เหตุที่ข่าวนี้
สะเทือนใจผู้คนทั่วไป เป็นอย่างมาก ก็เพราะ
มันไม่เพียง เป็นโศกนาฏกรรม ที่เกิดขึ้น
ครั้งแล้วครั้งเล่า ในบ้านเรา แต่มันยัง
สะท้อนให้เห็นถึง คุณภาพของคน
ในสังคมไทยปัจจุบัน ได้อย่างชัดเจน
เหตุการณ์นี้ เริ่มต้นขึ้น
ในเวลาเย็น บนรถเมล์ ท่ามกลางสายตา
ของผู้โดยสารหลายคน เป็นเวลานาน คนเหล่านี้
ได้เห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ถูกลวนลาม ทำอนาจาร
โดยไม่มีทางสู้ ได้ยินกระทั่ง เสียงร้องไห้
ของเด็กทั้งคู่ ทว่า ทุกคน เลือกที่จะนิ่งเฉย
รายงานข่าว
ทางหน้าหนังสือพิมพ์กล่าวว่า
พยานหลายคนบนรถเมล์ คิดว่าเป็นเรื่อง
ทะเลาะเบาะแว้ง กันภายในกลุ่ม เข้าทำนอง
ผัวเมียทะเลาะกัน คนอื่นไม่ควรยุ่ง
จึงไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือ แต่ประการใด บ้างก็ว่า
เด็กช่างกล เหล่านั้น ฉลาดพอ
ที่จะเล่นละครตบตาคน
แต่ผมเชื่อว่า ผู้โดยสาร อีกหลายคน
ก็ฉลาดพอเช่นกัน ที่จะรู้ชัดว่า
นั่นเป็นการกระทำ อนาจารผู้หญิง บนรถเมล์
โดยกลุ่มอันธพาล หากไม่มีใคร อยากเข้าไปยุ่ง
เพราะธุระไม่ใช่ หรือไม่อยากเจ็บตัว
คนเหล่านี้ คงไม่ทันตระหนักว่า
ในช่วงเวลาเช่นนั้น พวกเขาเอง ก็ได้มีส่วนร่วม
ในการสร้าง ตราบาป ในชีวิต ให้แก่
เด็กสาวทั้งสองอยู่ เช่นกัน
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยกล่าวไว้นานแล้วว่า
"โลก เต็มไปด้วย อันตราย มิใช่เพราะมี
คนทำสิ่งชั่วร้าย แต่เพราะ มึคนยืนดูอยู่เฉยๆ
และปล่อยให้มี การทำสิ่งชั่วร้ายนั้น"
ประเด็นที่ควรพิจารณา ก็คือ
ข้ออ้างของ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่ว่า
อยากช่วยเหลือ ผู้เคราะห์ร้าย
แต่ไม่อยากเสี่ยงชีวิต หรือไม่อยากเจ็บตัวนั้น
มีน้ำหนักเพียงไร
ตามจริง ผู้โดยสารเหล่านั้น
ไม่จำเป็น ต้องเสี่ยงชีวิต เข้าแลก แต่อย่างใด
เพราะเพียงแค่ เดินลงจากรถเมล์ ไปบอกตำรวจ
ที่ปฏิบัติหน้าที่ อยู่แถวนั้น ว่าเกิดเหตุการณ์
ผิดปกติขึ้น บนรถเมล์คันดังกล่าว เด็กสาวทั้งสอง
ก็อาจจะรอดพ้น จากการถูกข่มขืน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บอกกับเราว่า
เรากำลังยอมจำนนต่อ ความไม่ถูกต้องในสังคม
มากขึ้นเรื่อยๆ จนแม้แต่ เรื่องที่ไม่ต้องใช้
ความกล้าหาญ มากมายอะไร ไม่ต้องเสี่ยงชีวิต
เพียงแค่เดินลงจากรถเมล์ ไปบอกตำรวจเท่านั้น
เรายังไม่คิดที่จะทำ
ที่สำคัญ หากเด็กช่างกลเหล่านี้
ยังคงลอยนวลอยู่ได้ โดยไม่ถูกจับกุม การนิ่งเฉย
ของคนในสังคมเช่นนี้ ก็อาจตอกย้ำ ให้เกิดค่านิยม
หรือความเชื่อใหม่ๆ ในกลุ่มเด็กวัยรุ่น
ที่จะลุกขึ้นมา ทำอะไรก็ได้ ตามใจปรารถนา
โดยปราศจาก การยับยั้งชั่งใจ ไม่ว่าเรื่องนั้น
จะเป็นเรื่องเลวร้าย ผิดศีลธรรมเพียงใด
เพราะเรื่องทำนองนี้ ไม่ใช่เรื่องที่
สังคมให้ความสำคัญ
ว่าไปแล้ว เหตุการณ์เช่นนี้
เคยเกิดขึ้นมาแล้ว นับครั้งไม่ถ้วน เพียงแต่
เป็นข่าวบ้าง ไม่เป็นข่าวบ้าง กลุ่มผู้ต้องหา
ในคดีนี้เอง ก็ยังรับสารภาพว่า เคยฉุดผู้หญิง
มาข่มขืน ในลักษณะคล้ายกันนี้ หลายครั้ง
จนเป็นเรื่องปรกติ เพียงแต่ข่าว ไม่ได้แจ้งว่า
ได้กระทำการ ในที่โล่งแจ้ง
ต่อหน้าผู้คนจำนวนมากหรือไม่
อีกไม่นาน เด็กช่างกล ทั้งห้าคน
คงจะได้รับการพิพากษา ส่วนเด็กหญิง ทั้งสองคน
ก็คงจะต้องใช้เวลา อีกนาน
กว่าจะเยียวยา บาดแผลที่เกิดขึ้น ผู้คน
และสื่อมวลชน ก็จะเลิกให้ความสนใจ รอจนกว่า
จะมีข่าว ทำนองนี้ เกิดขึ้นมาอีกครั้ง
และอีกครั้ง ตราบเท่าที่ คนในสังคม
ยังไม่มี ความกล้าหาญพอที่จะ ออกมาพิทักษ์
ความถูกต้อง ในสังคม
และเมื่อถึงเวลานั้น
ก็ยอมรับเถิดว่า เราทุกคน มีส่วนร่วม
ในการประกอบ อาชญากรรม เหล่านั้น
เพราะ การนิ่งเฉย ก็คือ การยอมรับว่า อาชญากรรม
คือความชอบธรรม
วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ |