน ไม่มีความรัก ความเหมาะสม และความถูกต้อง
ทั้ง 3 หัวข้อที่ยกมาล้วนสัมพันธ์ทั้งสิ้น เด็กทุกวันนี้เริ่มทำตัวไม่เหมาะสมตั้งแต่ชั้นประถมกันแล้ว ทุกอย่าง เริ่มจากการคบเพี่อน จริงๆ แล้วจะโทษเพื่อนทีเดียวก็ไม่ถูก ต้องว่าที่ตัวเรา จะทำหรือไม่ทำมันขึ้นอยู่ที่เราเท่านั้นแหละจะอ้างว่าครอบครัวมีปัญหา พ่อแม่แยกทางกัน หรือทะเลาะกันทุกวัน มันก็เรื่องของผู้ใหญ่ เรามีหน้าที่เรียนก็เรียนไป เพราะเราเองก็ช่วยอะไรไม่ได้ หรือพ่อแม่ทำงานไม่มีเวลาให้เลย ไม่ค่อยเจอกัน มันก็ฟังขึ้นซะที่ไหน ไม่รู้หรือว่าข้าวที่กินต้องซื้อมา กางเกง ของเล่น ทุกอย่างต้องใช้เงินซื้อทั้งนั้น เราไม่เจอ เราอยู่ที่บ้านเราก็อ่านหนังสือ ฟังเพลง ทำกิจกรรมอะไรก็ได้ ที่เราชอบ ไม่จำเป็นต้องออกไปมั่วสุมกันข้างนอกยามวิกาล ลองใช้สมองคิดหน่อยสิว่า พ่อแม่ทำเพื่อเราให้เราได้มีกินมีใช้ มีอย่างที่เพื่อนมีโดยไม่น้อยหน้า แล้วถ้าไม่มีล่ะ ก็อายอีก รุ้สึกว่าจะมีปัญหามากเหลือเกิน แล้วที่ไปจับกลุมกันตามสถานบันเทิง เสพยา มั่วเซ็กส์ ตีกัน เพราะเราอยากจะทำ อยากจะไปเอง เราชอบเอง จริงมั้ย (เก็บไว้ในใจ) มีคนไม่มากนักหรอกที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ ไม่ต้องการ
ยอมรับเถอะวัยรุ่นเอ๋ย ว่าเรารักที่จะชั่ว และพวกเราชาวทีนส่วนใหญ่เลือกเอง ทำตัวเองที่จะให้วัยรุ่นยุคนี้เป็นแค่เศษคน
ไม่รู้ว่ากลัวจะมีลูกช้าไม่ทันใช้หรืออะไร ถึงได้รีบสมสู่กันนัก บางคนก็ยังทำตัวเป็นของสาธารณะซะอีก จะเอาไปใช้งานเมื่อไหร่ก็ได้ อยากจะรู้จริงๆ ว่าถ้ามีชีวิตรอดไปจนถึงการมีครอบครัวที่สมบูรณ์ (ถ้าโชคดี) จะเล่าเรื่องสมัยเด็ก ๆ ของพ่อ แม่ ให้ลูกฟังว่าอย่างไร และถ้าโชคดีกว่านี้ ลูกๆ ทำตัวเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย จะยินดีมากขนาดไหน ?
mew
- Saturday, February 22, 2003 at 15:44:22 (EST)
วัยรุ่นคือวัยแห่งพัฒนาการในทุกด้าน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำคือตัวอย่าง มีความเป็นตัวของตัวเองและมีอิสระทางด้านความคิดค่อนข้างสูง
คีตะ <char.program@hunsa.com>
- Sunday, February 09, 2003 at 23:25:21 (EST)
สื่อเป็นส่วนที่สำคัญในการนำเสนอสิ่งต่างๆให้เด็กได้รับรู้ ความเข้าใจของพ่อ แม่มีส่วนสำคัญ โดยเฉพาะสื่อในบ้านเราเสนอแต่สิ่งที่เรียกว่า Low Level เพื่อนที่เป็นคนฝรั่งเศสมาเห็น เค้าบอกทำไม TV เมืองไทยนำเสนอแต่สิ่งที่ไร้สาระ ลองพิจารณาดูแล้วกันนะครับ
gg <theerasuk44133001@hotmail.com>
- Monday, January 06, 2003 at 21:45:38 (EST)
**จิตสำนึกของคนมีไม่เท่ากันพี่น้องคลานตามหลังกันมายังไม่เหมือนกัน อันนี้ขึ้นอยู่กับความโชคดีหรือโชคร้ายของพ่อแม่ ที่เบ่งออกมาส่งเสียเลี้ยงดู
ถ้าโตมาสำนึกใด้ก็ตอบแทนบุญ
ดูแลสนใจ
แต่ถ้าสำนึกไม่ได้ก็หลงไปในวิถีทางของตัว โดยไม่รู้ตัวหรอกว่าที่ตัวเองทำนั้นไม่ถูกต้อง ก็ขอภาวนาให้คนเป็นพ่อเป็นแม่คนจงเข็มแข็งถึงจะมีลูกก็อย่าไปหวังว่าจะพึ่งอะไรเขามาก ให้พึ่งตัวเองใว้ให้ได้ ดีที่สุด
อลิศรา อุปลา <noknoyfreedom@hotmail.com>
- Tuesday, December 17, 2002 at 22:39:46 (EST)
...เป็นเด็กที่เคยเที่ยวมาบ้าง แต่ไม่ชอบเที่ยวแบบเป็นชีวิตจิตใจ แต่เพื่อนรุ่นเดียวกันที่เห็นดูแล้วน่ากลัวมากเกี่ยวกับ การสูบบุหรื่แค่อายุไม่ถึง20ปี ก็กล้าสูบ คุณค่าของเด็กไทยยิ่งดูแล้วยิ่งเสื่อมลง
ฝ้าย ธนวดี <f_a_y_e_faye@hotmail.com>
- Sunday, November 24, 2002 at 07:02:33 (EST)
มีเพียงผู้ใหญ่เท่านั้นที่กำหนด ผู้ใหญ่ต้องการเงินเพียงตัวเดียวเท่านั้น ที่เปิดโอกาสให้เด็กได้เห็นได้ลองได้คิด ทุกอย่างเป็นดาบสองคมทั้งนั้น ทีวีสื่ออะไรต่างๆ ที่ผู้ใหญ่ควบคุมสื่ออยู่ทุกวันนี้คืออะไรไม่ใช่เพราะเงินหรือครับ อย่ามาใช้คำว่า ต้องปลูกฝังเยาวชน ผมว่าน่าจะปลูกฝังผู้ใหญ่มากกว่านะครับ ก็เพราะผู้มีอำนาจบทบาททั้งประเทศ ทำไมคุณผู้ใหญ่จะทำไม่ได้ อย่าปัดสวะไปให้เด็กเลยครับ
joe
- Tuesday, October 22, 2002 at 01:35:37 (EDT)
วัยรุ่นสมัยนี้หมกมุ่นเรื่องเพศมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะระดับมัธยม ลองไปอ่านรอยจารึกด้วยวิธีการต่าง ๆ บนโต๊ะเรียนของโรงเรียนกรมสามัญซิครับ บางโต๊ะเขียนจนอ่านแทบไม่ลง น่าจะลองทำวิจัยเรื่องนี้ดูบ้างครับว่า ถ้าสุ่มเอาความคิดลามกที่ปรากฏบนโต๊ะเรียนจะมีวัยรุ่นที่ป่วยหนักทางจิตสักกี่เปอร์เซนต์
เฉลิมเกียรติ ขุนทองเพชร <c_ktp@se-ed.net>
- Monday, September 16, 2002 at 19:50:40 (EDT)
วัยรุ่นสมัยนี้หมกมุ่นเรื่องเพศมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะระดับมัธยม ลองไปอ่านรอยจารึกด้วยวิธีการต่าง ๆ บนโต๊ะเรียนของโรงเรียนกรมสามัญซิครับ บางโต๊ะเขียนจนอ่านแทบไม่ลง น่าจะลองทำวิจัยเรื่องนี้ดูบ้างครับว่า ถ้าสุ่มเอาความคิดลามกที่ปรากฏบนโต๊ะเรียนจะมีวัยรุ่นที่ป่วยหนักทางจิตสักกี่เปอร์เซนต์
เฉลิมเกียรติ ขุนทองเพชร <c_ktp@se-ed.net>
- Monday, September 16, 2002 at 19:50:08 (EDT)
ยุคสมัยเปลี่ยนไปทำให้วัยรุ่นไทยกล้าที่จะทำและแสดงออกมากขึ้น แต่อยากให้เลือกทำแต่สิ่งที่ดีดีอย่าให้ใครมองเราเป็นตัวปัญหาในสังคมนะจ๊ะ
