๑๒ สิงหาคมปีที่ผ่านมา ชายชาวฝรั่งเศสผู้หนึ่งซึ่งไว้หนวดเรียวงาม ตกเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ และยังคงเป็นที่กล่าวขานถึงในปัจจุบัน
วันนั้นนายโจเซ โบเว เกษตรกรวัย ๔๗ ปีแห่งเมืองมิเลอทางตอนใต้ของฝรั่งเศส
พร้อมด้วยกลุ่มเกษตรกรจำนวนมาก
ในนามของ "สมัชชาเกษตรกรรายย่อย"
ได้เข้าบุกยึดและพังร้านแมคโดนัลด์
ซึ่งเป็นร้านฟาสต์ฟูดแห่งแรกของเมืองนี้ สร้างความเสียหายให้แก่ร้านประมาณ ๕ ล้านบาท
ก่อนจะถูกตำรวจจับกุมตัวในที่สุด
พร้อมกับพวกอีกสี่คน
โบเวเป็นเกษตรกรเจ้าของฟาร์มแกะ
ในแคว้นลาร์ซาค เขายึดอาชีพเกษตรกรมานาน ๒๕ ปี
เคยร่วมมือกับเกษตรกรนับร้อยราย
ต่อสู้นานถึง ๑๐ ปี
เพื่อไม่ให้ที่ดินของพวกเขา
ต้องถูกเวนคืนเป็นค่ายทหาร
และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสมัชชาเกษตรกรรายย่อย
แห่งประเทศฝรั่งเศส
หลายวันต่อมา
โบเวผู้ปฏิเสธที่จะขอประกันตัว
และถูกศาลพิพากษาสั่งจำคุก ก็เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ
หลังออกจากคุก
และกลับไปที่ฟาร์ม
กองทัพนักข่าวทั้งหนังสือพิมพ์
และโทรทัศน์แห่ตามไปสัมภาษณ์นายโบเวถึงบ้าน ในฐานะวีรบุรุษคนใหม่ของฝรั่งเศส
นายลิอองเนล จอสแปง นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศส เรียกเขาว่า "คนเหล็กที่มีชีวิตชีวา" สื่อมวลชนฝรั่งเศสยกย่องให้เขาเป็น "ชาวฝรั่งเศสคนสุดท้าย
ที่จะติดคุกเพื่ออุดมการณ์ของสาธารณรัฐ"
เพราะการพังร้านแมคโดนัลด์
คือสัญลักษณ์แห่งการปกป้องชาวฝรั่งเศส ซึ่งแม้แต่รัฐบาลก็ยังไม่กล้าพอ
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า
เมื่อหลายปีก่อนสหภาพยุโรป
หรืออียูได้พบว่า
เนื้อวัวที่นำเข้า
จากประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีโฮโมนมาก
เพราะเกษตรกรอเมริกัน
ฉีดสารเร่งการเจริญเติบโตให้วัว ซึ่งมีแนวโน้มจะทำให้ผู้บริโภคเป็นมะเร็งได้ อียูจึงสั่งห้ามนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ
รัฐบาลสหรัฐฯ
จึงไปเรียกร้อง
ให้องค์การการค้าโลก
กดดันอียูให้ยอมนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ แต่ไม่สำเร็จ รัฐบาลสหรัฐฯ จึงตอบโต้ด้วยการตั้งกำแพงภาษีสินค้าเกษตรจากอียูสูงถึง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
ผลก็คือ ทำให้สินค้าเกษตรจากกลุ่มประเทศอียู เช่น มะเขือเทศ หัวหอม ช็อกโกแลต มัสตาร์ด เห็ด และเนย
ที่ส่งมาขายสหรัฐฯ มีราคาสูงลิบ ทำให้ขายไม่ออก เกษตรกรในฝรั่งเศสเองก็เดือดร้อนกันถ้วนหน้า
|