Page 115 - SKD-V0402.indd
P. 115
แต่ที่ท�าให้รู้สึกเหมือนสูญเสียศักยภาพในตัวเอง การมองเห็นบรรทัดอื่นที่พิมพ์ไปแล้ว ถ้าไม่ได้อ่านทวนเรื่อย ๆ
อีกครั้งคล้ายกับตอนที่รู้ว่าจะไม่ได้เรียนหนังสือต่อคือการ อาจยิ่งท�างานยาก
รับรู้ว่านิ้วที่เคยควบคุมให้พิมพ์งานได้อย่างยากล�าบากนั้น “แพรวใช้มือถือคุ้มมาก เปลี่ยนสามสี่เครื่องแล้ว ใช้จน
ใช้การไม่ได้อีกต่อไป และเป็นช่วงเวลาที่ทุกส�านักพิมพ์ซึ่ง แบตฯ เสื่อม วันหนึ่งต้องใช้สลับกันสองเครื่อง พอเครื่อง
เคยส่งต้นฉบับไปให้พิจารณาทยอยติดต่อกลับมาไล่ ๆ กัน แพรวแบตฯ หมดก็ชาร์จไว้แล้วยืมของแม่ ใครมาเห็นท่าทาง
“แม่ต้องโทร.บอก บก. ว่าขอแก้หลังออกจากโรง ตอนท�างานอาจมองว่าล�าบาก แต่นี่เป็นวิธีถนัดที่สุดและชิน
พยาบาล แพรวกลับบ้านด้วยความรู้สึกแย่มากที่เราถ่วง แล้ว แพรวพิมพ์งานต่อเนื่องได้นานหลายชั่วโมง เวลาจ้อง
คนอื่น ไม่สามารถแก้งาน แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธโอกาสที่ หน้าจอนานจนน�้าตาไหลแม่จะคอยเช็ดให้ แพรวจะเซฟงาน
รอคอย ใช้เวลา ๒-๓ เดือนกว่าร่างกายจะฟื้นจนดีขึ้น ไว้เรื่อย ๆ พอเขียนได้สักหน้าสองหน้าก็ส่งเข้าอีเมลตัวเอง”
ทางส�านักพิมพ์ก็เข้าใจบอกให้พักก่อน ตอนนั้นยังไม่กล้า ระหว่างสนทนาบางคราวเธอเงียบไปนานชวนให้สงสัย
บอกว่าเราพิมพ์ไม่ได้ด้วย พยายามหาทางแก้ ตอนแรก ว่าไม่ได้ยินหรือเปล่า ต่อเมื่อเข้าไปมองหน้าจอโทรศัพท์
ใช้วิธีบอกต�าแหน่งให้แม่ช่วยพิมพ์ แต่มันไม่เวิร์ก แม่ชอบ ระยะใกล้มากจึงได้เห็นว่าเจ้าตัวก�าลังใช้สมาธิคิด-เขียน
ช่วยแก้ค�าให้สละสลวย แต่แพรวไม่ต้องการแบบนั้น เรารู้ว่า นิยายไปพร้อมกัน
ท้ายที่สุดอาจไม่ได้ใช้ค�าแบบนั้นหรอก ถ้าเปลี่ยนใจค่อย แม่ช่วยไขความกระจ่างว่าลูกสาวเคร่งครัดกับเวลา
ย้อนกลับไปแก้ แต่เวลาท�างานต้องใช้สมาธิต่อเนื่อง ช่วงที่ ท�างานมาก หลังตื่นนอน ๘ โมงเช้า แม่จะท�าอาหารให้ พอ
คิดอะไรได้ก็อยากให้คงไว้แบบนั้น เธอท�ากิจวัตรส่วนตัวเสร็จจะนอนพัก
เวลาท�างานจึงทะเลาะกับแม่บ่อย” ครึ่งชั่วโมงและตื่นตอน ๑๐ นาฬิกา
เมื่อลูกสาวพักเสียง ขอให้แม่ ดื่มกาแฟที่แม่ชงแล้วเริ่มท�างานบน
ช่วยป้อนน�้าดื่มผ่านหลอด แม่จึงฉวย เตียงจนบ่าย ๓ จากนั้นให้แม่พยุง
