|   |     
      นักวิทยาศาสตร์ที่สมควรได้รับการยกย่อง
      ให้เป็นบุคคลแห่งศตวรรษที่ 20 นี้ ก็คือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ผู้คิดค้นทฤษฎีสัมพัทธภาพ ที่เรารู้จักกันดีในสมการทั่วไป E=mc2 ทั้งทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปและทฤษฏีสัมพัทธภาพพิเศษ ซึ่งเป็นผลงานที่โด่งดังที่สุดและเป็นที่รู้จักของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วกับเวลา จักรวาลกับอวกาศ และแรงกับความโน้มถ่วง  นอกจากนี้ยังมีผลงานที่มีชื่อเสียงทางด้านวิทยาศาสตร์อื่นๆ อีก เช่น คำอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก คำอธิบายทฤษฎีควอนตัม คำอธิบายการเคลื่อนที่แบบบราวเนียน เป็นต้น  จากผลงานชิ้นแรกของเขาเกี่ยวกับ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกนี้เอง ทำให้ไอน์สไตน์ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ประจำปี พ.ศ. 2464 และตั้งแต่นั้นมาไอน์สไตน์ก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก  ไอน์สไตน์เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ถือได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะของโลกอย่างแท้จริง ทฤษฎีต่างๆ ที่เขาได้คิดค้นขึ้นมา
      ล้วนแต่มีความน่าเชื่อถือ
      และสามารถพิสูจน์ได้ด้วยวิธีการทางคณิตศาสตร์ทั้งสิ้น  ผลงานของเขามีขอบเขตกว้างมาก ครอบคลุมตั้งแต่สิ่งที่ใหญ่ที่สุด คือ จักรวาล ลงมาถึงสิ่งที่เล็กที่สุด คือ อะตอม  ตลอดชีวิตของไอน์สไตน์
      ได้ทุ่มเททั้งแรงกาย
      และใจให้กับการค้นคว้าทางด้านวิทยาศาสตร์อย่างเอาจริงเอาจัง และผลงานของเขาก็ทำให้นักวิทยาศาสตร์ตะลึงไปทั่วโลก
      เพราะเหตุที่ว่าไอน์สไตน์มีความกล้าที่จะคิด
      ในสิ่งที่ผู้อื่นยังไม่สามารถจะคิดค้นได้นั่นเอง  | 
  
    |  | ชีวิตของไอน์สไตน์ในวัยเด็ก เป็นคนที่หัวรั้นและดื้อ ไม่ชอบกฎระเบียบ และเขามักจะชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว หมกมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือทางวิชาการ  สาขาวิชาที่เขาสนใจศึกษาเป็นพิเศษก็คือ วิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์  ด้วยการสนับสนุนจากพ่อและลุงของเขา
      ทำให้ไอน์สไตน์มีความสามารถ
      และความชำนาญในสาขาวิชาทั้ง 2 นี้เป็นอย่างดี  เมื่อไอน์สไตน์จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยซูริกแล้ว
      เขาก็ได้สมัครทำงานเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์
      และฟิสิกส์ แต่ไม่มีสถาบันการศึกษาใดยอมรับเขาเข้าทำงาน
      เพราะความเป็นคนหัวรั้น
      และไม่ชอบกฎระเบียบของเขานั่นเอง
      แต่ต่อมาเขาก็ได้ทำงาน
      เป็นนายทะเบียนจดลิขสิทธิ์สิ่งประดิษฐ์ที่กรุงเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
      ไอน์สไตน์จึงมีโอกาส
      ที่จะได้เห็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์
      และมีเวลาที่จะศึกษาค้นคว้า
      ในงานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่เขาสนใจ
      นับจากนั้นมา
      ไอน์สไตน์ก็ได้สร้างผลงานทางวิทยาศาสตร์
      ที่สำคัญต่างๆ มากมาย เช่น | 
  
    |  | ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก กล่าวถึง คุณสมบัติความเป็นอนุภาคของแสง ที่เรียกว่า โฟตอน ซึ่งพลังงานของโฟตอนจะขึ้นอยู่กับความถี่ของแสง แต่จะไม่ขึ้นอยู่กับความเข้มของแสง เมื่อฉายแสงหรือโฟตอนไปยังโลหะ จะมีการถ่ายทอดพลังงานให้แก่โลหะจำนวนหนึ่ง ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าขึ้นได้  จากผลงานของไอน์สไตน์ชิ้นนี้ ทำให้ทฤษฎีควอนตัมของมักซ์ พลางค์ มีความหนักแน่นน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น และปัจจุบันยังนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ อีก เช่น การผลิตกระแสไฟฟ้าจากโรงงานไฟฟ้า การประดิษฐ์ประตูเปิด-ปิดอัตโนมัติ เป็นต้น | 
  
