Page 167 - Skd 298-2552-12
P. 167
พรอ้ มเสรจ็ สรรพ
ดวงกลม ๆ ท่ีเห็นท่ิมแทงลูกตาอยู่นั่นแหละ หรือเปิด
กระเป๋าตังค์ของบางคนยังมีแผ่นกระดาษบันทึกดวงชะตา
กลม ๆ ทหี่ มอด ู “ผกู ดวง” วนั เกดิ ไวใ้ ห ้ เพอ่ื “อา่ น-ตคี วาม” สิ่งที่น่าสนใจอย่างย่ิงในต�ำราดาวฉบับขุนโพธิ์นี้คือ
ท�ำนายนิสัยใจคอเหตุการณ์ดีร้ายท่ีจะผ่านเข้ามาในชีวิต แผนทดี่ าวขนาดใหญว่ าดเปน็ วงกลมซอ้ นกนั หลายชนั้ แตล่ ะชนั้
รปู ลกั ษณข์ อง “ดวงฤกษ-์ ดวงชะตา” กลม ๆ นเี้ องคอื แผนท่ี ประกอบด้วยแผนผังต่าง ๆ เรียงขยายจากชั้นในสุดออกมา
ดาวอยา่ งยอ่ อยา่ งงา่ ยทส่ี ดุ ตำ� แหนง่ ๑๒ ราศ ี (กอง หม)ู่ อนั ไดแ้ ก่
ทั้ง ๑๒ ช่องน้ัน คือต�ำแหน่งดาว ๑๒ กลุ่ม ตั้งแต่ราศีเมษ ช้ันท่ี ๑ ราศีต่าง ๆ ท้ัง ๑๒ ราศีซ่ึงเป็นเรือนของดาวพระ
ราศพี ฤษภ ราศมี ถิ นุ ...ไลไ่ ปสน้ิ สดุ ทก่ี ลมุ่ ดาวราศมี นี ทง้ั หมด เคราะห ์ (เกษตร)
๑๒ กลมุ่ นี้อยู่ใน “อนั โตมณฑล” อนั หมายถงึ ในแถบองศา
ท่พี ระอาทิตยโ์ คจรผา่ น ม๔ถิ พนุ ฤ๖ษภ เม๓ษ ม๕นี ก๗มุ ภ์
กร๒กฎ มงั๗กร
สว่ นตวั เลข ๑, ๒, ๓,...จนถงึ ๐ ทบ่ี รรจอุ ยใู่ นชอ่ งตา่ ง ๆ ส๑งิ หก์ ๔นั ย์ ต๖ลุ ย์ พ๓จิ กิ ธ๕นู
กระจายไปใน ๑๒ ชอ่ งนนั้ กค็ อื ตำ� แหนง่ ของดาวพระเคราะห ์
ในวนั เวลาท่ีก�ำหนดว่าปรากฏขึน้ ในกลุ่มดาวราศอี ะไร ในคัมภีร์ต�ำราดาวฉบับขุนโพธิ์ เมืองเพชรบุรี ได้กล่าว
ถึงค�ำว่า ราศี ไว้ว่า “ก�ำลังทวาทศราศีกว้างได้ ๙๐๐,๐๐๐
ดังน้ัน ส�ำหรับคนท่ีดูดาวเป็น ดูดวงเป็นไปพร้อมกัน โยชน”์ (น. ๑๖ บ. ๑)
เพียงเปิดหน้าหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ในแต่ละวัน เขาก็จะรู้
แล้วว่าบนท้องฟ้าขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็นกลางวันแสก ๆ หรือ ค�ำว่า “ราศี” นี้ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
กลางคืนฟ้าหม่นมืดเมฆฝนกระทั่งมองไม่เห็นดาว แต่หลัง พ.ศ. ๒๕๒๕ ให้ความหมายว่า “กอง หมู่ เช่นบุญราศี ว่า
แสงจ้าหรือเมฆทึบหม่นน้ัน ในช่วงเวลาใดก�ำลังมีดาวฤกษ์ กองบญุ , ชอ่ื มาตราวดั จกั รราศ ี คอื ๓๐ องศา เปน็ ๑ ราศ”ี
ดาวพระเคราะห์เรียงตัวกันอย่างไร ปรากฏอยู่บริเวณไหน
ในทอ้ งฟ้าของวันนั้น การจะเข้าใจความหมายของค�ำว่า “ราศี” นั้น จ�ำเป็น
ต้องมีห้วงมโนนึกท่ีฟากฟ้า เพราะเรื่องของราศีเป็นเรื่อง
แผนทีด่ าวฉบับขุนโพธ ์ิ เมอื งเพชรบรุ ี ของปรากฏการณ์บนฟ้าซ่ึงเกิดจากความเก่ียวพันของดาว
พระเคราะห์กับกลุ่มดาวนักษัตรเป็นส�ำคัญ เพราะดาวพระ
ขุนโพธ์ิ เคยเป็นหมอยากลางบ้านของเมืองเพชรบุร ี มี
ชวี ติ อยใู่ นสมยั รชั กาลท ี่ ๕ ตง้ั บา้ นเรอื นอยทู่ ถ่ี นนแปลงนาม
อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั เพชรบรุ ี บา้ นขนุ โพธเ์ิ ปน็ เรอื นไทยหลงั
ใหญแ่ ขง็ แรง ไดร้ บั การดแู ลรกั ษามาอยา่ งดอี ยใู่ นรม่ เงาครม้ึ
ของแมกไม้ เม่ือขุนโพธิ์ส้ินชีวิต สรรพต�ำราต่าง ๆ ท่ีท่าน
เคยศึกษาใช้งานรวบรวมไว้ก็ได้ตกทอดเป็นของทายาท
รวมถงึ “ตำ� ราดาว” อนั มคี ณุ คา่ ซงึ่ คณุ สภุ าพ ชติ รตั น ์ ผสู้ บื
ตระกูลร่นุ หลงั ไดเ้ กบ็ รักษาตำ� ราดาวฉบบั นี้ไวถ้ งึ ปัจจบุ นั
ต�ำราดาวฉบับขุนโพธิ์ เป็นสมุดข่อยโบราณแต่ยังมี
สภาพสมบูรณ์ มีขนาดกว้าง ๑๒.๕ เซนติเมตร ยาว ๔๐.๒
เซนติเมตร เขียนด้วยหมึกด�ำเป็นอักษรไทย อักษรขอม
และอักษรเชฺรียงอีก ๑ ประโยค แต่ละหน้าเขียนอักษรไว้
๔ บรรทดั มกี ารวาดรปู ดาวตา่ ง ๆ เปน็ ภาพลายเสน้ ประกอบ
และมแี ผนทด่ี าวขนาดใหญป่ รากฏอยดู่ ว้ ย ซง่ึ ดจู ากอกั ขรวธิ ี
ของอกั ษรไทย อกั ษรขอม และอกั ษรเฉยี งขอมในตำ� ราดาว
น้ี บ่งบอกอายุของต�ำราดาวว่าน่าจะคัดลอกหรือเขียนขึ้น
ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ฉบบั ที่ ๒๙๘ ธันวาคม ๒๕๕๒ นติ ยสารสารคดี 173