applepc
- Friday, August 02, 2002 at 22:20:26 (EDT)
วัยรุ่นไทยสมัยนี้เรียกว่าเละเทะค่ะ มีหัวแต่ไม่มีสมอง คิดอยากแต่ทะเท่ตามแบบต่างประเทศแต่ไม่รู้ว่าอะไรเหมาะอะไรควรกับสังคมไทย สิ่งดี ๆ ของต่างประเทศไม่รับ ไปรับเอาแต่เรื่องแย่ ๆ แบบขาดสามัญสำนึก วัยรุ่นไทยคงหาสไตล์ตัวเองไม่ได้หรอกค่ะ ตราบเท่าที่ยังรอแต่เลียนแบบคนอื่น
สมองกลวง
- Thursday, August 01, 2002 at 13:10:34 (EDT)
สังคมวัยรุ่นไทยสมัยนี้เรียกว่าเละเทะค่ะ มีหัวแต่ไม่มีสมอง อยากลอกเลียนแบบต่างประเทศคิดว่าทำแล้วเท่ สิ่งที่ดี ๆ ของต่างประเทศเค้ามีเยอะแยะไม่ลอกเลียนแบบ ดันไปรับเอาแต่สิ่งที่แย่ ๆ ตามหนังตามทีวี ยากค่ะที่วัยรุ่นไทยจะมีสไตล์เป็นของตัวเอง เพราะคิดเองไม่เป็น ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะแก้ไขอย่างเพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับสามัญสำนึกความรับผิดชอบชั่วดีของแต่ละคน การจัดระเบียบสังคมถ้าไม่ยกเลิกไปก็คงช่วยบ้างนิดหน่อยมั๊งค่ะ
สมองกลวง
- Thursday, August 01, 2002 at 13:05:49 (EDT)
สังคมวัยรุ่นไทยสมัยนี้เรียกว่าเละเทะค่ะ มีหัวแต่ไม่มีสมอง อยากลอกเลียนแบบต่างประเทศคิดว่าทำแล้วเท่ สิ่งที่ดี ๆ ของต่างประเทศเค้ามีเยอะแยะไม่ลอกเลียนแบบ ดันไปรับเอาแต่สิ่งที่แย่ ๆ ตามหนังตามทีวี ยากค่ะที่วัยรุ่นไทยจะมีสไตล์เป็นของตัวเอง เพราะคิดเองไม่เป็น ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะแก้ไขอย่างเพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับสามัญสำนึกความรับผิดชอบชั่วดีของแต่ละคน การจัดระเบียบสังคมถ้าไม่ยกเลิกไปก็คงช่วยบ้างนิดหน่อยมั๊งค่ะ
สมองกลวง
- Thursday, August 01, 2002 at 13:05:13 (EDT)
เด็กเดี๋ยวนี้ เปราะบางทางด้านความคิดขาดความอดทนไช้สมองนอ้ยมาก
มานพ นลศิริ <greendragon>
- Sunday, July 28, 2002 at 12:04:33 (EDT)
ก็หยั่งงี้แหละ อยู่ประเทศโลกที่สามทำไงได้ วัยรุ่นบ้านเราก็หัวอ่อน Tv ก็มีแต่รายการที่ไร้สาระเสนอแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ ผมเคยดูรายการนึงนานแล้วจำชื่อไม่ได้ ฉายตอนเช้าวันเสาร์ รายการของพวกค่ายเพลงใหญ่ๆ อยู่ดีๆ ก็ให้พิธีกรมาแนะนำว่า แฟชั่นไหน In แฟชั่นไหน Out
แล้วเด็กที่นั่งดูอยู่จะทำอย่างไร ต้องทำตามรายการหรือเปล่า เพราะเดี๋ยวเสื้อผ้าที่มีอยู่จะไม่ตามแฟชั่น โธ่เว้ย ทำไมคิดอะไรอย่างงี้ออกมา แย่จัง
jane Karnjanamayoon <the_end055@hotmail.com>
- Thursday, July 18, 2002 at 16:01:00 (EDT)
ุสื่อ เป็นสิ่งสำคํญมาก สำหรับวัยรุ่นไทย คือเราเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา การรับสื่อมาจากประเทศที่พัฒนาแล้วทำให้วัยรุ่น รับเอาวัฒนธรรมนั้นมา ดันตัวเองขึ้นไปเพื่อจะให้ทัดเทียมให้ใด้ เพราะคิดว่าทันสมัย โก้เก๋ โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสม ในสังคมไทย และสภาวะเศรษฐกิจ ( ยกตัวอย่างเช่น ทำไมวัยรุ่นบางคนต้องเปลี่ยนมือถือบ่อยๆ เมื่อมีรุ่นใหม่เข้ามา ทั้งๆที่ของเก่ายังใช้ได้ ) มันเป็นเรื่องที่ยากอธิบาย ถ้าในความเห็นของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะสรุปว่า
*** คนที่มีความคิด
เขาจะทำอะไรมีเหตุผล
แต่สำหรับคนที่ข้างใน*กลวง*
ก็ต้องลอกเลียนแบบคนอื่น
ไปเรื่อยๆ
อนาคต เด็กไทยก็ไม่พ้นล้าหลัง เพราะตามเขาไง ตามแฟชั่น ไม่มีเอกลักษณ์ ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง สมองก็*กลวง*อยู่อย่างนั้น หมดอนาคตสร้างชาติ
อลิสรา อุปลา
- Wednesday, July 10, 2002 at 07:12:47 (EDT)
ไม่อยากให้ทุกคนมองว่าวัยรุ่นสมัยนี้แย่ไปทั้งหมดเลยคะ ส่วนที่แย่ก็มีแต่คงไม่ใช่ทั้งหมด อยากถามว่าถ้าคุณเกิดมาเป็นเด็กในยุคนี้ คุณแน่ใจหรือไม่ว่าคุณจะไม่เป็นอย่างวัยรุ่นในปัจจุบัน สังคมมันเปลี่ยนไปจากสมัยก่อนมากนะคะ ทำอย่างไรดีค่ะให้วัยรุ่นมีความคิดเป็นของตัวเอง และเห็นว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนไม่ดี
ศิริลักษณ์ อังควัฒนะพงษ์ <s__aung@hotmail.com>
- Friday, June 28, 2002 at 04:43:18 (EDT)
รู้อย่างเดียวว่าตอนนี้ผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัวทำตัวชั่วและเลวมีมากเกินไป
ไ <ไ>
- Thursday, April 25, 2002 at 04:26:15 (EDT)
ความล่อแหลมของสื่อ..คือสิ่งเร้าใจที่ยั่วยุให้เยาวชนรุ่นใหม่มีความต้องการมากขึ้น รวมทั้งโอกาสที่เอื้ออำนวย อย่าไปกล่าวโทษเด็กวัยรุ่นแต่เพียงประการเดียว ผู้ใหญ่ระดับปัญญชนที่มีหน้าที่ดูแลเด็กก็ยังกระทำกับเด็กเสีย ซึ่งข้าพเจ้าได้รับทราบมาหลายกรณี ยกตัวอย่างเช่น เด็กม. 4 มีแฟนอยู่ระดับเดียวกัน แต่แล้วก็มีครูหนุ่มเข้ามาเป็นอัตราจ้างใหม่ เด็กผู้หญิงได้มีโอกาสพิมพ์งานช่วยครูคนนี้ ต่อมาจึงนำงานไปส่งที่บ้านพักครูในโรงเรียน ด้วยเหตุที่ครูหนุ่มอยู่บ้านคนเดียว และเด็กอยากจะลองมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกก่อนไปปฏิบัติจริงกับแฟนนักเรียน เธอจึงยอมเป็นของครูหนุ่ม หนที่ 2 จึงพากันหาโอกาสไปสานต่อที่ห้องน้ำของโรงเรียนประถมฯ โดยอ้างว่าไปพิมพ์งานต่อ..
