Page 71 - Skd 381-2559-11
P. 71

คอลมั น ์ “ซองค�ำถาม” ยนิ ดีไขทุกข้อสงสยั ท่ีต้องการใหเ้ ราหาคำ� ตอบ ส่งมาพร้อมชอื่ -ท่อี ยู่ทางไปรษณยี บตั ร จา่ หนา้ ถึง “ซองคำ� ถาม” นิตยสาร สารคดี
                     ๓ ซอยนนทบุร ี ๒๒ ถนนนนทบุรี (สนามบินน้�ำ) ต�ำบลบางกระสอ อำ� เภอเมอื งนนทบุรี จังหวดั นนทบรุ ี ๑๑๐๐๐  หรอื ทางอเี มล 108@sarakadee.com 
ค�ำถามทไ่ี ด้รับเลอื กตีพมิ พล์ งคอลัมน์นจ้ี ะไดร้ ับหนังสือ ๑๐๘ ซองค�ำถาม เล่ม ๑๒ จากสำ� นกั พิมพ์สารคดี และนติ ยสาร สารคดี ฉบบั ทตี่ พี ิมพ์คำ� ถามน้นั  ๆ มอบให้แทนคำ� ขอบคณุ

                                                                        เกยี่ วกบั พระพทุ ธเจา้  พระราชา และพระราชนิ  ี เพอื่ แสดงพระเกยี รตยิ ศ
                                                                        อันหมายถึงสูงสุด  จึงน�ำมาใช้กับพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ใน
                                                                        ราชวงศจ์ กั ร ี โดยขน้ึ ตน้ ดว้ ยคำ� วา่  “พระบาทสมเดจ็ พระปรม...”

                                                                              สว่ น “อนิ ทร” หมายถงึ ผเู้ ปน็ ใหญ ่ ใชก้ บั พระราชาหรอื พระอนิ ทร์
                                                                              หลกั การ “ปรมนิ ทร” หรอื  “ปรเมนทร” ก�ำหนดใหใ้ ช ้ “พระบาท
                                                                        สมเด็จพระปรเมนทร...”  ต่อเม่ือเป็นรัชกาลในล�ำดับเลขคู่  และ
                                                                        “พระบาทสมเด็จพระปรมินทร...”  ต่อเม่ือเป็นรัชกาลในล�ำดับเลขคี ่
                                                                        เร่ิมใช้มาต้ังแต่รัชกาลที่ ๔ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหา-
                                                                        มงกฎุ ฯ (ร. ๔)  พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาจฬุ าลงกรณฯ์  (ร. ๕) 
                                                                        พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธฯ  (ร. ๖)    พระบาทสมเด็จ
                                                                        พระปรมนิ ทรมหาประชาธปิ กฯ (ร. ๗)  พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทร-
                                                                        มหาอานันทมหิดลฯ  (ร. ๘)    และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา-
                                                                        ภมู พิ ลอดลุ ยเดชฯ (ร. ๙)

         ชาวอียิปต์โบราณ
เคยใช้ “ขีผ้ ้งึ ” ซึง่ ผ้งึ ขบั ออกมา

      ใชส้ ร้างและซอ่ มแซมรงั
      ส่วนชาวโรมันใชไ้ ขมัน
    จากววั และแกะท�ำเทียนไข

            แบบมีไส้เทยี น

เทียนไข

         Q                                                                    ขผี้ ง้ึ กบั ไขมนั สตั วเ์ ปน็ วตั ถดุ บิ ส�ำคญั ของการทำ� เทยี นไขเรอ่ื ยมา
                                                                        จนถึงคริสต์ศตวรรษท่ี  ๑๘  จึงเข้าสู่ยุคท�ำเทียนไขจากน�้ำมันในช่อง
               เทยี นไขท�ำมาจากอะไร                                     กะโหลกของวาฬสเปิร์มหรือวาฬหัวทุย  (Sperm  whale)  ซึ่งเติบโตข้ึน
                                                                        พร้อมกับอุตสาหกรรมล่าวาฬ    จนราวปี  ๒๔๐๐  จึงรู้จักสกัดแยก
         A                                                              พาราฟินแวก็ ซอ์ อกมาจากนำ�้ มนั ดิบเพอื่ มาใชป้ ระโยชนใ์ นด้านตา่ ง ๆ

      เนื้อเทียนส่วนใหญ่ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ท�ำจากพาราฟินแว็กซ์             ปัจจุบันกระแสเป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อมน�ำพาผู้คนให้มาสนใจ
(paraffin  wax)  ซึ่งเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่ได้จากกระบวน           เทยี นจากไขมนั พชื  เชน่ ไขจาก “ถว่ั เหลอื ง” โดยเฉพาะตามสปาทนี่ ยิ ม
การแยกน�้ำมันดิบหรือก๊าซธรรมชาติ  มีสีเหลืองอ่อนถึงขาว  มี              ผลิตภัณฑ์เทียนหอมแบบไร้เขม่าด�ำหรือควันกวนใจ  แต่ให้กลิ่นหอม
จดุ หลอมเหลวอยู่ท ี่ ๔๘-๖๘ องศาเซลเซยี ส                                ออ่ น ๆ  

      ในอดีตเทียนไขเคยทำ� ด้วย “ไขมัน” จริง ๆ  ชาวอียิปต์โบราณ
เคยใช้  “ข้ีผ้ึง”  ซ่ึงผึ้งขับออกมาใช้สร้างและซ่อมแซมรัง  ส่วนชาวโรมัน
ใชไ้ ขมนั จากวัวและแกะทำ� เทยี นไขแบบมีไส้เทียน

                                                                        พฤศจิกายน  ๒๕๕๙                                                                                           69
   66   67   68   69   70   71   72   73   74   75   76