|
|
เชื่อหรือไม่ว่าตึกระฟ้าที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้
ได้แรงบันดาลใจมาจากสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่คน
๘ ตุลาคม ๒๔๑๔ ณ
ฟาร์มโอเลียรีในเมืองชิคาโก
วัวน้อยตัวหนึ่ง
เตะตะเกียงน้ำมัน
จนเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ฟาร์ม
ไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้าเมืองกว่าครึ่งเมือง
ก็ตกอยู่ในกองเพลิง บ้านไม้กว่า
๑๘,๐๐๐ หลังคาเรือน
เสียหายย่อยยับ
ฝุ่นเถ้าจากเพลิงไหม้ที่ปลิวว่อนไปทั่ว
ได้ร่วงหล่นบนปลายเท้า
ของวิศวกรก่อสร้างที่ชื่อ
วิลเลียม ลี บารอน เจนนี
ฉับพลันนั้นเขาก็ได้คิดว่า
ที่พักอาศัยไม่ควรสร้างด้วยไม้ซึ่งง่ายต่อการถูกเผาไหม้
และแล้วความคิดเรื่องการสร้างแฟลตขนาดใหญ่ก็ปึ๊งขึ้นมาในสมองของเขา
นับว่าเจ้าวัวน้อยตัวนั้น
ซึ่งกลายสภาพเป็นวัวย่าง
เป็นผู้จุดประกายความคิดใหม่ ๆ
ให้โดยไม่ตั้งใจ
ในปี ๒๔๒๒
นายบารอนได้ก่อสร้างอาคารขนาดเจ็ดชั้น
สูง ๔๐ เมตร
เป็นอาคารแห่งแรกของโลกที่ใช้โครงสร้างเหล็ก
อันเป็นระบบโครงสร้างที่นำฐานรากมารองรับน้ำหนักโดยรวม
แทนการใช้กำแพงรับน้ำหนัก
นับเป็นการพลิกโฉมหน้าวงการสถาปัตยกรรมเลยทีเดียว
นิตยสาร Architecture & Living
เคยเขียนถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า
การพัฒนาแบบก้าวกระโดดครั้งนั้น
เปรียบเสมือนการที่สัตว์พวกหอยเปลือก
ได้วิวัฒนาการข้ามขั้นไปสู่สัตว์ที่มีกระดูกสันหลังเลยทีเดียว
ครึ่งหลังของศตวรรษที่ ๑๙
เอลิชา โอติส
ได้ประดิษฐ์ลิฟต์อันเป็นประดิษฐกรรมที่ช่วยลดภาระการตะเกียกตะกายขึ้นบันไดไปยังชั้นสูง
ๆ ของตึก
ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญอีกครั้งหนึ่ง
ในปี ๒๔๓๔
ตึกโมนาร์ดน็อกตั้งตระหง่านอยู่ในชิคาโกด้วยความสูง
๑๗ ชั้น และคำว่า "ตึกระฟ้า"
เริ่มถูกนำมาใช้
ตำแหน่งผู้ครองสถิติตึกที่สูงที่สุดในโลกนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
ในปี ๒๔๔๕
เจ้าของสถิติคืออาคารแฟลติรอนบนถนนบรอดเวย์
ด้วยความสูง ๘๗ เมตร ในปี ๒๔๗๔
ตำแหน่งตกเป็นของตึกเอ็มไพร์สเตตซึ่งสูง
๓๘๑ เมตร ๑๐๒ ชั้น และในปี ๒๕๑๖
อาคารเวิลเทรดเซ็นเตอร์
และทาวเวอร์แฝดของมัน
ก็ได้โค่นสถิติเก่าลงด้วยความสูงที่
๔๑๕ เมตร
อาคารแห่งนี้ต้อนรับคนทำงานจำนวนแสนคนและผู้มาเยือนในแต่ละวันอีกกว่า
๘ หมื่นคน
มีลิฟต์สำหรับบริการรายรอบอาคารถึง
๙๙ ตัว
หลังจากนั้นหนึ่งปี
ตึกในชิคาโกกลับมาครองแชมป์อีกครั้ง
ด้วยความสูง ๔๔๓ เมตรของตึก
เซียร์ทาวเวอร์
ในปี ๒๕๓๙
ชาวมาเลเซียตัดหน้าชาวอเมริกัน
เมื่อตึกเพโทรเนสทาวเวอร์ในกรุงกัวลาลัมเปอร์
ทำสถิติไว้ที่ความสูง ๔๕๐ เมตร
ในขณะที่คู่แข่งสำคัญในนครเซี่ยงไฮ้
กำลังรีบเร่งสร้างตึกสูง ๔๖๐
เมตร
ในยุโรปนั้น
พวกตึกระฟ้าดูค่อนข้างจะถ่อมตัวเล็กน้อย
ถ้าเปรียบเทียบกับพวกยักษ์ใหญ่เหล่านี้
เช่นตึกระฟ้าในแฟรงก์เฟิร์ตที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษชื่อ
นอร์แมน ฟอสเตอร์
เป็นเจ้าของสถิติตึกสูงสุดในยุโรปด้วยความสูงเพียง
๒๕๘ เมตร
อย่างไรก็ตาม
ปัญหาสำคัญของการสร้างตึกระฟ้า
ที่บรรดานักสร้างทั้งหลายยังแก้ไม่ตกก็คือ
ภายในตัวอาคารจะมืดและจะต้องควบคุมอากาศภายในด้วยเครื่องปรับอากาศ
เนื่องจากไม่สามารถเปิดหน้าต่างได้
บนยอดตึกจะแกว่งตัวไปมา
ทำให้คนที่อยู่ชั้นสูงเกิดอาการเหมือนเมาเรือ
ยิ่งหากเกิดเหตุเพลิงไหม้
ตึกระฟ้าก็จะกลายเป็นตึกนรกทันที
แต่อุปสรรคเหล่านี้ก็ไม่อาจหยุดยั้งเหล่าวิศวกร
และสถาปนิกที่ชอบเอาชนะโจทย์ยาก
ๆ
ทุกวันนี้กำลังมีการสร้างตึกระฟ้าใหม่
ๆ หลายแห่งในโลก เช่น ตึกมหึมาสูง
๕๘๐ เมตร ๑๐๒ ชั้นในฮ่องกง
และอาคารสำนักงานสูง ๖๐๙ เมตร ๑๐๘
ชั้นในชิคาโก
และงานชิ้นที่ท้าทายที่สุดอยู่ที่กรุงเมลเบิร์น
ประเทศออสเตรเลีย
ซึ่งทางการเพิ่งอนุญาตให้มีการก่อสร้างตึกสูง
๖๗๐ เมตร
บรรดานักสร้างทั้งหลายรู้กันดีว่า
เทคโนโลยีสมัยใหม่
สามารถทำให้มนุษย์ก่อสร้างตึกได้สูงถึง
๘๐๐ เมตร
แต่มนุษย์คงไม่หยุดอยู่ความทะเยอทะยานอยู่แค่นั้น
เมื่อนักคณิตศาสตร์ได้คำนวณไว้ในทางทฤษฎีว่า
ตึกหลังหนึ่งจะมีความสูงได้สูงสุดที่
๖,๐๐๐ เมตร
ก่อนที่มันจะถล่มลงมาเพราะทานน้ำหนักตัวเองไม่ไหว
หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า
แพ้ภัยตัวเอง
|