กรณีที่ 2 คือ เหตุเกิดที่ห้องคอมฯ เด็กผู้หญิงระดับม. ปลายไดรับมอบหมายให้ไปพิมพ์งานให้ และเนื่องจากห้องคอมฯ โรงเรียนเป็นห้องที่มิดชิด และเก็บอากาศ เก็บเสียง ดังนั้นจึงไม่ต่างอะไรกับห้องในที่รโหฐาน โอกาสก็เอื้ออำนวยให้ครูผู้ชายระดับผู้ช่วยฯได้คิดชั่วมีเพศสัมพันธ์กับเด็กสาวที่มีอายุใกล้เคียงกับบุตรสาวของตนเอง ดังนั้นจึงอยากให้ผู้ใหญ่ช่วยกันกวดขันและเอาใจใส่มากกว่านี้ โดยเฉพาะแวดวงแม่พิมพ์ของชาติ ก่อนเยาวชนใหญ่จะสิ้นความสดใสของวัยเยาว์ไปหมด เพราะนำมือของผู้ที่เธอเรียกว่า "ครู"
นัฐริกา บัณฑุกัมพล "คนเคยเป็นครู" <bb_Nattharika@yahoo.com>
- Thursday, April 04, 2002 at 03:14:32 (EST)
ผมคิดว่าได้เวลาที่ผู้ใหญ่ต้องทำมากกว่าคิดแล้วเพราะเรามัวแต่คิดแต่กลับทำน้อยมาก และต้องมทำให้ต่อเนื่องและจริงจังด้วย
วิกรม วงค์ศรี <siteak_chingmai@thaimail.com>
- Thursday, February 14, 2002 at 11:22:15 (EST)
ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงนี้มันลึกซึ้งกว่าที่คิด การที่ประเทศ อัน ประกอบไปด้วย หย่วย่อย สถาบัน วัฒนธรรม จน เป็น รัฐขึ้นมาได้นั้น เป็นเรื่องที่เราสามารถสร้าง หรือ เลือกรับเอา แต่ ความเป็นจริงที่เป็นอยู่คือ ประเทศไทย ได้เอาระบบเศรษฐกิจ และการเมือง เข้าผูกพัน เป็นส่วนหนึ่ง ของ โลก แล้ว ดังนั้น วิธีการคิด จึง เป็น ไป แบบที่ ประเทศ ศูนย์กลางการเมืองเป็นอยู่
เราเชื่อในระบบเศรษฐกิจแบบค้ากำไร เชื่อในการสะสมของเอกชน ว่าเป็นสิ่งที่ใช้ได้ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง โดยมิได้สำเหนียกถึง ความพอดี ปัญหาที่เกิดขึ้น ก็ ไม่อาจแก้อะไรได้ แม้แต่ ประเทศที่เป็นศูนย์กลางความเจริญก็ตามที
ในฐานะที่มนุษย์เป็นสัตว์สังคม อยู่รวมตัวกัน ภายใต้อำนาจของรัฐ คนทุกคนก็คือ หน่วยย่อยของรัฐ เราจะเลือกแนวทางใดเป็นความชอบที่จะทำได้ แต่ปัจจุบัน ความเสื่อม ความล่มสลายของสังคม ปรากฎเค้า ให้เห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ หากพูดกันอย่างตรง ๆ ลัทธิ เศรษฐกิจการเมือง ที่เป็นอยู่ ได้สร้างควงามเสียหาย ถ้า จะหันหลังกลับมาเลือกสิ่งที่ตรงกันข้าม นั่น ก็ไม่ใช่คำตอบ อยู่ดี
สิ่งที่เป็นเรื่องดี ของแนวคิดตะวันออก โดยเฉพาะพุทธศาสนา ก็คือ เรื่อง ความพอดี พอเพียง แต่การศึกษา ไทย ไม่เคยชื้ให้เห็น ในข้อดีนี้เลย และหวังพึ่งอะไรไม่ได้กับสถาบันครอบครัวที่อ่อนแรงลงทุกขณะ
การศึกษาที่หวังมุ่งสร้างคน เพื่อไปแก้ปัญหาสังคม ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเองเลย เพราะการศึกษาเอง ก็ ต้องถูกตลาด กำหนดว่า ควรเปิดหลักสูตรแบบไหน เพื่อผลิต คนที่ตลาดต้องการ ในที่สุด การศึกษาก็กลายเป็นธุรกิจอย่างเต็มตัว แค่นี้ การพูดถึง การแก้ปัญหา ก็แทบ หมดหนทาง ซึ่ง ก็ ไม่อาจหวังเอาอะไร จากผู้ที่กำลงัเล่นกับเงินตรา หรือ ความสะดวกสบาย ที่คิดว่า เป็นเรื่องของปัจเจกชน ได้
รัฐเอง ก็กลายเป็นรัฐตลาดที่ไม่ต่างจากบริษัท โดยที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็นคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่กุมอำนาจและผลประโยชน์ของประเทศ
ที่เป็นเช่นนี้ เพราะพวกเขา มองไม่เห็น ความเสื่อม จึงเชื่อว่า ระบบระเบียบ ที่โลกตะวันตกสร้าง เป็นสิ่งดี ใช้ได้ แม้แต่เศรษฐศาสตร์ ที่พูดถึงเรื่องการจัดการทรัพยากร ก็ แททบไม่ต่างไปจาก ธุรกิจ เข้าทุกที
พุทธศาสนา สอนให้ใช้ปัญญาขบคิด และบัดนี้ ความเสื่อมก็ แสดงตัวให้เห็นแล้ว ควรที่เราจะพิจารณาถึง ความเป็นจริง เลือกวิถีชีวิตที่ถูกต้อง ด้วยตนเอง และพยายามบอกให้ผู้อื่น เห็น ความจริง เช่นนั้น
.
- Thursday, January 10, 2002 at 02:21:53 (EST)
คุณที่เป็นวัยรุ่นสาวๆ ในสมัยนี้ส่วนใหญ่มีการศึกษากันทั้งนั้น แต่ทำไมคุณแต่งเนื้อแต่งตัวแสนจะทุเรศ ดูแล้วเหมือน.....มากกว่าที่จะเป็นปัญญาชน แล้ววันข้างหน้าใครจะกล้าเอาคนแต่งตัวอย่างคุณมาเป็นคู่ควงละครับ ในเมื่อคุณแต่งตัวทุเรศทุรังอวดอะไรต่อมิอะไรให้ใครๆเขาดูกันอย่างทุกวันนี้ หัดมีสมองเสียบ้างสิคร๊าบบบ.. ยกตัวอย่างแถวๆหน้า ม.ช. แยกไม่ออกแล้วว่าใครคือนักศึกษา(ปัญญาชน) หรือใครคือคุณโสฯ
mr.rat maesariang
- Saturday, December 29, 2001 at 03:13:31 (EST)
เมื่อตอนผมเป็นวัยรุ่น ..ความคิดความอ่านมักจะอยากได้ทุก ๆ อย่างที่ตัวเองต้องการ ซึ่งมันก็คือ ต้องการผลที่หอมหวานมาสนองความต้องการตนเอง ซึ่งมันก็เป็นผลเสียตรงที่เราได้สิ่งที่ต้องการแล้ว กลับเกิดเหตุที่วัยรุ่นอย่างผมแก้ไม่ได้ เพราะผมไม่เคยเรียนรู้เรื่องเหตุเอาเสียเลย นี้ก็เป็นเหตุการจริงในหัวใจของผม และคิดว่าวะยรักวัยเรียนคงเป็นอย่างนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นคุณ หรือผู้ปกครองคนใดที่อยากจะให้บุตรของตัวเอง ต้องเผชิญชะตากรรม ออกนอกกรอบ ในสิ่งที่สังคมยอมรับ .
