Page 131 - Skd 298-2552-12
P. 131
เพ่ือหาเงินมาชดใช้หน้ีสินมากมายท่ีตนก่อไว้ นอกจากน้ี เอกภพของโคเปอร์นิคัสมีดวงอาทิตย์เป็นศูนยก์ ลาง
ครอบครวั กย็ งั ตอ้ งการเงนิ เพอื่ ใหน้ อ้ งสาวของกาลเิ ลโอทชี่ อื่ และมดี วงจนั ทร์โคจรรอบโลก เปน็ ภาพที่ Thomas Digges
Virginia ใช้ในการหม้ันด้วย ดังนั้นครอบครัวของกาลิเลโอ วนาอดกใทนรปงี กคล.ศม.เอ๑ก๕ภ๗พ๖ แสดงดาวฤกษ์จำ�นวนมากมาย
จึงมีความคาดหวังในตัวเขาค่อนข้างมาก แต่เม่ือกาลิเลโอ
ขอรอ้ ง และอาจารย ์ Ricci สนบั สนนุ ใหเ้ ขาเรยี นคณติ ศาสตร์ หมุนได้จริง เหตุไฉน บ้าน ผู้คน ต้นไม้ ฯลฯ จึงไม่กระเด็น
กับดาราศาสตร์ บิดาจึงอนุญาต และนั่นก็หมายความว่า หลุดจากโลก ด้วยเหตุน้ีแนวคิดของโคเปอร์นิคัสจึงเป็น
กาลเิ ลโอไมต่ อ้ งเรยี นเรอื่ งอวยั วะตา่ ง ๆ ของคนและสตั วห์ รอื ความคิดนอกรีตจนสถาบันศาสนาแห่งโรมต้องส่ังห้าม
เรอื่ งสรรพคณุ ของพชื สมนุ ไพรอกี ตอ่ ไป แตไ่ ดเ้ รยี นเรขาคณติ เผยแพร่อย่างเดด็ ขาด
เลขคณติ ดวงอาทิตย์ และดาวเคราะหแ์ ทน
จ“ถวะกู ัตตปถกลุทถอ่ ี่มึงยีนพพำ้�้นืรหอ้พนมรกัก้อตนัม่าจกงานั กก”นัท ส่ี งู ระดบั เดยี วกนั
ในชว่ งเวลานน้ั กาลเิ ลโอรสู้ กึ สบายใจมากทไี่ ดเ้ รยี นวชิ า
ทต่ี นชอบ ทำ� ใหไ้ ดร้ คู้ วามนกึ คดิ และจนิ ตนาการของปราชญ์ เมอ่ื อาย ุ ๒๒ ป ี กาลเิ ลโอประสบปญั หาทางการเงนิ จงึ
โบราณ เชน่ ปโตเลม ี (Claudius Ptolemaeus; Ptolemy) ได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยท้ังที่ยังเรียนไม่ส�ำเร็จ และเริ่ม
แห่งเมืองอเล็กซานเดรียในอียิปต์ ผู้เสนอแบบจ�ำลองของ หาเงนิ เพราะมคี วามสามารถดา้ นการออกแบบอปุ กรณจ์ งึ
เอกภพทม่ี โี ลกอยทู่ ศี่ นู ยก์ ลาง มดี วงอาทติ ยแ์ ละดาวเคราะห์ ได้ประดิษฐ์ตาช่ังเพื่อใช้หาความหนาแน่นสัมพัทธ์ระหว่าง
ต่าง ๆ โคจรไปรอบโลกโดยมีวิถีโคจรเป็นวงกลม และม ี วัตถุต่างชนิด และพบวิธีหาจุดศูนย์ถ่วงของกรวยที่มีผิวโค้ง
ดวงจันทร์อยใู่ กลโ้ ลกทส่ี ดุ ถดั ออกไปคอื ดาวพธุ ดาวศกุ ร์ แบบพาราโบลา จนเมื่อกาลิเลโอได้พบ Christopher
ดวงอาทติ ย ์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ ส่วน Clavius นักดาราศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากผลงานการ
เหล่าดาวฤกษ์น้ันตรึงแน่นบนทรงกลมใหญ่ที่ล้อมรอบดาว สร้างปฏิทินถวายสันตะปาปา Gregory ที่ ๑๓ Clavius
เคราะห์ทุกดวงและหมุนรอบโลก ๑ รอบทุกวัน ได้รู้ถึง รสู้ กึ ประทบั ใจในความสามารถของกาลเิ ลโอมาก ดงั นน้ั เมอื่
ความเห็นของอริสโตเติลในประเด็นเร่ืององค์ประกอบของ
ดาวต่าง ๆ ท่ีว่าสรรพสิ่งบนโลกประกอบด้วยดิน น�้ำ ลม
และไฟที่ไม่สมบูรณ์และไม่ถาวร เช่นใบไม้จะเปล่ียนจาก
สเี ขยี วเปน็ สนี ำ�้ ตาลแลว้ รว่ ง ทารกจะเจรญิ เตบิ โตเปน็ ผใู้ หญ ่
แล้วชรา ขณะท่ีดาวและเดือนบนฟ้าที่พระเจ้าสร้างม ี
ความสมบรู ณจ์ นหาทตี่ มิ ไิ ด ้ คอื จะกลมอยา่ งสมบรู ณ ์ อกี ทง้ั
คงสภาพท่ีประเสริฐน้ีช่ัวนิรันดร์ ส่วนบริเวณนอกวงโคจร
ของดาวฤกษน์ ั้นคอื สวรรคอ์ ันเปน็ ทส่ี ถิตของพระเจา้
นอกจากน้ีกาลิเลโอยังได้รู้อีกด้วยว่า โคเปอร์นิคัส
(Nicolaus Copernicus) นกั ดาราศาสตรแ์ ละนกั คณติ ศาสตร์
ชาวโปแลนด์ เสนอแบบจ�ำลองของเอกภพซึ่งแตกต่าง
จากเอกภพของปโตเลมี คือมีดวงอาทิตย์อยู่ท่ีศูนย์กลาง
และโลกเป็นเพียงดาวเคราะห์ดวงหน่ึงเหมือนดาวเคราะห์
ดวงอน่ื ๆ คอื โคจรรอบดวงอาทติ ยโ์ ดยมวี ถิ โี คจรเปน็ วงกลม
และโลกหมุนรอบตัวเองได้ด้วย ความคิดของโคเปอร์นิคัส
ท่ีว่าโลกเคล่ือนท่ีได้นี้ นักดาราศาสตร์ส่วนใหญ่มีความเห็น
วา่ เปน็ ความคดิ ทเ่ี หลวไหลเพราะไมม่ หี ลกั ฐานสนบั สนนุ เลย
และขัดต่อค�ำจารึกในคัมภีร์ไบเบิล เพราะถ้าโลกเคล่ือนท่ี
ได้จริง เหตุไฉนจึงไม่มีใครรู้สึกว่าโลกเคล่ือนที่ และถ้าโลก
ฉบบั ที่ ๒๙๘ ธนั วาคม ๒๕๕๒ นิตยสารสารคดี 139