โอกาสอธิบายเหตุผลว่าเป็นเพราะ ขึ้นรถเข็นออกมาตรวจต้นฉบับที่เพิ่ง
หวังดี ซึ่งต่อมาเธอจ�ายอมรับในกติกา พิมพ์เสร็จผ่านคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะ
ของลูกว่าไม่ให้ใส่แว่นสายตาขณะ ท�างานในห้องกลางบ้าน โดยให้แม่อยู่ 113
ช่วยงาน จะได้ตรวจต้นฉบับไม่ถนัด ข้าง ๆ เพราะนิ้วมือเธอไม่มีแรงพอ
ผ่านไปหลายเดือนเด็กสาวจึง ส�าหรับพิมพ์แป้น
หาทางออกได้ว่าบนโทรศัพท์มือถือ หน้าที่ช่วยแก้งานของแม่คือ
มีโปรแกรม Note คอยเลื่อนเมาส์ทีละบรรทัด ขยับซ้าย-
เธอเริ่มออกแบบวิธีเขียนหนังสือ ขวาไปบนคีย์บอร์ดที่แสดงแป้นค้าง
ที่ไม่เหมือนใคร โดยนอนราบบนเตียง ไว้บนจอ เมื่อแม่เลื่อนเมาส์ถึงแป้นที่
วางโทรศัพท์ไว้เกือบชิดใบหน้าฝั่งซ้าย ต้องการลูกจะส่งสัญญาณอย่างรู้กัน
แล้วตะแคงหน้าไปหา วางแขนขวา ด้วยเสียง “อื้ม” ในล�าคอ
บนหน้ากากออกซิเจนพาดข้อมือมา เป็นเช่นนั้นจนแพรว-เพทายมี
ทางโทรศัพท์ ใช้กล้ามเนื้อคอจากการ ผลงานหนังสือนิยายจ�านวน ๑๗ เล่ม
หันหน้าช่วยบังคับนิ้วชี้ข้อแรกซึ่งเป็น อย่าง ฟ้าหลงจันทร์ ตะวันข้างแรม
กระดูกสัมผัสแป้นอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์ทีละตัว แรกพบบรรจบรัก น�้าค้างเปื้อนสี ฯลฯ ภายใต้นามปากกา
ฐานะคนเขียนหนังสือเหมือนกัน เข้าใจว่าเวลาความคิด “ภาพิมล” บางครั้งใช้ “พิมลภา”
พรั่งพรูแต่ ๑๐ นิ้วไม่ไวทันใจคิดน่าหงุดหงิดอย่างไร แต่มี เกือบทั้งหมดของงานเขียนมักโดดเด่นที่เรื่องราวสุข-
เพียงเธอที่รู้ว่าการบันทึกความคิดที่ก�าลังลื่นไหลได้ด้วย ทุกข์แห่งชีวิต
ข้อนิ้วเดียวและจ�าเป็นต้องข้ามผ่านอุปสรรคทางร่างกาย “แพรวไม่เชื่อเรื่องความสมบูรณ์แบบ อารมณ์ที่บีบคั้น
อย่างมีจังหวะต้องใช้สมาธิและความอดทนเพียงใด จะสะท้อนความบกพร่องที่เป็นปรกติของชีวิต”
ยิ่งไปกว่านั้นลูกตากับหน้าจอในระยะที่ท�าให้คน เพราะเอาเข้าจริงคงไม่มีสิ่งใดในโลกที่สมบูรณ์หรือ
สายตาปรกติอาจตาเหล่ได้ก็ชวนเวียนหัวเหลือเกิน บกพร่อง
และอักษรที่เจ้าตัวยืนยันว่าพิมพ์ด้วยขนาด ๑๔ นั้น มีแต่ความคิดของตนเองที่ท�าให้เกิดความบกพร่อง-
เมื่ออยู่บนจอกรอบเล็กก็ดูคล้ายมดด�าเล็ก ๆ รวมฝูงเกินกว่า สมบูรณ์
จะอ่านถนัด เธอเลือกที่จะไม่ขยายหน้าจอเนื่องจากไปลด
สิงหาคม ๒๕๖๑