โจ อีสัน <Joesanth@yahoo.com>
- Saturday, December 22, 2001 at 02:21:41 (EST)
วัยรุ่นไทยสมัยนี้ ไม่มีความคิดที่จะแสดงออกในทางที่แตกต่างกับกระแสความนิยมไม่ว่าจะเป็นการแสดงออก หรือภาพลักษณ์ เลยทำให้เรามองว่าพวกเขาเป็นทาสของกระแสสังคม ซึ่งมันแตกต่างกับสมัยที่เราเป็นวัยรุ่นคือความคิดที่จะ ''ไม่ตามใคร" เพราะถ้าเพื่อนเราสร้างสิ่งใดขึ้นมา(สมมุติว่าแฟชั่นก็แล้วกัน)สักสิ่งหนึ่ง เราจะเริ่มคิดสร้างสิ่งที่ไม่เหมือนเพื่อนในทันทีเหมือนกัน(อายมาก ถ้าเราทำสิ่งที่เพื่อนๆมันกำลังทำกันอยู่)
นาย ชิตวร กันเนื่อง <k.chitworn@chaiyo.com>
- Saturday, December 15, 2001 at 04:06:39 (EST)
เด็กวัยรุ่นไทยยุคปัจจุปันกำลังหลงทางสาเหตุหลักคือการขาดความรักการเอาใจใส่ในครอบครัวและเป็นอันตรายอย่างยิ่งที่สังคมไทยยังไม่มีการยอมรับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียน สถานศึกษาอื่น ๆ การยอมรับปัญหาคือการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องและที่สำคัญเป็นการแสดงออกว่าคุณให้ความสำคัญกับเยาวชนอย่างแท้จริง และเป็นจุดเริ่มที่จะนำเยาวชนไทยเข้าสู่การเชื่อมต่อความรู้เก่ากับความรู้ใหม่เพื่อเป็นการช่วยในการดำรงอยู่ของสังคมไทยต่อไปในอนาคต
nisanard pipoplapanan <dekmommam@ yahoo.com>
- Wednesday, November 14, 2001 at 21:58:39 (EST)
เรากำลังหลงทางกันไปมาก เด็กไทยเกิดปัญหาต่างๆ เราพุ่งเป้าไปที่เรื่องการศึกษา ความจริงแล้วเราเข้าใจผิดโดยตลอดว่า การจัดการศึกษาหรือให้ความรู้แก่คนเป็นเรื่องของโรงเรียน หรือสถาบันการศึกษาเท่านั้น..ความจริงแล้วทุกคนควรดำเนินชีวิตเพื่อการศึกษา(All for Education) อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการศึกษากันใหม่ เลิกปรนปรอเด็ก ควรให้เด็กได้เรียนรู้กับอุปสรรค ปัญหา ความยากไร้ ไม่มี อันเป็นความจริงของชีวิต เขาจะได้โตขึ้นด้วยความเข้าใจชีวิต เป็นเกราะคุ้มภัยที่ดีในการใช้ชีวิตในโลกที่ฟอนเฟะนี้ ...การศึกษาเราตามหลังสังคมไม่ได้แล้ว เราอยากให้สังคมเป็นอย่างไรก็ต้องวางแผนการจัดการศึกษาอย่างนั้น
ครูบ้านนอก <chalermchai.pha@chaiyo.com>
- Friday, November 02, 2001 at 01:33:35 (EST)
ในปัจจุบันนี้ เดินตามก้นฝรั่งกัน ไม่ว่าจะเป็นประเพณ๊ การแสดงต่างยังสนับสนุนลูกครึ่งทั้งนั้นไม่นานเจ้าของประเทศคงต้องถูกขับไล่รุ่นหลานเป็นแน่แล้ว ไอ้พวกสื่อต่างๆก็ยกย่องกันเข้าไปเดินตามกระแสเข้าไป ร้องเพลงชาติกันไม่เป็นแล้วละมั้งครับ
รักชาติด้วยเลือดเนื้อจิตใจ
นิ
- Thursday, November 01, 2001 at 11:54:45 (EST)
ผมคิดว่าการแต่งตัวไม่ใช่ตัวบ่งบอกว่าวัยรุ่นคนนั้นดี หรือ ไม่ดี หากเป็นจิตใจภายในมากกว่า เรื่องการแต่งตัวผมคิดว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคลของแต่ละคน แต่ละความคิด เราไม่สามารถบังคับกันได้ คนในสังคมต่างห่างละที่มองเป็นในทางลบ ทางไม่ดีซะหมด ถ้ามีคนเดินเท้าเปล่าเข้าห้างก็ต้องมีคนมองกัน วิจารณ์กันไปต่างๆนานา แต่งตัวผิดแปลกหน่อยก็หาว่าตามฝรั่ง ทุกคนมีความคิด มีสิทธิ คิด มีสิทธิ ทำ ใน สิ่งที่ไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ผมเห็นว่าคนในสังคมไม่ควรเอาเวลาไปวิจารณ์ สังเกต ผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา เราควรนำเวลามาพัฒนาตนเองจะดีกว่า ใครว่าการเรียนแบบต่างชาติไม่ดี ต่างชาติทำไขถึงเจริญกว่า รวย กว่า เรา เพระมีคนที่มีความคิดหลายอย่าง มีอิสระในการคิดการทำสิ่งต่างๆที่ไม่เหมือนใครถึงสามารถสร้างสรรค์บางสิ่งที่แปลกใหม่เป็นประโยชน์ ถ้าเป็นบางคนอาจคิดว่าการทำอะไรที่แปลกมันบ้า การบ้าในทางที่ดีน่าจะเป็นประโยชน์ ผมคิดว่าคนบางคนไม่สามารถรับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เหมือนความคิดตนเองการกระทำของตนได้
B
- Thursday, October 25, 2001 at 08:13:43 (EDT)
ตอนนี้ภาพวัยรุ่นไทยถูกมองในแง่ลบของคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยเราไปแล้ว สื่อต่างๆพยายามตีแผ่ความเสื่อมของวัยรุ่น จากRca
วัยรุ่นสายเดี่ยวจากสยาม แฟชั่นเสื้อผ้านักศึกษามหาลัย เหล่านี้มันคือส่วนหนึ่งของวัยรุ่น มันไม่ผิดหรอกที่คนจะมีความมั่นใจไม่ผิดถ้าจะเอาอย่างต่างชาติแต่มันผิดที่ความชั่วของคนต่างหากชั่วที่จะทำเลวชั่วที่จะติดยาชั่วที่จะมั่วเซ็กส์ต่างหากอยากให้แยกให้ออก
และก็ให้ความเป็นธรรมสำหรับวัยรุ่นที่มีหัวคิดด้วย
EM <myfriend006@yahoo.com>
- Friday, October 19, 2001 at 02:12:10 (EDT)
วัยรุ่นในปัจจุบันจะหลงสิ่งที่เป็นวัตถุมากเกินไป ควรมีการอบรมคุณธรรมแลจริยธรรมและชอบตามฝรั่ง
samapone sriyordpiroon <44104017@chaiyo.com>
- Sunday, October 14, 2001 at 00:36:52 (EDT)
วัยรุ่นทุกวันนี้ไม่ค่อยมีน้ำใจ ไร้มรรยาท ไม่รู้จักศีลธรรม เอาความเป็นตัวตนของตนเป็นใหญ่ ไม่ค่อยคำนึงถึงส่วนรวม ส่วนใหญ่เกิดจากการเลี้ยงดูของผู้ใหญ่ ที่ทำให้เด็กเข้าใจว่าการเถียงได้เก่ง ไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนเลย ที่ดีก็ยังพอมีแต่น้อยมาก
ญาดา ประทุมมา <bpratoomma@yahoo.com>
- Tuesday, September 25, 2001 at 09:33:54 (EDT)
ไม่อยากจะด่า วัยรุ่นหรือนี่มีการศึกษาเสียเปล่าแต่ไร้หัวคิดเห็นเค้าแต่งก็แต่งตามเค้าไป เห็นช้าขี้ก็ขี้ตามช้างรู้จักเก็บในเรื่องที่ดีๆ หน่อย อย่างเด็กมหาลัยฯ เห็นเกือบทุกคน จะต้องใส่เสื้อนศ.รัดหน้าอกซะเห็นรายละเอียดข้างในความใหญ่ กลัวใครไม่ทราบหรือว่าใหญ่ กระโปรงอีกอย่างจะต้องใส่ให้มันสั้นๆๆๆๆๆๆๆ จนเกือบเห็นอะไรก็... ไม่ทราบว่าจะแต่งตัวไปเรียนหรือขายอะไร... เหมือนจะไปยั่วใครหรือที่เขามีข่าวว่า นศ. ขายที่นาผืนน้อยจะต้องกระทำให้มันเด่นชัดขึ้น หรือไม่ทราบว่าเป็นนโยบายของทบวง เรื่องการเสียที่นาผืนน้อย มีเพื่อนคนหนึ่งศึกษาอยู่ราชมงคลแห่งหนึ่ง เพื่อนได้กระทำการกับนศ.ม.กรุงฯ เพื่อนผมคิดที่จะจริงใจด้วย แต่หญิงกลับบอกเลิกก่อนโดยไปคบกับผู้ชายที่เรียนอยู่ที่กัน โดยไม่คิดถึงที่นาได้เสียไป ผู้ชายที่เรียนอยู่ที่เดียวกันก็คบตอนที่ยังคบเพื่อนผมอยู่ มีการเพื่อนคืนไหนไม่ได้ไปนอนด้วยก็พาอีกคนมานอนด้วย เบื่อจังคนสมัยนี้หาคนที่จริงใจและบริสุทธิ์ได้สุดอยาก พ่อแม่ได้สอนหรือเปล่าหรือสอนแต่ไม่จำ เห็นตะวันตกเขาไม่สนใจเรื่องที่นาผืนน้อยเลยเอาบ้าง รู้จักคิดหน่อยนี่เมืองพุทธนะครับ ใยเจ้าจึงทำเยี่ยงนี้ สิ่งดีๆๆในสยามประเทศยังมีอีกมากมาย
arch <aa409@ksc.th.com>
- Thursday, September 13, 2001 at 17:59:46 (EDT)
ปัญหาใหญ่เริ่มจาก สถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา สถาบันศาสนา ที่ไม่เขัาใจบทบาทและหน้าที่ของตนเอง ตลอดจนสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศที่ขาดประสิทธิภาพ
Boonyarit Sungkharak <eeme@mwab.com>
- Sunday, September 09, 2001 at 18:39:56 (EDT)
(ผมเปลี่ยนคู่นอนทุก 2 weeks)? ปัญหาของสังคมมันเริ่มจากระบบการศึกษาที่แย่มากๆๆๆๆ ทุกวันนี้ผมแทบไม่เข้าเรียน
แต่ผมก็เรียนได้อันดับต้นๆ อาจารย์ผู้สอนไม่พัฒนาตนเองแล้วสังคมจะพัฒนาได้อย่างไร ผมรู้ว่าผมไม่ดีแต่ผมก็รักชาติ ผมเรียนในมหาลัยชื่อดังของรัฐ
KGB.