    |  | การเคลื่อนที่แบบบราวเนียน กล่าวถึง การเคลื่อนที่อย่างไม่เป็นระเบียบของโมเลกุลในตัวกลางใดตัวกลางหนึ่ง ทำให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบได้ว่า อะตอมมีจริง และจากทฤษฎีนี้เองได้นำไปสู่การประดิษฐ์เครื่องเลเซอร์ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีบทบาททางด้านการแพทย์อย่างมากในปัจจุบัน ทฤษฎีสัมพัทธภาพ มีทั้งภาคพิเศษและภาคทั่วไป กล่าวถึง ความเร็วสัมพัทธ์ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวกับมวล ขนาด และเวลา  สมการ E=MC2 ที่นำไปสู่การผลิตพลังงานนิวเคลียร์อันมหาศาล และความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับความโน้มถ่วง ซึ่งในเวลาต่อมา
      สิ่งที่ไอน์สไตน์คิดค้นขึ้นก็ได้
      รับการพิสูจน์จนเป็นที่ยอมรับของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก และพลังงานนิวเคลียร์ก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในหลายๆ ด้าน เช่น โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ การผลิตสารกัมมันตรังสีเพื่อการถนอมอาหารและการรักษาทางการแพทย์ การผลิตทั้งทางด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม เป็นต้น
 | 
  
    |  | ผลงานชิ้นสุดท้ายของไอน์สไตน์ที่เขาได้พยายามคิดค้น แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จก็คือ ทฤษฎีสนามเอกภาพ หรือทฤษฎีสนามรวม ซึ่งเป็นการรวมแรงในโลกทั้งหมด 4 ชนิดเข้าด้วยกัน คือ แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงนิวเคลียร์แบบอ่อน แรงนิวเคลียร์แบบเข้ม และแรงดึงดูด  แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เขาก็ได้เป็นผู้จุดประกายความคิดให้นักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อไป นำไปศึกษาค้นคว้าต่อไป จากผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์ของไอน์สไตน์ที่คิดค้นขึ้น ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชาวโลกอย่างมหาศาล ไม่เพียงแต่การประดิษฐ์สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เท่านั้น
      แต่ทฤษฎีของเขา
      ยังเป็นการวางพี้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์
      และเทคโนโลยีให้กับโลกอีกด้วย และด้วยทฤษฎีของไอน์สไตน์นี้เอง
      จึงทำให้นักวิทยาศาสตร์รุ่นปัจจุบัน
      สามารถพัฒนาวิทยาศาสตร์ให้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
 | 
  
    |  | 
           นอกจากผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์แล้ว ไอน์สไตน์ยังมีความสนใจทางด้านปรัชญา สังคม และศิลปะ เช่น การโต้ตอบทางปรัชญาระหว่างไอน์สไตน์กันนักปรัชญาเมธีชาวอินเดีย ชื่อ รพินทรนาถ ฐากูร ในเรื่องจักรวาล มนุษย์ พระเจ้า และปรัชญาอื่นๆ การเขียนจดหมายโต้ตอบกับมหาตมะคานธี เกี่ยวกับหลักอหิงสาและลัทธิยิวคืนถิ่น เป็นต้น  ไอน์สไตน์มีความสามารถทางด้านดนตรี คือ ไวโอลิน ซึ่งเขาสามารถเล่นได้เป็นอย่างดี เพราะแม่ของเขา พยายามถ่ายทอดความเป็นศิลปินให้แก่เขานั่นเอง
      นอกจากนี้ไอน์สไตน์ยังมีบทบาทในการเรียกร้องสันติภาพ
      ให้เกิดขึ้นแก่โลกโดยใช้สันติวิธีอีกด้วย 
         | 
  
    |  | 
           แม้ว่าไอน์สไตน์จะสิ้นชีวิตไปจากโลกแล้ว
      แต่ผลงานที่เขาสร้างสรรค์ไว้ในโลก
      ทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์ ปรัชญา สังคม และด้านอื่นๆ ก็ยังคงปรากฏอยู่ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์
      และความเป็นอัจฉริยะของเขา
      ทั้งทางด้านวิชาการและด้านศิลปะ จะคงดำรงอยู่และเป็นที่กล่าวขานของชาวโลก จนกว่าโลกใบนี้จะสูญสลายไปในที่สุด
      คุณประโยชน์ที่ไอน์สไตน์ได้ทำไว้
      ให้แก่โลกมากมายยิ่งนัก ไอน์สไตน์จึงสมควรได้รับการยกย่องให้เป็น บุคคลแห่งศตวรรษที่ 20 นี้อย่างแท้จริง 
         |