|
|||||||||||||
ให้ คู่มือวัยใส
|
||||||||||||||
(ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณ คลิกที่นี่) เกษร สิทธิหนิ้ว : รายงาน / บุญกิจ สุทธิญาณานนท์ : ถ่ายภาพ |
||||||||||||||
"วัยใส" และ "วัยไม่ใส" โปรดอ่าน... "ถ้าเรามีความรู้สึกทางเพศ จะทำอย่างไร ? ...วัยรุ่นแต่ละคนจะเกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ในการที่จะสนองความต้องการทางเพศ ให้กับตนโดยการสัมผัสส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะการสัมผัสที่บริเวณอวัยวะเพศ เพื่อลดความกดดันทางกาย และให้เกิดความผ่อนคลาย หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ พัฒนาวิธีการสัมผัสอวัยวะเพศของตนจนถึงจุดสุดยอด และจะเรียนรู้วิธีการที่จะสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง ในการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองนั้น ทั้งหญิงและชายก็จะมีเทคนิค และการเรียกชื่อแต่ละวิธีต่างกันออกไป แต่ที่เหมือนกันคือการใช้มือและนิ้วมือในการทำ ผู้หญิง อาจใช้นิ้วมือสัมผัสบริเวณปุ่มคลิตอริส ที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "ตกเบ็ด" บางคนอาจใช้วิธีการคลึงและถูยอดบนของแคมใน บางคนเพียงแค่ใช้มือสัมผัสที่เต้านมและหัวนม ชายหนุ่ม จะใช้มือกำอวัยวะเพศโดยรอบ รูดขึ้นลง ควบคุมจังหวะและความเร็ว จนกระทั่งถึงจุดสุดยอด ซึ่งจะมีศัพท์เรียกแตกต่างกันออกไป เช่น ชักว่าว ห้ารุมหนึ่ง ใช้แม่นางทั้งห้า ตะกายฝาป่ายกำแพง หรือบางคนอาจใช้วิธีเสียดสีอวัยวะเพศระหว่างขาทั้งสองข้าง การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองกี่ครั้งถึงจะพอ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ สุขภาพและสภาวะจิตใจของแต่ละคน จุดสุดยอดของแต่ละคนไม่เหมือนกันและไม่เท่ากัน นอกจากนี้ในวัยรุ่นบางคนอาจใช้วัสดุอุปกรณ์อื่นช่วย เช่น การใช้ฝักบัวฉีด ส่วนการใช้อุปกรณ์อื่น ๆ ช่วยโดยมีการสอดใส่เข้าในอวัยวะเพศนั้น ต้องระมัดระวังในเรื่องการติดเชื้อโรคอื่น ๆ โดยเฉพาะหากอุปกรณ์ไม่สะอาดพอ และหากมีการหยิบยืมกันในกลุ่มเพื่อนฝูง จะเป็นการแพร่เชื้อทางเพศสัมพันธ์ให้กับผู้อื่นได้" นี่คือข้อความบางส่วนที่ปรากฏอยู่ในหนังสือ คู่มือวัยใส ซึ่ง "จัดทำขึ้นเพื่อให้น้อง ๆ วัยใสทั้งชายและหญิงได้ใช้ในการศึกษาและเรียนรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเมื่อย่างเข้าสู่วัยใส เพื่อจะได้รู้จักดูแลสุขภาพทางเพศได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งเป็นข้อมูลที่น้อง ๆ สามารถนำไปพัฒนาสุขภาพอนามัย และช่วยคลายความวิตกกังวลกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตัวน้อง อีกทั้งยังเป็นข้อคิดสำหรับการดำเนินชีวิตในวัยใส และเป็นข้อมูลให้น้อง ๆ ใช้ประกอบการตัดสินใจในการปฏิบัติตัว เพื่อให้วัยใสของน้อง ๆ ได้ก้าวไปอย่างมั่นคง มั่นใจ และมีอนาคตที่สดใสกันทุก ๆ คน" วัยใส ในที่นี้หมายถึง วัยที่มีการเจริญเติบโตเข้าสู่วัยรุ่น มีการพัฒนาทางเพศ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อหญิงชายอายุตั้งแต่ ๑๐ ปีขึ้นไป เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อารมณ์ ความรู้สึก หนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่ทำหน้าที่เป็น "คู่มือ" ของ "วัยใส" นี้จัดทำโดยองค์การสยาม-แคร์ (SIAM-CARE) ประเทศไทย สนับสนุนการจัดพิมพ์และเผยแพร่โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พิมพ์ไปแล้วสองครั้ง (พ.