- Tuesday, September 04, 2001 at 00:46:20 (EDT)
วัยรุ่นไทยให้ความสำคัญกับค่านิยมทางวัตถุมากจนเกินไป คงห่างไกลธรรมชาติจากความงามของแสงหิงห้อยในยามราตรีมีแต่ความศิวิไลของแสงสี
คนบ้านนอก <fang.ida@chaiyo.com>
- Sunday, September 02, 2001 at 06:29:41 (EDT)
ชีวิตวัยรุ่นเปนอาไรที่เข้าใจยากมากๆเลยครับ อย่างตัวอย่างที่พบเห็นมาก็คือมีเด็กวัยรุ่นหญิงคนหนึ่งขายตัวทั้งๆที่ครอบก็สมบูรณ์ทุกอย่าง
วัยรุ่นสมัยนี้กล้าที่ลองในสิ่งใหม่เสมอ โดยเฉพาะสิ่งที่ตรงข้ามกับฝ่ายธรรมะครับ
นาย สืบพงษ์ จันทะรัง <namassakan@chaiyo.com>
- Wednesday, August 29, 2001 at 23:51:07 (EDT)
รู้อะไรที่อึ้งๆๆ ตรึมเลยยอดเยี่ยมมาก
แนน <nan_668@hotmail.com>
- Wednesday, August 29, 2001 at 08:04:32 (EDT)
ตกใจว่า ทำไมเด็กสมัยนี้ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้ แทบวางไม่ลง เพราะต้องติดตาม และอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่ตนเองไม่รู้มาก่อน เหมือนกบในกะลาครอบ ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะคลุกคลีเด็กวัยรุ่นแทบทุกวัน แต่เราไม่รู้จิตใจของเขาคิดอย่างไง พฤติกรรมที่เขาแสดงออกมาเป็นยังไง เมื่ออ่านแล้วทำให้รู้โลกของวัยรุ่นได้กว้าง และแจ่มชัดขึ้น
Ping
- Sunday, August 26, 2001 at 08:50:25 (EDT)
สำหรับชีวิตวัยรุ่นในความเห็นของบุคคลที่มีสถานภาพเป็นนักศึกษานะคะ เห็นว่าวัยรุ่นปัจจุบันมีความกล้ามากขึ้นกว่าสมัยก่อนเป็นอย่างมาก กล้าที่จะแสดงออกกล้าที่จะพูดแต่บางอย่างวัยรุ่นในยุคปัจจุบันตัดสินใจโดยปราศจากการยั้งคิด ซึ่งถือว่าเป็นผลร้ายที่อาจจะตามมาแต่วัยรุ่นในบ้านนอก เช่นตัวดิฉันเองมาจากบ้านนอก ดั้นด้นเดินทางมาเรียนการแต่งตัวก็ยังเปิ่น ๆ อยู่ที้ง ๆ ที่ก็อยู่ปี 4 แล้วแต่ความรู้ความเข้าใจในการรู้ทันเท่าคนอื่น ตัวดิฉันเองก็พอจะรู้อยู่บ้างเหมือนกัน วัยรุ่นในเมืองกับวัยบ้านนอกมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เห็นได้จากการคบเพื่อนที่เรียนด้วยกันแล้วเปรียบเทียบกับตัวเรา ความแตกต่างเห็นได้อย่างชัดเจนมาก การแต่งตัวก็รู้สึกว่าจะมีความมั่นใจมากกว่ากัน ถ้าเข้าไปในหน่วยงาน การยอมรับเมื่อแรกเห็นก็คงเป็น บุคลิกภายนอกแต่อยากให้หน่วยงานต่าง ๆ อย่าเอาสิ่งเหล่านี้มาตัดสินเลย ความรู้ความสามารถติดตัวได้นิสัยส่วนตัวก็ติดตัวได้เหมือนกัน แต่ในความเป็นไปได้แล้ววัยรุ่นที่มีความเฉลียวฉลาดก็มีไม่น้อย วัยรุ่นที่อยู่ด้วยกันในระหว่างเรียนอาจจะไม่เสียหาย ถ้า เขา2คนช่วยกันเรียน
ดวงตะวัน โทราช <duengtawan@thaimail.com>
- Thursday, August 16, 2001 at 05:27:46 (EDT)
เด็กสมัยนี้ก็เหมือนๆกับเด็กวัยรุ่นสมัยก่อนเพียงแต่สมัยนี้สิ่งยั่วยุมีมากกว่า คุณพ่อ-คุณแม่-คุณครูทั้งหลายก็ต้องตามให้ทัน อย่ามัวโทษสังคม โทษนั่นโทษนี่อยู่เลย เริ่มที่บ้านเริ่มที่พ่อแม่ หันมาดูลูกหลานเราหน่อยว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วทำความเข้าใจอย่าเอาแต่บ่นจู้จี้ คุยกันดีๆก็ได้ อย่าลืมว่าทุกคนก็เคยเป็นเด็กมาก่อนน่าจะรู้ว่าเด็กวัยนี้ต้องการอะไร
puifry <puifry@chaiyo.com>
- Tuesday, August 14, 2001 at 01:34:45 (EDT)
ความจริงวัยรุ่นไทยที่น่ารักๆ มารยาทงามก็เห็นเยอะแยะในปี2001นี้ แต่ส่วนมากเด็กรุ่นใหม่นี้ไม่ค่อยสนใจคนรอบข้างสนใจแต่ตัวเองคิดถึงแต่ตัวเองไม่คิดถึงคืนอื่นซึ่งในที่นี้ก็คือพ่อแม่ ซึ่งพยายามส่งเสียให้เล่าเรียนนักสือแต่เขาเอาเวลาไปสนุกกับสิ่งไม่มีประโยชน์ แต่วัยรุ่นที่ดีขยันเรียนให้พ่อแม่ชื่นใจก็มีมาก ก็ดีใจแทนพ่อแม่เล่านั้นด้วยนะคะ ในฐานะที่ดิฉันก็มีลูกเป็นวัยรุ่นดิฉันอยากให้ผู้ใหญ่ให้โอกาสเด็กบ้างอย่ามอบแต่สิ่งที่เลวร้ายแก่เด็กเลย ถ้าผู้ใหญ่ไม่ทำตัวอย่างที่ไม่ดีเด็กก็จะเห็นแต่ตัวอย่างที่ดี เด็กก็จะเป็นคนดีของสังคม ของพ่อแม่
ติ๊ก <iamtik@cscoms.com>
- Monday, August 13, 2001 at 05:56:19 (EDT)
เด็กวัยรุ่นจะดีหรือไม่นั้นสังคมน่าจะเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุด ถ้าผู้ใหญ่มีสำนึกที่ดี เป็นตัวอย่างที่ดีกับเด็กแล้วปัญหาเดิมๆที่เห็นอยู่ในปัจจุบันก็คงจะลดน้อยลง เพราะดิฉันเชื่อว่าคนทุกคนต้องการเป็นคนดีไม่มีใครต้องการเป็นปํญหาของสังคม
อติพร
- Tuesday, July 17, 2001 at 01:38:46 (EDT)
ผมว่าผู้ใหญ่คิดกังวลห่วงลูกหลานก็ดีแล้ว แต่กลัวกันมากเกินไปหรือเปล่าผมเป็นเด็กวัยรุ่นคนนึง แม้จะไม่เหลวแหลก แต่ก็อยู่ในสังคมที่พอจะรู้ว่าเพื่อนๆรอบตัวเป็นยังไง ไปถึงไหนกันแล้วสื่อมักจะนำเสนอภาพวัยรุ่นที่แย่ๆ หรือไม่ก็ดีๆเว่อร์ออกมากันเท่านั้น เพราะขายได้ไม่ค่อยได้เห็นเด็กวัยรุ่นกลางๆธรรมดาอย่างผมไม่แปลกเลยที่ถ้าเด็กคนไหนอย่างเด่นดัง ก็เลยขอเอามันซะทาง
Matt
- Saturday, July 14, 2001 at 23:14:34 (EDT)
tures maak maak
june
- Thursday, July 05, 2001 at 01:59:35 (EDT)
ก่อนที่จะตำหนิเด็กวัยรุ่น ผู้ใหญ่ก็ควรทบทวนบทบาทของตนด้วยว่า ทำตัวเหมาะสมแล้วหรือไม่ด้วย เพราะก่อนที่วัยรุ่นจะมีปัญหาเช่นในทุกวันนี้ส่วนหนึ่งย่อมเกิดจากปัญหาการอบรมเลี้ยงดูที่ไม่ดี ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของผู้ใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับสังคมไทยขาดภูมิคุ้มกันเรื่องค่านิยมที่เหมาะสมทำให้สังคมไทยก้าวไปสู่อนาคตด้วยความน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เราควรตั้งใจร่วมมือกันสร้างค่านิยมใหม่ที่ดีให้แก่วัยรุ่นและเยาวชน ดีกว่ามุ่งตำหนิติเตียนวัยรุ่นให้เกิดความแบ่งแยกในสังคมไทย
ชาญชัย บุณยวรรณ <charnchai_b@hotmail.com>
- Wednesday, July 04, 2001 at 05:10:57 (EDT)
ไม่น่าใช้คำว่าวัย X เลย มันสื่อไปในทางไม่ดีผมไม่อยากให้เด็กไทยตามญี่ปุ่นกับฝรั่งเลย ..... อยากให้เด็กไทยเป็นตัวของตัวเอง ผมว่าอยู่อย่างไทยดีที่สุดแล้ว อ่อนน้อมถ่อมตนดีใครเห็นใครก็รัก ใครเห็นใครก็อยากช่วยเหลือ คบค้าสมาคม
สร้างศักดิ์
- Monday, July 02, 2001 at 03:15:12 (EDT)
ท่ามกลางกระแส ของสื่อ และ วัตถุนิยม ยากนักที่วัยรุ่นจะหักห้ามใจไม่ให้หลงไปกับสิ่งเหล่านั้น สิ่งที่ผู้ใหญ่จะช่วยเค้าได้ ไม่ใช่การสั่งสอนหรืออบรม แต่เป็นการประพฤติตัวเป็นตัวอย่างแก่เด็ก น่าเห็นใจวัยรุ่นสมัยนี้ที่ทำอะไรไม่ดีก็มักจะโดนวิพากษ์ และวิจารณ์เสีย ๆ หาย ๆ จากสังคม แต่ ท่าน ๆ ทั้งหลายที่วิพากษ์วิจารณ์เด็ก เคยหันกลับมามองตัวเองบ้างหรือไม่ว่าได้ทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีของเด็กบ้างไหม ? ไม่ใช่สักแต่วิจารณ์เด็กมันเรื่องความฟุ้งเฟ้อวัตถุนิยม ไม่ใช่ผู้ใหญ่หรอกหรือที่แสดงให้เด็กเห็นก่อน เรื่องการขายบริการทางเพศ ไม่ใช่ผู้ใหญ่หรือที่เป็นลูกค้ารายสำคัญ ? การพนัน ยาเสพติด ไม่ใช่ผู้ใหญ่เหรอที่เสนอสิ่งเหล่านี้ให้เมื่อใหร่หนอบ้านเมืองเราจะเจริญเสียที
ตามี
- Friday, June 29, 2001 at 16:10:37 (EDT)
หวังไว้ว่า ขอให้วัยรุ่นยุคนี้เข้มแข็งและไม่ไหลตามกระแสที่ค่อนข้างเน่าเหม็น เพราะสิ่งยั่วยุมากมาย อีกทั้งตัววัยรุ่นเองก็ดูท่าจะไม่ค่อยมีจุดยืนหรือรักศักดิ์ศรีและเห็นคุณค่าของตัวเองเอาซะเลย การทำตามใจเนี่ยง่ายมาก แต่การทำสิ่งที่ถูกต้องและน่ายกย่องท่ามกลางฝูงคนที่ตาบอดและมองไม่เห็นความถูกผิดเป็นสิ่งที่ยากมาก จึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมสร้างยารักษาและส่งเสริมภูมิคุ้มกันให้กับพวกเขา
มยุเรศ ตนะวัมนา <mayuret@se-ed.net>
- Monday, May 14, 2001 at 06:48:35 (EDT)
วัยรุ่นยุคปี 2000 เป็นวัยที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด เพราะสิ่งแวดล้อมทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่ต้องทำงานเพื่อหาเงินจนไม่มีเวลาดูแล พูดคุย กับลูก หรือสังคม ที่มีแต่ยาเสพติดซึ่งปัจจุบันมีความใกลัชิดตัวเขามาก หรือปัญหาอาชญากรรมที่มีแต่เรื่องฆ่าข่มขืน ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าสร้างความลำบากต่อการเลี้ยงดูของพ่อแม่มากถึงมากที่สุด
สุนันทา ตั้งมั่นอรัญกิจ <sunantha_lek@yahoo.com>
- Sunday, May 13, 2001 at 12:23:27 (EDT)
ผมคิดว่าการแก้ปัญหาวัยรุ่นในปัจจุบันควรแก้ที่ 1) สื่อต่างๆ ผมคิดว่าสื่อต่างๆควรเสนอสิ่งที่ดีๆแก่วัยรุ่น เช่น สาระความรู้ต่างๆ เรืองเกี่ยวกับปัญหาสังคม ปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะวัยรุ่นจะได้รับรู้ว่าในบ้านเมืองมันมีปัญหาอะไรบ้าง จะช่วยบรรเทาหรือแก้ปัญหานั้นได้อย่างไร ไม่ใช่เอาแต่มอมเมาเยาวชนโดยเสนอกันแต่เรื่องเสื้อผ้าของใช้แพงๆ หรือเสนอกันแต่เรื่องของไอ้พวกสังคมไฮโซ จะบอกว่า สื่อต่างๆในบ้านเราเสนอกันแต่เรื่องพวกนี้แหละครับ ประเทศถึงไม่เจริญซะที 2) อยากให้ผู้ใหญ่หันมาลดช่องว่างระหว่างวัยกับเด็กๆบ้าง อยากให้ผู้ใหญ่ปรับตัวเข้าหาเด็กบ้าง จะได้รู้ว่าเด็กนั้นต้องการอะไร การแก้ไขปัญหาวัยรุ่นจะได้ง่ายขึ้น ที่ในปัจจุบันการแก้ปัญหาวัยรุ่นที่ไม่ค่อยจะสำเร็จก็เนื่องจากการมองข้ามเรื่องของช่องว่างระหว่างวัยนี่แหละ คิดกันแต่ว่าเด็กต้องปรับตัวหาผู้ใหญ่
Mr.Kai <anurak4525@usa.net>
- Wednesday, May 09, 2001 at 21:27:27 (EDT)
มาตรการคุมเข้มสถานเริงรมย์จะไปได้สักกี่น้ำเป็นห่วงว่าจะเกิดที่มั่วสุมที่ใหม่ที่ควบคุมได้ยากกว่าสถานเริงรมย์
ruckchanok yompuk <ruck@viangtak.com>
- Thursday, May 03, 2001 at 08:58:33 (EDT)
เ ห นื่ อ ย ....... น ะเลิกโทษกันไปโทษกันมาซะทีเถอะ พ่อคุณแม่คุณเรามันก็ไอ้ .... เศษกรวด เศษดิน ละอง ธุลี ที่ปลิวไปปลิวมา ตามกระแส แห่งสังคม แห่งกาลเวลา แห่งยุคสมัย อยู่ดีๆจะเที่ยวไปเปลี่ยนอะไรต่อมิอะไร ด้วยคำพูด ด้วยข้อคิดเห็นไม่ได้หรอก ปัญหา มันสั่งสม สะสม จนกลมกล่อม ตกตะกอน ตกผลึก ! เ เ น่ น ! ค่านิยมของเด็กๆ ก็เกิดจากความ !ห่วยแตก! ของผู้ใหญ่ (ผมด้วย) อย่างน้อยก็ผู้ใหญ่เมื่อ 15 ถึง 20 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนี้เค้าเหล่านั้นน่าจะอายุซัก 40 ถึง 50 ปี พวกนั้น ส่วนนึง ก็อายุราวๆนักการเมือง ซังกะบ๊วย เต็มสภาตอนนี้แหละ จริงแม๊ะ พวกนี้คิดอะไรไม่เป็นหรอก เพราะมันเป็นยุคของการ ทำอะไรตามๆกัน ไม่มีคนกล้าคิด เพราะตายหมดแล้ว ก็ช่วงก่อน 14 ตุลา นั่นแหละ เรื่อยเปื่อย จริงๆ ใครหลงมาอ่านมั่งเนี่ย ซ า ห รุ บ มีวิธีแก้ สอง วิธี 1. รอให้มี อัศวิน ขี่ม้าขาว มาเป็น ยายก 2. สร้างแนวร่วม สร้างกระแสต่อต้าน (ต้องแสดงตัว) รวมพลัง ต่อต้าน แนวคิด "วัตถุนิยมปัญญาอ่อน" 3. ระดมสมอง หาแนวทางใหม่ๆ สำหรับ LifeStyle ของเด็กนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ให้เป็นแบบอย่าง - - - - เดี๋ยวนี้ เด็กไม่มีกิจกรรม ดีๆ ทำเหมือนแต่ก่อน - - - - ไม่ค่อยเห็นออกค่ายอาศา ไม่ค่อยเห็นเดินขบวน ไม่ค่อยเห็นจัดงาน (แบบทำกันเอง คิดเองนะ ไม่ใช่ครูสั่ง ....นั่นก็ปัญญาอ่อน ทั้งครูและศิษย์).................แค่นี้แหละ..................
WytzArt <wytz_knot@yahoo.com>
- Thursday, April 12, 2001 at 06:19:11 (EDT)
ก่อนอื่น.......ผมรู้สึกเวทนาในตัวมนุษย์ ( มน = ใจ + อุษย์ = สูง สัตว์ผู้มีใจสูง ) ทุกผู้ ดูเหมือนจะจริงอย่างที่พระพุทธเจ้าสอน ว่าสิ่งที่หมุนโลกนี้ก็คือ กิเลส กิเลส เท่านั้น ในความรู้สึกของผู้ชายคนหนึ่งผมเคยพยายามตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด ผมเป็นเด็กบ้านนอก จะเอาแต่เรียนเท่านั้น เพื่อจะเทียบศักดิ์ศรีให้เท่ากับผู้หญิงที่ผมหมาย เธอเป็นคนฉลาด รวย และมีปัญญา ผมได้แต่พยายามแต่มันก็ไม่มีทางเป็นจริง ผมไม่เคยติดต่อเธออีกเลย ผมเติบโตขึ้นมาเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ปัจจุบันผมอยู่ปีที่ 4 ผ่านเรื่องราวชีวิตมาก็พอสมควรกับคนในวัยเดียวกัน ผมเคยคิดว่าผมควรจะพยายามอย่างยิ่งยวดโดยยึดเอาวิชาการเป็นเป้าหมายสูงสุด ผมเฝ้ามองหาแนวทางของชีวิตว่าควรจะเป็นอย่างไร ตอนแรกผมคิดว่า การพยายามเล่าเรียนให้เก่งกล้าสามารถที่สุด อยู่ในศีลในธรรมให้มากที่สุด เพื่อ พ่อแม่ ตัวผมเองและช่วยเหลือคนที่ทุกข์ยากลำบากเหมือนกับผม หรือยิ่งกว่าผม แต่แล้วก็ต้องลังเลกับสิ่งที่ผมพบเห็นมาว่า นักศึกษาในมหาวิทยาลัยส่วนมากเรียนไปเพื่อสร้างความร่ำรวยให้กับตนเอง แต่ละคนจะตั้งเป้าหมายว่า ตนเอง จะเป็นนั่น เป็นนี่ โดยที่ทุกคนแทบจะไม่เคยมามองปัญหาสังคมร่วมกันเลย นั่นคนรวย นี่คนจน นั่นคือความสมบูรณ์แบบของชีวิตตามแนวทางของมาสโลว์ ( Abraham Maslow ) ผู้ชายจะอยากมีผู้หญิงสวย ๆ ถ้าเขามีรถขับ มีเงิน มีโทรศัพท์มือ ถือ นั่นไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับเขา เพราะถ้าไม่พูดถึงแค่สิ่งที่มนุษย์ผู้หญิงต้องการความรักความอบอุ่น นั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งของทางเลือกที่เธอต้องการที่พึ่งพิงอันมั่นคงในอนาคต หากผมจะมองว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ ( ไม่ใช่ทั้งหมด ) เป็นผู้หญิง จริง ๆ เธอจะง่วนอยู่กับการแต่งตัวที่ดูสวยงาม อาหารหรู ๆ มันเข้าได้กับภาพที่ดูสมค่า ยั่วยวน เลิศหรู การช็อปปิ้ง ภาพของผู้หญิงที่ประกวดตามที่ต่าง ๆ ยังไม่เห็นว่า พวก เธอจะเป็นผู้ ทะลักแห่งปัญญาอย่างแท้จริง ( Explode of Wisdom ) ขณะที่ผู้ชายก็เป็นเช่นเดียวกัน หนักกว่าก็แค่พวกเขาถือเรื่องเกียรติยศเป็นเรื่องสำคัญกว่า แต่เรื่องที่หยุมหยิมอย่าง เหล้า เบียร์ เป็นสิ่งธรรมดาเหมือน ๆ กับเป็นรางวัลของชีวิต มันเป็นรูปที่ผสานกันอย่างกลมกลืน สิ่งที่น่าสนใจของคนสมัยนี้ เริ่มต้น ด้วยการ หาเพลงเพราะ ๆ มาฟัง คอยติดตาม บิลล์บอร์ด เฝ้ารอหนังที่เข้าสุดสัปดาห์ ใช้อินเทอร์เน็ตแช็ต เล่นเกมส์ เดินตามห้างสรรพสินค้า เหล่หาชายหนุ่มและหญิงสาว หาร้านอาหารอร่อย ๆ เที่ยวซื้อของกระจุกกระจิก หาหนังสือเรื่องเด็ด ๆ จับผูชาย หรือ วิธี จีบหญิง วิธีการเล้าโลม การพยายามติดตามข่าวเพื่อมาถกกันว่า ใครเป็นผู้รู้กว่ากัน การมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่อยากเชื่อว่า คนเราจะทำกันได้ถึงขนาดนั้น ด้วยหลากหลานรูปแบบพิสดาร เหตุผลที่อ้างว่ากระทำเพื่อความจำเป็นล้าสมัยไปแล้ว คน ๆ หนึ่งอาจขายตัว เพราะติดยาและยอมแลกกับความสนุกด้วยการยอม ผู้ชายนับสิบคน วัยรุ่นแทบทุกระดับตั้งแต่ยากจน จนถึง มีดีกรีจบจากเมืองนอก เป็นลูกหลานเศรษฐีก็ยังมี แล้วคนเราก็มีความสัมพันธ์กันไม่เลือกเพศ เลือกวัย กับใคร ในฐานะอะไรทั้งสิ้น หากจะเห็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่ง จบการศึกษา ดีดี แต่งงานกับผู้ชายสักคนที่ฐานะไม่ด้อยกว่ากัน ชีวิตของพวกเขาจะก้าวไปข้างหน้า มีทรัพย์ ศฤงคารมากมาย วันหนึ่งพวกเขามีอำนาจ รับตำแหน่งใหญ่โตกุมอำนาจของประเทศ หรืออาจเป็นโลกก็ได้ ซึ่งทุกอย่างจะถูกกำหนดไว้ด้วย การค้า กำไร การจัดระเบียบ วิทยาศาสตร์ ฯลฯ แต่หากมองย้อนไปข้างหลัง มนุษย์ในโลกนี้เป็นอย่างไร โลกเราจะเรียกว่าพัฒนาไปเรื่อย ๆ ก็ไม่เชิง เราได้สูญเสียอะไรไปบ้าง ในบ้านหลังหนึ่ง ๆ มีทรัพย์ สมบัติ กี่ชิ้น ที่ต้องแลกมากับทรัพยากรมากมาย เราแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าคนละกี่ชุด มีรถกี่คัน สะสมหนังสือกองโต ของสะสมที่มากมาย บันทึกในความประทับใจแห่งอารมณ์ของตัวเองอีกกันคนละกี่ชิ้น .......โลกเรามันช่างเต็มไปด้วยแหล่งทับถมแห่ง การกิน การขับถ่าย การสืบพันธุ์ การหลับนอน อันมหาศาล มนุษย์เราเป็นเช่นนี้นี่เอง ผมไม่ได้เพ้อเจ้อ !!!!!! ผมไปสัมผัสชีวิตความทุกยากข์ของคนจนมามากมาย แต่ละชนเผ่าต่างถีบตัวเอง เพื่อเป้าหมายเดียวกันโดยแท้ เราจะเห็นว่า ไม่ว่า สถาปัตยกรรมที่ไหนในประเทศไทยก็เหมือนกัน ชีวิตคนที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน คือ พยายามแสวงหา ทรัพย์สิน ตาม ๆ กันไป ลองถามชาวบ้านว่า เขาฝันอยากได้อะไร คำตอบ คือ บ้าน รถ อยากเรียนสูง ถ้าเขาเป็นชาวเขาเขาจะรู้จักการเอาใจคนเมืองเพื่อ เงิน เล็ก ๆ น้อย ๆ จากของที่ระลึก การเอาใจ เพราะรู้ว่าคน เมืองชอบแลกภาพที่คิดว่าน่ารัก วิ๔ีชนบทที่น่าเอ็นดู ด้วยเงิน ( เพื่อเหยียบคนอื่นอีกที และสุขสบายเฉพาะตน ? ) ที่ไหน ๆ ก็ย่อมเหมือนกันในโลก ดูเอาเถิดว่าเกิดอะไรกับประเทศโลกที่สาม ความอดอยาก ความรุนแรง การฉ้อฉล ความเสื่อมทรามของทรัพยากร การสูญสิ้นความหลากหลายทางชีวภาพ ปัญหาความแตกต่างระหว่างชนชั้น สิทธิมนุษยชน ความฟุ้งเฟ้อแห่งการบริโภคของพลโลก .....มนุษย์เกิดมาทำไม ..... โลกต้องการมนุษย์อีกหรือ ....