ปี ๒๕๔๓
รัฐบาลลาวประกาศให้เป็นปีท่องเที่ยวลาว
แต่หาใช่ปี Amazing Lao ไม่
ธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศลาวกำลังเติบโต
บรรดาทัวริสต์ต่างชาติกำลังมุ่งหน้ามา
"สวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย"
กันมากขึ้น โดยเฉพาะหลวงพระบาง
เมืองหลวงเก่าที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี
๒๕๓๘ จากความงามของบ้านเรือน
วัดวาอาราม และพระราชวัง
และเพื่อต้อนรับปีท่องเที่ยวนี้
เหล่าศิลปินหนุ่มสาวชาวลาว
กำลังฝึกฝนการฟ้อนรำ
แบบราชสำนัก
เพื่อขึ้นเวทีแสดงเป็นครั้งแรก
นับตั้งแต่ขบวนการประเทดลาว
ซึ่งฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์
ได้รับชัยชนะเมื่อปี๒๕๑๘
นักวิจัยของลาว
กำลังเร่งเก็บข้อมูลสัมภาษณ์
ผู้ที่เคยเป็นข้าราชสำนัก
ตั้งแต่เลขาธิการ
ไปจนถึงคนขับรถของกษัตริย์ลาว
เพื่อศึกษารายละเอียด
เกี่ยวกับวิถีชีวิตในราชสำนัก
ก่อนที่คนรุ่นนั้น ๆ
จะล้มหายตายจากไปเสียก่อน
งานศิลปะหัตถกรรม
แบบราชสำนัก อาทิ งานทอผ้า
การทำเครื่องเงิน
กำลังรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง
แต่คราวนี้ผู้อุปถัมภ์
ไม่ใช่พวกเจ้า
หากเป็นบรรดาทัวริสต์หัวดำหัวแดง
และหัวหงอกที่เป็นลูกค้ารายใหญ่
อย่างไรก็ตาม
การนำวัฒนธรรมประเพณีในราชสำนัก
มารับใช้เศรษฐกิจ
แบบสังคมนิยมนั้น
ก็ยังมีข้อจำกัด อาทิ
โรงแรมวิลลา เดอ ลา ปรินเซส
ซึ่งเจ้าของคือ
ชายาของพระราชโอรสที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว
ได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงแรมวิลลา
สันติ
เพราะไม่อยากให้คนลาวรำลึกถึงเจ้า
ในขณะที่ห้องอาหารในโรงแรม
เสิร์ฟอาหารเมนูเดียวกับ
ที่พระเจ้าสว่างวัฒนา
กษัตริย์ลาวองค์สุดท้าย เคยเสวย
ปรุงโดยอดีตกุ๊กประจำราชสำนัก
ทุกวันนี้การหายตัวไปของพระเจ้าสว่างวัฒนา
เจ้ามหาชีวิตองค์สุดท้าย
แห่งอาณาจักรล้านช้าง
ภายหลังทรงสละราชสมบัติ เมื่อ ๒๙
พฤศจิกายน ๒๕๑๘
ยังเป็นปริศนาลึกลับ
หลังจากที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์ได้ปกครองประเทศลาว
รัฐบาลได้แต่งตั้งให้พระองค์เป็นที่ปรึกษาสูงสุด
แต่ไม่ช้านาน
พระองค์ก็ถูกส่งไปอยู่ที่ค่ายกักกันสบหัว
ที่ซึ่งมีนักโทษราว ๖
หมื่นคนอยู่ที่นั่น
หลังจากนั้นเป็นต้นมา
พระองค์ก็ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนอีกเลย
คริสโตเฟอร์ เครมเมอร์
นักข่าวชาวออสเตรเลีย
ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Stalking the Elephant
Kings เปิดเผยว่า
ขณะอยู่ในค่ายทางตะวันออกเฉียงเหนือของลาวนั้น
พระเจ้าสว่างวัฒนา และพระราชินี
ได้รับอาหารที่แย่มาก
และไม่ได้รับยารักษาโรคที่ดีพอ
สันนิษฐานว่าทั้งสองพระองค์
สิ้นพระชนม์ในช่วงระหว่างปี
๒๕๒๑-๒๕๒๕
ส่วนพระราชโอรสวงศ์สว่าง
ทรงป่วยและสิ้นพระชนม์
ไปก่อนหน้าแล้ว
นายไกรสอน พรมวิหาร
อดีตผู้นำลาว
ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว
เคยกล่าวไว้ว่า
พระเจ้าสว่างวัฒนาสิ้นพระชนม์
ด้วยโรคมาลาเรียในปี ๒๕๒๗
แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใด
ๆ กลายเป็นความลับ รอให้รายการ
Discovery หรือ National Geographic มาไขปริศนา
อย่างไรก็ตาม
พลเมืองลาวส่วนหนึ่งเชื่อกันว่า
ดวงวิญญาณของพระเจ้าสว่างวัฒนา
ยังคงวนเวียนอยู่ในเมืองลี้ลับแห่งนี้
และบรรดาพวกที่นิยมกษัตริย์
ยังเชื่อว่าพระองค์จะทรงกลับมา
ผดุงระบอบกษัตริย์ที่มีอายุยืนยาวมากว่า
๖๐๐ ปี
บางคนก็เชื่อว่าพระองค์ไม่เคยจากไปจากอาณาจักรนี้เลย
เมื่อไม่นานมานี้
ก่อนที่คณะผู้แทนจากเวียดนามจะมาเยือนลาว
ได้เกิดเหตุประหลาด เช่น
เสียงโครมคราม เสียงคนเดิน ฯลฯ
ในห้องใต้ดินของพระราชวัง
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า
เป็นเพราะดวงวิญญาณของพระองค์
เกิดกริ้วพวกเวียดนามซึ่งหนุนหลัง
ฝ่ายคอมมิวนิสต์ลาว
ให้ล้มล้างพระองค์
ดังนั้นเหล่าเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์
รวมถึงเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ลาว
จึงร่วมกันจัดพิธีสะเดาะเคราะห์
ทำการสักการะพระพุทธรูป
เพื่อขอขมาพระองค์
บรื๋อ...ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
|