ศ. ๒๕๔๓, ๒๕๔๔) จำนวนทั้งหมด ๑๕๐,๐๐๐ เล่ม สมศักดิ์ เวียงย่างกุ้ง ผู้อำนวยการบริหารองค์การสยาม-แคร์ กล่าวว่า คู่มือวัยใส ไม่ได้เป็นตำราเรียน แต่เป็นคู่มือสุขภาพทางเพศ เนื้อหาในเล่มเป็นคำตอบของคำถามคาใจ "วัยใส" ที่องค์การสยาม-แคร์ทำงานคลุกคลีด้วย "ร้อยละ ๙๕ ของเด็กที่เราทำงานด้วย เข้าใจว่าเพศศึกษาคือเรื่องเพศสัมพันธ์เท่านั้น อีกร้อยละ ๕ บอกว่าไม่แน่ใจว่าคืออะไร คำถามที่เด็กส่วนใหญ่เป็นกังวลอยู่ เช่น ช่วยตัวเองมาก ๆ เป็นอะไรหรือไม่ เท่าไรจึงจะพอ เรื่องแบบนี้โรงเรียนไม่ได้พูด พ่อแม่ก็ไม่ได้พูด เราจึงจำเป็นต้องสื่อสารกับเด็ก" องค์การสยาม-แคร์พบว่าเด็กที่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ร้อยละ ๘๕ มีเพศสัมพันธ์ระหว่างช่วงต่อของการเปลี่ยนชั้นเรียน คือ ช่วง ป. ๖ ขึ้น ม. ๑, ม. ๓ ขึ้น ม. ๔ และ ม. ๖ สู่มหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในวาระโอกาสที่มีงานเลี้ยง งานวันเกิด ซึ่งเด็กจะได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองให้กลับบ้านดึกได้ โดยที่ร้อยละ ๙๐ มีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกัน "แต่ยังไม่น่าตกใจเท่ากับที่เราพบว่า ร้อยเปอร์เซ็นต์ของเด็กเหล่านี้ไม่มีใครคุยกับพ่อแม่เลย" สมศักดิ์กล่าว องค์การสยาม-แคร์ผลิต คู่มือวัยใส เพื่อใช้สื่อสารกับเด็กกลุ่มเป้าหมาย ครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๔๓ จำนวน ๕,๐๐๐ เล่ม ปรากฏว่าใช้ได้ผลดี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจึงขอนำไปพิมพ์ซ้ำเป็นครั้งที่ ๒ ในปี ๒๕๔๔ จำนวน ๑ แสนเล่ม หลังจากที่ได้ปรับปรุงเนื้อหาอีกครั้งโดยกลุ่มเป้าหมายเอง และผ่านการพิจารณาโดยคณะกรรมการสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ระหว่างที่หนังสือเล่มนี้เดินทางไปยังสถาบัน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการสอนเพศศึกษา ทั้งในและนอกระบบ ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหู บางคนว่า ภาษาที่ใช้ในหนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะสม ขัดกับวัฒนธรรมอันดีงามของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อความที่ยกมาข้างต้น มีความไม่เหมาะสม บางคนวิจารณ์ว่าไม่จำเป็นต้องอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ให้โจ่งแจ้งขนาดนี้ก็ได้ บ้างก็ว่าเป็นการชี้โพรงให้กระรอก บางเรื่องไม่จำเป็นต้องสอนเลยด้วยซ้ำ ของแบบนี้ถึงเวลาก็เป็นเอง อีกฟากก็ว่า นี่คือหนังสือที่สอนเพศศึกษาแก่วัยรุ่นที่ตรงที่สุด ชัดเจนที่สุด และดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะใช้ภาษาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจริง ๆ ไม่เหมือนงานวิชาการที่เคยทำมา ซึ่งเข้าไม่ถึงเด็ก เนื้อหาในหนังสือก็มุ่งให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาอย่างแท้จริง ไม่ล่อแหลม ด้วยกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้น สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจึงเรียก คู่มือวัยใส คืน เพื่อ "เซ็นเซอร์" คำบางคำ ประโยคบางประโยค ก่อนนำไปแจกจ่ายใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าในทัศนะของแต่ละคนที่มีต่อหนังสือเล่มนี้จะเป็นเช่นไร แต่ความจริงประการหนึ่งก็คือ การหยิบยกเรื่องเพศศึกษามาพูดถึง เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากที่สุดเรื่องหนึ่งของสังคมวัฒนธรรมไทย ไม่เช่นนั้นเพียงแค่คำวิพากษ์วิจารณ์คงไม่ส่งผลสะเทือนถึงหนังสือเล็มนี้ได้ เราคงไม่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นถกเถียง ถ้าความขัดแย้งต่อหนังสือเล่มเล็ก ๆ นี้ไม่โยงใยและสะท้อนให้เห็นว่า ณ วันนี้ สังคมไทยมองเรื่องการสอนเพศศึกษาอย่างไร และการสอนเรื่องเพศศึกษาระดับไหนที่สังคมไทยพอจะ "รับได้" ร่วมแสดงความคิดเห็น สนับสนุน หรือ คัดค้าน ! |
||||||||||||||
|
||||||||||||||
แล้วคุณล่ะ สนับสนุน หรือ คัดค้าน !