จากประวัติศาสตร์การเมืองที่ผ่านมา ชนชาติไทยต่อสู่อย่างเอาตัวรอดมาตลอดแต่ยังไม่เคยแก้ไขอะไรอย่างจริงจัง เราจะเห็นว่า โลกได้หลอมคน พันธุ์ที่ต่อสู้ เพื่ออุดมการณ์แห่งประชาชน อย่าง ยุค 14 ตุลา ให้กลายเป็นพันธุ์ที่เชื่องต่อการเดินตาม ๆ กันไปอย่างมืดบอด มาวันนี้พวกเขามีไวน์ ดี ดื่ม มีรถคันงาม .... อะไรคือประชาธิปไตย .... อะไรคือคอมมิวนิสต์ มันก็แค่การต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ที่ต่างก็ไม่พบอะไรเลย นอกจากการที่ฝ่ายหนึ่งแสดงว่า ขณะนี้ตนดูจะเหมือนมีอำนาจข่มอีกฝ่ายหนึ่งเสียอยู่หมัด ความจริงก็คือ โลกเรามีวิถีแห่งความสุข ที่ใครอยากเสพอะไร ก็เสพตามแต่จริตของตน เหนือกว่าประชาธิปไตยก็คือ กิเลสนั่นเอง ที่เป็นผู้ชนะ ผมไม่อยากหวังอะไร และไม่มีกำลังใจจะเรียนให้มันดี เด่ ไปหาอะไร ครั้งหนึ่งที่เคย คิดว่าจะต้องเรียนไปเพื่อให้ตัวเองเข้าถึงความเป็นวิชาการ เพื่อตัวเอง และการช่วยเหลือ ผู้ตำต้อย ทั้งหลาย แต่ความเป็นจริงที่รับรู้มันทิ่มแทง ว่ามนุษย์เราก็ไม่ได้เป็นและหวังไปแค่ การตอบสนองกาม กิเลส คนจนหาก วันหนึ่งรวย ก็จะเป็นรูปแบบที่คล้าย ๆ กันนั่นอีก น่าสมเพชตัวเองที่หลงตัวเองสิ้นดี ที่ไม่น่าโง่งมเลยว่าจะเป็นคนดีไปทำไม มันเหนื่อย เพราะพูด กับใครไม่รู้เรื่อง และหนักกว่าคือ ไม่มีแม้แต่ใครจะฟัง พบว่าการทำตัวไร้เดียงสา ไม่เที่ยวผู้หญิง ไม่สูบบุหรี่ ไม่ ดื่มเหล้า เป็นสิ่งที่โง่งม หากจะเก็บไว้ให้ใครชื่นชม มันไม่สำคัญอะไรเลย เพราะสังคมล้วนแต่มีคนดี สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีกันทั้งนั้น โลกที่รุดหน้าไปด้วยความก้าวหน้าอย่างที่เหยียบย่ำแนวคิดอื่น ๆ เพราะการสมาทานวิทยาศาสตร์ระบบบริโภค เป็นเป้าหมายสูงสุดที่มนุษย์เราควรเข้าถึง ท่านพุทธทาสเคยกล่าวว่า จงเห็นใจและเข้าใจที่ทุกคนต่างก็เป็นผู้มีกิเลสด้วยกันทั้งสิ้น คนเราควรจะขบให้แตกถึงปัญหาที่ประดังอยู่ ถ้า เราสั่งสอนเด็ก ๆ ให้ยึดมั่นในศีล ในธรรม อย่างที่ไม่ใช่แค่การไปวัด สวดมนต์ แต่การคิดให้ได้ว่า ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง การเดินเข้าหาความเสื่อมทราม ที่อาจพิศได้ด้วยปัญญาการแก้ปัญหาแทบทุกอย่าง ในโลกนี้ต้องแก้ที่ตัวเราเอง ไม่ใช่การแสวงหาทฤษฎีใหญ่โตมาอธิบาย แต่แก้ไม่ได้ เพราะมันไม่ถูกจุด ไม่มีประโยชน์อะไร แต่คงจะยากเพราะไม่มีฬครฟังใคร เพราะคำอธิบายเรื่องศาสนามัน ฟัง ดู พื้น ๆ บ้าน ๆ และคนส่วนใหญ่เข้าใจแค่ เป็นคำสอนที่ต้องนับถือ กันมาตามประเพณีเท่านั้น ทั้งที่ความจริงแล้ว พุทธศาสนาแทบจะกล่าวก็เฉพาะถึงเรื่อง สิกขา ( สิ + อิกขา = การมองตนเอง ) ล้วน ๆ เป็นการแก้ไขจิตใจตนเองให้ราบเรียบและยากขึ้นไปเรื่อย ๆ จนไม่อาจคิดได้ด้วยเหตุผล ทุกกิจกรรมที่ว่าแปลก พิสดารนั้น โลกนี้ได้บันทึกไว้หมดแล้ว จะไม่มีสิ่งใดพิสดารไปกว่าที่เคย ๆ ทำกันมาอีกแล้ว คนเราควรจะเข้าถึงอะไรเป็นพิเศษเพราะผม เบื่อโลกใบนี้ เต็มที
obor
- Monday, April 09, 2001 at 10:59:01 (EDT)
ไม่เห็นด้วย
จิระศักดิ์ แสงหิรัญ <gtj@jorjae.com>
- Saturday, April 07, 2001 at 05:40:55 (EDT)
ชอบแนวคิดของคุณอรสมตรงที่ไม่ได้โยนว่าเป็นความผิดของเด็กแต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาสังคมที่ทุกคนต้องร่วมมือกันแก้ไข สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านขอแนะนำให้อ่าน โดยเฉพาะผู้ปกครอง
นายวสุ โกยศิริพงศ์ <yokkui@poppymail.com>
- Wednesday, April 04, 2001 at 06:33:14 (EDT)
รู้สึกหนักใจกับอนาคตของชาติไทยมากค่ะที่เห็นวัยรุ่นวันนี้ที่จะต้องเป็นผู้ใหญ่ของประเทศนี้ในอนาคต ดิฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องรีบช่วยันดูแลจุดนี้โดยด่วนก่อนที่จะแย่ลงเรื่อยๆ จะหวังให้เด็กคิดว่าเขาเป็นปัญหาแล้วคิดแก้ไขคงเป็นไปไม่ได้ ประเด็นที่ต้องคำนึงคือ1. ครอบครัว หลายๆครอบครัวมีลูกโดยไม่พร้อมทังทางเศรษกิจและสังคม แต่คนเหล่านั้นไม่คิดว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเด็กที่มีคุณภาพ (ดิฉันทำงานกับหญิงตั้งครรภ์) เคยถามหญิงตั้งครรภ์ว่าการที่เขามีลูกคนหนึ่ง เขาคิดว่าต้องเตรียมพร้อมอะไรบ้าง ส่วนใหญ่เขาไม่คิด ไม่วางแผนอะไรกันเลย เขาคิดแค่วันนี้จะหาเงินให้พอมีซื้ออาหารไปวันๆ ดิฉันว่าเริ่มต้นก็แย่แล้วค่ะ ส่วนคนที่มีโอกาสกว่าในสังคมก็เลี้ยงลูกเป็นเทวดาไปเลย มือใครยาวสาวได้ก็สาวไป ว่างั้น ครอบครัวไม่สามารถเป็นที่เริ่มต้นสร้างเด็กที่มีคุณภาพและแข็แกร่ง แล้วผลที่ตามมาคือที่เราเห็นกันไง2. สังคม สิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมให้วัยรุ่นหันเหไปในทางแย่ๆ ไม่ว่าสื่อ เสนอภาพวัยรุ่นไฮโซ ดารา ที่ยัดเยียดให้เป็นแบบอย่างคนรุ่นใหม่ ถามจริงๆมีสักกี่คนที่เป็นแบบอย่างที่ดีได้จริงๆ การสร้างภาพกับการกระทำจริงๆที่ปรากฏ เป็นส่วนหนึ่งของแบบอย่างที่วัยรุ่นวันนี้พยายามเอาอย่าง หรือสื่อบอกว่าควรเอาอย่าง บวกกับแหล่งมั่วสุมบันเทิงอีกหลายรูปแบบที่กระทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน ไม่เคยคำนึงว่าเหยื่อของเขาคือวัยรุ่นที่ต้องเป็นอนาคตของชาติ กลุ่มเหล่านี้มักมีอำนาจมากเสียด้วย เพราะได้รับการสนับสนุนเกื้อกูลกันและกันจากการเมือง และราชการเลวๆในบ้านเรามันหนัหนาสาหัสทีเดียวนะกับการแก้ปัญหานี้
Piyarat Sinpisut <sipiyara@ratree.psu.ac.th>
- Monday, April 02, 2001 at 21:56:37 (EDT)
มีการพัฒนาที่ก้าวกระโดดไวไปหน่อยการหลั่งไหลของวัฒนธรรมมีอยู่อย่างต่อเนื่องแต่ไม่มีการกลั่นกรอง คัดสรร ถ้าได้รับการชี้แนะแนวทางที่เหมาะสมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์และเป็นภาพที่น่ามองกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน...สถาบันครอบครัวเป็นผู้ที่ทรงอิทธพลมากที่สุดถ้าการเชื่อมโยง และใช้ให้เป็นประโยชน์
กานท์ <baitong7@yahoo.com>
- Monday, March 26, 2001 at 01:24:13 (EST)
|