ต้องการ แสดงความคิดเห็นเพิ่ม คลิกที่นี่
พบเห็น ข้อความไม่เหมาะสม กรุณาช่วยกันแจ้ง ผู้ดูแลเว็ป (WebMaster) ขอบคุณครับ
สนับสนุนเต็มที่เลยค่ะ
อยากให้เด็ก ๆ ได้รู้เป็นเรื่องเป็นราวจะได้ไม่ต้องแอบ ๆ ซ่อน ๆ เรียนรู้ ทำให้ต้องลองผิดลองถูก แล้วจะเกิดปัญหาตามมาอีกมากเลยล่ะค่ะ
อริสา
- Sunday, April 10, 2005 at 05:11:06 (EDT)
คัดค้านเพราะเรียกยากเกินไปสังคมสมัยนี้อะไรก็เป็นคำหยาบไปหมดลองคิดให้ดีว่า ผู้แต่งอักษรไทยเขาใช้ยังไงเขายังไม่มีปัญหาเลย
ก
- Thursday, December 30, 2004 at 11:27:52 (EST)
ผมสนับสนุน 100% เลยครับ เพราะยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ควรจะจัดทำคู่มือเพศศึกษา และให้วัยรุ่นสมักเป็นสมาชิก เพื่อจะได้มี่การส่งข่าวสารเกี่ยวกับเรื่อง เพศ จะได้ไม่หลงผิด
อยากให้ทำ
- Saturday, December 20, 2003 at 04:46:43 (EST)
อะไรที่ปกปิด ไม่รู้ ถึงเวลารู้จะตื่นเต้นดี
อะไรที่เห็นแล้วรู้แล้ว มันทำให้ความรู้สึกด้านชา เฉยๆ
ละมั่ง
- Sunday, November 16, 2003 at 22:41:04 (EST)
สถานที่เที่ยวมีไม่มากพอสมควร
ฟายอีชอน รอยิง
- Monday, November 10, 2003 at 01:02:25 (EST)
เป็นคู่มือที่ไม่ได้เรื่อง เมื่อเกิดความต้องการทางเพศดันไปสอนให้ปรุงแต่งเพื่อเพิ่มอารมณ์เข้าไปอีกจนสำเร็จความใคร่ เมื่อทำบ่อยๆจนกลายเป็นนิสัยที่หมกหมุ่นในกาม เพราะทำแล้วมีความสุข ทำให้เยาวชนขาดความคิดพัฒนาการทางด้านสมอง
ทำไมไม่สอนให้มีสติพิจารณาในอารมณ์ที่เกิดขึ้น ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ อย่าปล่อยให้ความคิดปรุงแต่งไปเรื่อยจนถอนไม่ขึ้นจากความกำหนัด
แสดงว่าคนเขียนขาดความรู้ และไม่รอบคอบ และช่วยตัวเองบ่อยจนเป็นเรื่องปกติ
กรุณาพิจารณาใหม่
เด็กวัด
- Saturday, April 26, 2003 at 02:24:38 (EDT)
น่าจะสนับสนุนให้เด็กได้อ่านเพื่อให้ได้รู้ถึงข้อเสียที่เกิดขึ้นแล้วนำไปวิเคราะห์หาทางเลือกที่ดีที่สุด
นางสาวยุพิน ขันวิลัย <yukhunvilai@chaiyo>
- Monday, January 20, 2003 at 23:39:17 (EST)
ควรชี้แจงรายละเอียด ผลดีและผลเสียที่ชัดเจน มากกว่านี้ ครับ
จึงเรียนมาเพื่อพิจารณา
ขอบคุณมากครับ
สิทธิชัย บุบผาลา <sitthichai_b@hotmail.com>
- Sunday, December 22, 2002 at 01:10:00 (EST)
ก็ถ้าเกิดนำมาเผยแพร่ ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะวัยรุ่นรู้จักศัพท์พวกนี้ดีอยู่แล้ว ก็เหมือนสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำน่าจะนำเสนอเรื่องคุณประโยชน์ ซะมากกว่า
นางสาวกรพินธ์ บรมการจักรวาลวิวรรดิ
- Tuesday, November 05, 2002 at 22:35:51 (EST)
ตามความเห็นของผมคิดว่า มนุษย์เราสร้างอารยธรรมขึ้นมา ตามแต่ละสภาพแวดล้อมของจิตใจของมนุษย์แต่ละที่ จะให้มาเหมือนกันหรือจะมาเปลี่ยนกันง่ายๆก็คงจะไม่ง่าย เหมือนตัวผมเอง ก็คงต้องยอมรับว่าเรื่องsex ผมเองก็ต้องเรียนรู้เองจากแหล่งต่างๆทั้งที่ดีและไม่ดี ไม่เคยมีใครมาสอนมาบอก แต่ทุกวันนี้ก็คงมีห่วงลูกๆบ้างว่าเราจะเรียนรู้อย่างไร แต่ที่จะให้ผมสอนลูกเองนั้นก็คงคิดว่าไม่สามารถทำได้ แม้แต่คิดก็คงรู้สึกกระดากแล้ว ดังนั้นผมผมจึงเห็นด้วยอย่างมากที่จะมีการสอนเรื่องเพศในสถานการศึกษา ส่วนเรื่องที่ใครจะลองเอาปฎิบัติอย่างไร คงเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล อยากที่จะไปควบคุมได้
วรพจน์ รอดภัยปวง <worawit2532@lemononline.com>
- Saturday, October 12, 2002 at 19:59:43 (EDT)
เห็นดีเห็นงามด้วย
superman
- Tuesday, September 10, 2002 at 05:15:06 (EDT)
เห็นด้วยที่จะมีการสอนเรื่องนี้ค่ะ เพียงแต่คิดว่ามันก็คงไม่ง่ายนักในสังคมชาวพุทธ เพราะคนสอนก็อาย คนเรียนก็อาย ก็คงต้องค่อย ๆ พัฒนากันไป ดีกว่าให้เด็กไปหาวิธีเรียนลัดขั้นปฏิบัติเลยแล้วสังคมรับผิดชอบไม่ไหว ถ้าทำให้ทุกคนคิดว่าร่างกายเป็นเพียงอวัยวะธรรมดาเหมือนต่างประเทศได้เรื่องราวข่มขืนหรืออะไรทำนองนี้คงลดน้อยลง เพราะความกดดันทางเพศมีน้อยลงไปด้วย ดิฉันเห็นด้วยกับต่างประเทศที่สอนเด็กตั้งแต่เล็ก ๆ พ่อ แม่ ลูก อาบน้ำ ด้วยกัน เล่นด้วยกัน เด็กเล็กจะคุ้นเคย ไม่คิดว่าร่างกายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนหรือเรื่องน่าอายที่ต้องปกปิด ปัจจุบันที่อเมริกาเมื่อภรรยาคลอด สามี ลูก ญาติ เข้าไปอยู่ในห้องด้วยเลยเป็นเรื่องปกติมาก เริ่มตอนนี้ดีกว่าปล่อยให้สายกว่านี้ โลกทุกวันนี้ไปไกลมากแล้วค่ะ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องน่าอายอีกต่อไปเลยที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับระบบต่าง ๆ ในร่างกายของมนุษย์
เห็นด้วย
- Thursday, August 01, 2002 at 13:29:05 (EDT)
สวัสดีครับ
กระผม ขอสนับนุนในการเผยแพร่ ความรู้ที่มีประโยชน์ครับ การศึกษาเรื่องเพศ ผมไม่คิดว่าเป็นดาบสองคมน่ะครับ มันอยู่ที่บุคคลที่จะเอาปรับปรุงไปใช้ให้มีประโยชน์มากที่สุดครับ ไม่ได้อยู่ที่สื่อเท่าไหร่น่ะครับ(หมายถึงสื่อหนังสือที่เขียนในแนวให้ความรู้น่ะครับ ไม่ไช่หนังสือ โป๊ ลามกน่ะครับ นั่นมันเกินไป )
ผมสนับสนุนครับ ให้กำลังใจเต็มที่ ผมไม่คิดว่าทำลายวัฒนธรรมหรอกครับ พยายามเปิดใจซิครับมิฉะนั้นเราจะไม่ได้พบอะไรดีๆเลยในชีวิต และได้ศึกษาสิ่งที่เราไม่เคยทราบเคยรู้เพียงพอ
ทำเถอะครับ ต่างคนก้อมีความคิดต่างๆกันไป
ผมอยากอ่านครับ ไม่ทราบว่าไปหาซื้อที่ไหนครับ
กรุณาตอบด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
สมชาย ศรไชย <muanim001@yahoo.com>
- Tuesday, July 16, 2002 at 23:48:30 (EDT)
การจะทำอะไรในเรื่องเพศในสังตมไทยนี้นเป็นสิ่งที่มีอุปสรรคมาก เพราะสังตมไทยเราปิดกั้นในเรื่องเพศ ขอให้กำลังใจตนที่ทำงานในจุดนี้
นายเกษม ประยูร <auppy432@hotmail.com>
- Saturday, July 13, 2002 at 03:10:32 (EDT)
การสอนเพศศึกษาให้กับเด็กวัยรุ่น หรือแม้กระทั่งเด็กก่อนวัยรุ่นเป็นสิ่งจำเป็น เพราะมิฉนั้นเด็กๆ จะไปหาที่เรียนรู้เองโดยอาจข้ามภาคทฤษฏี ไปสู่ภาคปฎิบัติเองเลย ซึ่งก็จะเกิดปัญหาที่กำลังเป็นที่โต้เถียงกันในปัจจุบันนี้ คือเรื่องsex ในวัยเรียน หรือปัญหาการมีลูกเมื่อไม่พร้อม สังคมไทยต้องยอมรับความจริงว่าเรื่องเพศสัมพันธ์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ ไม่วันใดก็วันหนึ่งเด็กๆ ส่วนใหญ่ก็ต้องมีความรัก มีความต้องการที่จะเรียนรู้ในเรื่องเพศสัมพันธ์ คำพูดที่ว่า "มือถือสากปากถือศิล" จากนักเขียนเรื่องจันดารา คงจะใช้ได้ อย่าให้ "ศิลธรรม วัฒนธรรมอันดีงาม" มาทำลายชีวิตบุตรหลานของคุณ ยอมรับซะเถอะว่าสังคมสมัยนี้แทบจะสอนเรื่องเพศกันทางโทรทัศน์แล้ว "คู่มือวัยใส" ใช้ภาษาตรงไปตรงมา เด็กเข้าใจง่ายก็หาวิธีป้องกันตัวเองได้ เด็กหญิงเด็กชายไม่ต้องมีเพศสัมพันธ์ก็สามารถเรียนรู้เรื่องเพศได้ ถ้าคุณกล้าจริงก็ยอมรับแล้วอ่านให้บุตร หลานของคุณฟังนั่นแหละ ให้คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา อย่างคิดมากแบบพวกมือถือสากปากถือศิลเลย
วัยรุ่นตอนปลาย <ืnarat_49@hotmail.com>
- Saturday, July 13, 2002 at 00:43:28 (EDT)
**คู่มือหน้าตาเป็นยังไง? ให้ข้อมูลได้ครบครันมากแค่ใหน / แต่ถ้ามีก็คงจะเห็นด้วย เพราะที่ผ่านมาสังคมไทยยังไม่เปิดกว้างในเรื่องนี้ เด็กที่อยากรู้ก็ต้องไปแอบค้นหาเอาเอง จะให้ถามจากใครใด้ ในชั่วโมงเรียนก็มีสอนแค่พื้นฐานนิดหน่อย / ถ้ามีคู่มืออกมาอยากให้ผู้รับผิดชอบในโครงการนี้ เน้นไปที่เรื่อง **การคุมกำเนิดเลย** เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่ผิดพลาดกับเรื่องนี้มากๆ โดยประมาท หรือบางครั้งก็รู้เท่าไม่ถึงการ ** อย่างน้อยๆ เด็กทุกคนควรจะได้รู้ว่าเมื่อมีอารมณ์ทางเพศที่เป็นอารมณ์ทางธรรมชาติ แล้ว ควรปฎิบัติอย่างไร ทำอย่างไรไม่เป็นผลเสียต่อตัวเอง และครอบครัว มีวิธีคุมกำเนิดแบบใหนบ้างสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมจะมีครอบครัว /ส่งผลดีผลเสียอย่างไร/ได้ผลมากน้อยแค่ใหน ** ถ้าเด็กเขามีความรู้ในเรื่องนี้อย่างถูกต้อง อย่างน้อยเขาจะทำอะไรก็ต้องเอะใจ ว่ามีผลร้ายผลเสียตามมาแค่ใหน และถ้าเขามีความคิดเขาก็จะรู้จักหักห้ามใจได้
อลิสรา อุปลา
- Wednesday, July 10, 2002 at 06:45:12 (EDT)
การแก้ปัญหาเรื่องนี้ ควรต้องมาดูกันที่ต้นเหตุที่แท้จริงมากกว่า...เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย...หรือเพราะความล้มเหลวงของสถาบันต่าง ๆ โดยเฉพาะสถาบันครอบครัว...? ... การสอนเพศศึกษาในโรงเรียนไม่ใช่เรื่องน่าอาย เพียงแต่ว่าครูควรเป็นทั้งผู้สอน ผู้ปกครอง และผู้ให้คำแนะนำในยามที่เด็กมีปัญหา ...แต่ปัจจุบันนี้ (ตั้งแต่เริ่มปฏิรูปการศึกษา) จะพบว่า ครูส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลเอาใจใส่เด็กเท่าที่ควร (เพราะมัวเอาเวลาไป make portfolio ของตัวเองหมด เพราะเดี๋ยวจะมีคนมาประเมินเลยต้องรีบทำข้อมูล ..) ดังนั้นสถาบันโรงเรียนและสถาบันครอบครัวควรจะร่วมมือกันดูแลเด็กของตนอย่างจริงจัง...เมื่อถึงเวลานั้นคงไม่ต้องพึ่ง "คู่มือวัยใส" แน่นอน...
สรุป - คู่มือนี้ดีและเหมาะสมกับเด็กในกลุ่มเสี่ยงบางกลุ่ม แต่ไม่เหมาะสมกับเด็กทุกกลุ่ม...เพราะสำหรับเด็กที่ถูกอบรมสั่งสอนมาดีอยู่แล้วถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้ อาจจะกลายเป็นวัยแก่แดดไปเลยก็ได้...
ครูคนหนึ่ง <.......>
- Sunday, July 07, 2002 at 05:07:19 (EDT)
มีทั้งดีและไม่ดีแล้วแต่จะนำมาประยุกต์ใช้
hitrer
- Wednesday, June 26, 2002 at 23:06:04 (EDT)
ถึงไม่มีคู่มือเล่มนี้ออกมาเด็กสมัยนี้เขาก็มีความรู้เรื่องเพศศึกษากันดีอยู่แล้ว เขาหาความรู้กันเองโดยที่เราไม่สามารถตรวจสอบได้เลยว่าเขารู้กันมาจากไหน รู้มาแบบถูกๆหรือผิดๆ แจกไปเถอะค่ะ มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วแหละค่ะสำหรับวัยรุ่นไทยในยุค IT
คุณเจี๊ยบ
- Sunday, June 23, 2002 at 02:24:11 (EDT)
จากสื่อที่ออกมานั้นทำให้เด็กนักศึกษามีความสนใจเป็นอย่างมากแต่ก็ยังไม่เห็นหนังสือเลย
กระผมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคนในสังคมใคร่อยากขอทราบรายละเอียดการขอดูหนังสือ
ขอขอบคุณครับ
Dr. x
- Saturday, June 22, 2002 at 00:07:36 (EDT)
น่าจะจัดทำขึ้นนะค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องที่สัยรุ่นทุกคนอยากรู้ แต่ไม่กล้าที่จะไปถาม
นัยรัตน์ สุขดี <m_naiyarat@hotmail.com>
- Tuesday, June 18, 2002 at 08:22:59 (EDT)
คนไทยมีวัฒนธรรมที่บรรดาผู้ที่อ้างว่าเป็นปัญญาชน ยังไม่เข้าใจ และพยายามไม่เข้าใจ พยายามยกความคิดของตนขึ้นเป็นเกณฑ์ เป็นหลักของสังคม แล้วพยายามบิดผันสังคมให้เป็นไปตามนั้น ปัญหาเรื่องเพศในสังคมไทย หรือเพศศึกษาที่ฝ่ายเห็นว่าเป็นปัญหา คือการสมสู่ กำบำบัดความใคร่ ของตนเอง มองคนที่มีสติรู้ข่มใจว่าเป็นคนเก็บกด ปัญหาทางเพศของเด็กวัยรุ่นปัจจุบัน เป็นปัญหาเช่นเดียวกับเด็กเมื่อสิบปี ร้อยปี พันปีที่แล้ว
ทราบกันไหม ยอมรับกันไหม ว่าเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว เด็กอายุต่ำกว่าสิบขวบ สังวาสกันแล้ว บางรายพ่อแม่พบเห็นก็ห้ามปราบ สอนสั้งกันไป คนรุ่นหนุ่มยุคนั้น ก็มีสัมพันธ์ทางเพศกัน นักเรียนนักศึกษา ที่มีเพศสัมพันธ์กันก็มี นั่นคือยุค คือสมัยที่ประชากรยังน้อย สือยังน้อย คนเก่ง ปัญญาชนขี้บนเรื่องชาวบ้านยังน้อย ความสัมพันธ์ทางเพศเป็นเรื่องธรรมชาติ คนที่เป็นธรรมชาติ ไม่ค่อยมีปัญหา คนปัญญาชนที่ว่านั่นแหละตัวปัญหา ใช้ความฉลาดแกมโกงของตัวเองกดขี่ทางเพศ ครูอาจารย์ชายล่อศิษย์สาว ครูอาจารยสาวก็ล่อศิษย์ชาย ผู้ใหญ่ชาย ผู้บังคับบัญชาชายก็ล่อผู้อ่อนกว่าผู้ใต้บังคับบัญชาหญิง ข้างหญิงก็ล่อลูกน้องชาย มีทั้งนั้น ปกปิดกันได้ก็ไม่มีอะไร ชัดแจ้งขึ้นมาหน่อยประโคมให้มันใหญ่โต
หยุดกันเถอะ คนจะสืบพันธุ์กัน ไม่ต้องสอนหรอก เอาตัวเองให้ดีก่อนเถิด สัตว์มันไม่ต้องสอนกัน คนมันโง่กว่าสัตว์หรือไง
วรเทพ <vorthep@chaiyo.com>
- Saturday, June 15, 2002 at 06:04:29 (EDT)
อย่าให้มีเลยจะดีกว่า กลัวว่าเดี๋ยวมันจะไปกันใหญ่น่ะ แค่นี้ก็แทบแย่อยู่แล้ว เอาสมองไปคิดแก้ปัญหาบ้านเมืองมากมายจะดีกว่า
นานาจิตตัง <nana@chittung>
- Friday, June 14, 2002 at 06:30:53 (EDT)
ผู้ที่ควรสอนหรือบอกเล่าเรื่องเพศที่ถูกต้องกับวัยรุ่นมากที่สุดก็คือ คนเป็นพ่อหรือแม่ แต่จะมีสักกี่ครอบครัวกันที่ พ่อแม่จะแนะนำเรื่องเหล่านี้กับลูกๆ ในเมื่อพ่อแม่ไม่กล้าบอกเล่าตรงๆก็บอกเล่าผ่านหนังสือได้ อย่าให้วัยรุ่นต้องมาเรียนรู้กันเองผิดๆถูกๆเลย ถ้าเด็กรู้และเข้าใจอย่างถูกต้อง คงจะไม่มีการทำแท้ง หรือเป็นคุณแม่ทั้งที่ยังไม่พร้อมหรอก สอนให้รู้จักป้องกันดีกว่าต้องตามแก้ปัญหาทีหลัง
noname
- Wednesday, May 22, 2002 at 00:25:34 (EDT)
I am a thai girl who stay in Europe nowadays. I'd like to say that it would be a good idea to exist some kind of book like this. The reason among other is most of "thai children" have never thaugh by parents or school about this that clearly !! It causes so many problems to them e.g. they don't know exactly how to protect pragnant if they have done that,they don't know even what can effect them afterwards and so on. It's only a book that gives more knowledge of "sex". In fact, the school system should also have someone who can help/advice them in the right way-because they are not able to talk about this with the normal adults around them, just because of the word " thai society",isn't it right?
In another part of this world.It's one of the most important lesson that everybody has to learn since they 8-12 years old. The differences between thai school and the school here is when the teachers teach us, they always tell a little bit because the boy will react or speak some impolite words meanwhile the girls will be shy to hear that even it's the thruth.Therefore they it will never be cleared until we get married or learn by ourselves. Here the teachers talk (i think the word"talk" is more comfortable than "teach",just from what they do)with the boys or girls in a small group and DO NOT mix them together,then they can ask whatever they want to ensure that they all know exactly what they want to teach!! Furthermore the parents open their mind to talk about this and help them as much as possible. It is a very good idea, in my opinion. And the last thing all the teenagers here have to see the doctor before they will have their first interreaction. Of course they have a lot of freedom but they will never get problem from freedom. Above all, it should begin from parents and school to change your mind about sex. Otherwise children have to learn by themselves again and again. If the problem is exist,what are you going to sad for??
Thank you to read it all,my guys.
aann <aannanuchit@yahoo.com>
- Wednesday, May 15, 2002 at 09:37:03 (EDT)
ไม่เห็นว่ามันจะน่าอายหรือยังงัยเลยเพราะปัจจุบันเรื่องเพศศึกษากำลังเป็นปัญหาสังคมขนาดใหญ่เล่ยก็ว่าได้เพราะเราจะเห็นได้จากคนรอบข้างหรือตามหน้าหนังสือพิมพ์ซึ่งบุคคลเหล่านี้อาจจะมีความรู้เรื่องเพศหรือไม่มีก็ได้ แต่แน่นอนสิ่งที่พวกเขาทำอยู่มันผิดแน่นอนแล้วผู้ที่เดือดร้อนก็คือเด็กทารกตาดำๆ ที่ต้องมาตายหรือถูกทอดทิ้ง หรือแม้กระทั่งเด็กโตขึ้นมาถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนหรือทำร้ายในเมื่อวัยรุ่น ในปัจจุบันกระทำตัวใกล้ชิดกันอย่างไม่อายฟ้าดิน เราก็จงเปิดเผยความถูกต้องให้พวกเขาได้รับรู้และปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องกันดีกว่าจะมา บอกว่าใช้คำไม่สมควรใช้คำตรงๆ จะทำให้วัยรุ่นสนใจที่จะอ่านมากกว่าคำสุภาพอีกด้วย
ไม่บอก
- Monday, May 13, 2002 at 20:20:03 (EDT)
เรื่องการสืบพันธ์นั้นเป็นเรื่องสามัญประจำบ้านกรุณาอย่าแปรสภาพให้มันกลายเป็นเรื่องโสมม เพราะเราๆท่านๆต่างก็ถือกำเนิดกันมาจากมดลูกมารดาด้วยกันทั้งสิ้นหาใช่ดอกบัวบนแดนสุขาวดีแต่อย่างใด
เรื่องเพศที่โจ่งแจ้งและโจ๋งครึ่มในบ้านเมืองเรานั้นคือผลผลิตที่เลวของวาทกรรมสมัยใหม่ตั้งแต่ครั้งที่มนุษย์ร่วมสมัยกับพระนางเจ้าวิคตอเรียยังแสลงใจเมื่อเอ่ยถึงเรื่องสัปดี้สีปะดนแม้เพียงเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างการสวมหรือไม่สวมเสื้อก็ยังจะเต้นเร่าๆเอาไปใส่มุ้งสายบัวกันราวกับว่าเป็นอาชญากรรมเทียมเทียบกับโอละพ่อแจ็คมือมีด(Jack the Ripper)ไปเสียฉิบ
ข้าเจ้ารูสึกเหนื่อยหน่ายที่เห็นนิสัยสันดานชอบเล่นแง่ของปู่ย่าตาทวดต้องมาถูกเก็บกดเอาไว้ด้วยวัฒนธรรมทางเพศที่ล้าสมัยและไร้ประโยชน์ต่อความเป็นคนไทยแท้ๆโดยสิ้นเชิงและรู้สึกเป็นห่วงไม่น้อยกับพฤติกรรมที่ถูกมอมเมาโดยวัฒนธรรมเมื่อร้อยกว่าปีก่อนของพวกมือถือสากปากถือศีลที่เกลียดตัวแต่ชอบเจาะใข่เสียเลือเกิน
ในโลกตะวันออกการให้ความรู้เกี่ยวกับเพศนั้นไม่อยู่ขอบเขตของคำว่าไร้วัฒนธรรมและความผิดบาปเพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของวงจรชีวิตไม่ว่ามันจะสอนหนูๆว่าจะ"สอด"หรือ"เสียบ"จนหลายคนที่นิสัยแสนดีเสียวไปตามๆกันก็แล้วแต่ ก็ไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใดสำหรับโลกที่เพศศึกษาสามารถให้ความรู้กันได้ตามฝาผนังของโบสถ์วิหาร
disthankara <pomoissimo@yahoo.it>
- Wednesday, May 08, 2002 at 04:05:54 (EDT)
ผมว่าทั้งหมดนี้ควรขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ที่ให้การสนับสนุนนะเพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษาหรือเนื้อหาทั้งหมดจะบ่งบอกถึงความที่มีความรู้ของผู้ใหญ่ท่านนั้นว่ามีระดับความรู้เท่าไร......
สมโภชน์ วิปุลัมภ์ <jeab_fu>
- Monday, May 06, 2002 at 12:38:02 (EDT)
สังคมไทยเป็นสังคมมือถือสากปากถือศีล ปากว่าตาขยิบ คลื่นลูกเก่ายังไม่กระทบฝั่ง คลื่นลูกใหม่ยังอ่อนพลัง ความขัดแย้งก็เป็นเรื่องธรรมดา ขึ้นอยู่กับว่าเราจะนับถืออะไร "สาก" หรือ "ศีล"
wachi69 <wachi69@yahoo.com>
- Friday, May 03, 2002 at 23:33:43 (EDT)
totaly agree
fee
- Thursday, May 02, 2002 at 11:06:30 (EDT)
พวกผู้ใหญ่ ที่โตมากับสังคมเก่า ๆ ยังมองภาพของเด็กวัยรุ่นไทย ไม่ออกไม่รุ้ว่ามีข้อมูลวิจัย หรือว่าไปทำวิจัยกันมาหรือป่าว ก่อนออกหนังสือเล่มนี้ มีบางส่วนก็ดี บางส่วนก็แย่ แต่โดยรวมแล้ว ออกมาไม่ค่อยมีผลต่อเด็กมากนัก เด็กจะอ่านก็แค่กระแสที่ออกมา ว่ามันคืออะไรทำไมมันวิจารณ์กันมากนัก สิ่งที่เขียนมาบอกได้เลยว่า เด็ก 10 ขวบเข้าก็รู้กันแล้ว
jimmy
- Monday, April 29, 2002 at 21:05:11 (EDT)
เรื่องแบบนี้เป็นดาบสองคมน่ะ ถ้าไม่รู้จักใช้ศิลปการสอนก็จะเท่ากับทำร้ายเด็กไม่รู้ตัว ถ้าจะให้ดีควรสอนศีลธรรมกำกับไปด้วยจะได้ให้เด็กเกิดความยับยั้งชั่งใจเด็ก
editor9002@yahoo.com
- Sunday, April 28, 2002 at 09:01:46 (EDT)
เรื่องแบบนี้เป็นดาบสองคมน่ะ ถ้าไม่รู้จักใช้ศิลปการสอนก็จะเท่ากับทำร้ายเด็กไม่รู้ตัว ถ้าจะให้ดีควรสอนศีลธรรมกำกับไปด้วยจะได้ให้เด็กเกิดความยับยั้งชั่งใจเด็ก
editor9002@yahoo.com
- Sunday, April 28, 2002 at 09:00:49 (EDT)
ทำยังกับว่า เรื่องเซ็กส์ไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ
ถ้าหากเด็กมันโตอยู่ในป่า ในเขา ในธรรมชาติ ก็คงไม่ต้องสอน ไม่ต้องปิดบังกันมากนัก เพราะพวกเขาจะเห็นเองจากธรรมชาติ
ทีนี้เด็กเมือง ที่ถูกเสนอโดยสื่อ และถูกปิดกั้นโดย "ความน่าจะเป็น" ที่กำหนดโดยคนอีกรุ่นนึง
มันตลกนะ ถ้าเกิดว่าไม่ให้โอกาสทางความคิดเลย ผู้ใหญ่คิดแทนหมด
ทำไมผู้ใหญ่ไม่เรียนรู้จิตวิทยาดีๆ ที่จะคุยกับเขา สนับสนุนเขาอยู่ห่างๆ กระตุ้นให้เขาได้คิดด้วยตัวเขาเอง แนะนำเขา รับฟังเขา
คู่มือวัยใสเป็นตัวอย่างนึงของการพัฒนา ทุบกระจกตีกรอบระบบปิดกั้น
คำพูดไม่ได้หยาบโลนอะไร ถ้าเด็กอ่าน ก็ควรไกด์พวกเขาสิ
ให้ความรู้เพิ่มเติมไปว่า มันมีสิ่งที่น่าสนใจกว่าการ สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง
ไม่เห็นจะยากเลย มัวแต่กระดากอายกันอยู่ทำไม กับพื้นฐานของชีวิตมนุษย์น่ะ
sinnEr
- Thursday, April 25, 2002 at 00:14:08 (EDT)
ผมขอสนับสนุนเต็มที่ เราทุกคนควรพิจารณาถึงความเป็นจริงว่าอะไรเกิดขึ้นในสังคมไทย อย่างมองอะไรแบบง่ายเกินไป อย่ามือถือสากปากถือศีล ควรมองที่ความจริง อย่ามองในมิติของตนเองมากเกินไป
Paisan Kanthang <pk_quantum2000@yahoo.com>
- Wednesday, April 24, 2002 at 03:07:57 (EDT)
ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ได้เสียหายอะไร หากมิได้มีการสื่อในแนวล่อแหลม เพราะมันเป็นสิ่งที่เด็กควรจะได้รู้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เด็กจะไม่สามารถหาคำตอบจาก "ผู้ใหญ่"
ได้เลยแม้แต่น้อย มักจะรู้จากเพื่อน หรือรุนพี่ซึ่งอาจจะถูกหลอกได้เพราะความที่คุนเคยกันจนไม่ได่คิดระวังตัวว่าเขาอาจหลอกเรา แต่การที่ทำเผยแพร่ควรดูความสมควรของอายุด้วยครับ
กฤษฎา ไชยะ <human_be@hotmail.com>
- Sunday, April 21, 2002 at 12:14:01 (EDT)
เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ
aree jungsatitkul <aj_aree@hotmail.com>
- Saturday, April 20, 2002 at 19:21:48 (EDT)
สำหรับคู่มือวัยใสที่ตีพิมพ์ออกมานั้น ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่มองดูแล้วก็เป็นเรื่องปกติซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของมันทุกคนที่เกิดมาต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองก็จริงอยู่หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเอามาสอนให้เด็ก ๆ แต่ที่จริงแล้วผมคิดว่าถ้าเราไม่สอนให้เด็ก ๆ ได้รู้เขาอาจทำอะไรที่อย่างที่ผู้ใหญ่ไม่รู้อาจเกิดอันตรายต่อเด็กได้หากเด็กทำอะไรที่ผิดวิธี หากผู้ใหญ่อย่างเราคอยสั่งสอนให้ความรู้เด็กที่พอควรก็จะทำให้เด็กได้เข้าใจอะไร ๆ มากขึ้น ซึ่งไม่เกิดก่อให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังเพราะเด็ก ๆ รู้ว่าอะไรเป็นยังไงควรไม่ควร
หนุ่ม <noomsombunlap@chaiyo.com>
- Friday, April 19, 2002 at 01:42:23 (EDT)
I totally object!!! Should not distribute these books. The child should learn by them self with SOME guideline. This book is more than guideline for the kids. The author of this book should consider to use more appopreate way(s) AND more appropreate words.
As for the way they illustrated in the book, I consider the auther the author not clever at all.
Only use some cute pictures does not make the book looks innocent at all. But it present what's in the brain of the book creators that they had no brain at all.
www
- Thursday, April 18, 2002 at 13:28:14 (EDT)
คู่มือวัยใสเป็นสิ่งดี ควรให้วัยรุ่น ทราบถึงข้อมูลทั้งหมดของเพศศึกษา เพราะเชื่อว่าไม่นานพวกเขาจะต้องได้ใช้ความรู้ทั้งหลายที่พวกเขามี แต่คู่มือวัยใสก็ควรระบุอย่างชัดเจนว่าใช้กับกลุ่มไหน อายุเท่าใด เพราะแต่ละกลุ่ม แต่ละวัย มีความแตกต่างในการรับรู้ จึงควรจะต้องมีข้อมูลทางเพศศึกษาสำหรับคนแต่ละวัยที่แตกต่างกัน
pp
- Wednesday, April 17, 2002 at 05:16:35 (EDT)