Page 138 - Skd 298-2552-12
P. 138

ปฏิบัติการพร้อม รวมท้ังมีช่ือเสียงตามมา  ส่วนกาลิเลโอ               แสดงขา้ งขน้ึ และขา้ งแรมเหมอื นดวงจนั ทรข์ องโลก เขารสู้ กึ
กร็ ้สู ึกมั่นใจที่มี Cesi เปน็ ผอู้ ปุ ถมั ภท์ มี่ ีอำ� นาจ        ตนื่ เตน้ มากเพราะนค่ี อื หลกั ฐานชนิ้ สำ� คญั ทแ่ี สดงวา่ ดาวศกุ ร์
                                                                    โคจรรอบดวงอาทิตย์ ไม่ใช่รอบโลก  เนื่องจากถ้าดาวศุกร์
   ค.ศ. ๑๖๑๒ กาลิเลโอได้เห็นจุดสลัวมืดขนาดต่าง ๆ                    โคจรรอบโลกตามแบบจ�ำลองของปโตเลม ี ดาวศกุ รจ์ ะสวา่ ง
บนดวงอาทิตย์ เหมือนกับที่ Christoph Scheiner นักบวช                 เต็มดวงตลอดเวลา แต่ดาวศุกร์ที่กาลิเลโอเห็นมีท้ังมืดสนิท
ชาวเยอรมันเคยเห็น แต่ Scheiner คิดว่ามันเป็นภาพของ                  เป็นเสี้ยวและเต็มดวง ซ่ึงจะอธิบายได้ก็ต่อเมื่อโลกและ 
ดาวพุธที่โคจรตัดหน้าดวงอาทิตย์ เขาจึงไม่ติดตามดู  ใน                ดาวศกุ รต์ า่ งกโ็ คจรรอบดวงอาทติ ยเ์ ทา่ นนั้  โดยวงโคจรของ
ขณะท่ีกาลิเลโอหาได้คิดเช่นนั้นไม่ เพราะได้เห็นจุดมีขนาด             ดาวศุกร์อยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์  กาลิเลโอจึงเชื่อ
ต่าง ๆ กันปรากฏที่ผิวดวงอาทิตย์ในปริมาณท่ีไม่สม�่ำเสมอ              อย่างมั่นใจว่า เอกภพของโคเปอร์นิคัสถูกต้อง ส่วนเอกภพ
อีกทั้งเคล่ือนท่ีได้ด้วย  กาลิเลโอจึงรู้ว่าดวงอาทิตย์มีจุด          ของปโตเลมนี นั้ ผดิ   และถา้ โลกเคลอ่ื นทไี่ ดจ้ รงิ  กาลเิ ลโอจะ
(sunspot) ท่ีผิว และการท่ีจุดเคล่ือนท่ีแสดงว่าดวงอาทิตย์            ต้องหาหลักฐานมายืนยัน และเขาคิดว่าเหตุการณ์น้�ำข้ึน
หมุนรอบตัวเอง และน่ีก็เป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่แสดงว่า                 น้�ำลงและคลื่นในทะเลคือหลักฐานเชิงประจักษ์ท่ีแสดงว่า
ดวงอาทิตย์ท่ีพระเจ้าสร้างมีความด่างพร้อย ไม่สมบูรณ์                 โลกหมุน๓
๑๐๐ % (อนงึ่ การเฝา้ ดจู ดุ บนดวงอาทติ ยน์ อ้ี าจท�ำใหก้ าลเิ ลโอ 
ตาบอดในบนั้ ปลายของชวี ติ กไ็ ด)้   จะอยา่ งไรกต็ าม กาลเิ ลโอ         เมื่อมีหลักฐานและค�ำอธิบายค่อนข้างสมบูรณ์ ในปี
ได้รายงานการพบจุดบนดวงอาทิตย์ไว้ในหนังสือ Istoria                   ๑๖๑๖ กาลิเลโอวัย ๕๒ ปีได้ตัดสินใจเดินทางไปโรมใน
e Dimostrazioni intorno Alle Macchie Solari e Loro                  ฐานะทูตวิทยาศาสตร์ของท่านดยุคแห่งแคว้นทัสคานี เพื่อ
Accidenti Rome (History and Demonstrations Con-                     เข้าเฝ้าสันตะปาปา Paul ท่ี ๕ และเพื่อบอกเล่าเร่ืองราว 
cerning Sunspots and their Properties; Treatise on                  ต่าง ๆ เกี่ยวกับเอกภพให้ประมุขของคริสตจักรฟัง โดย 
Sunspots)                                                           คาดหวังว่าสันตะปาปาจะคล้อยตามความคิดเร่ืองเอกภพ
                                                                    ของโคเปอร์นิคัส  แต่กาลิเลโอต้องประสบความผิดหวัง
   จากน้ันก็ได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ศึกษาดาวเสาร์ และ                   เพราะบรรดาคารด์ นิ ลั และนกั บวชในโรมยงั ศรทั ธาในคำ� สอน
กต็ อ้ งประหลาดใจเมอ่ื เหน็ ดาวเสารม์ ลี กั ษณะไมก่ ลมเหมอื น       ของอริสโตเตลิ อย่างแรงกล้า คนเหลา่ น้ันจึงโจมตกี าลเิ ลโอ
ดาวเคราะห์ดวงอ่ืน ๆ คือมีดวงกลมใหญ่ตรงกลางและมี                     ว่าก�ำลังท�ำลายสถาบันศาสนา โดยการพยายามล้มล้าง 
ดวงกลมเล็กสองดวงอยู่ข้าง ๆ  แต่อีกหลายเดือนต่อมา                    ค�ำสอนท่ีมีในคัมภีร์ไบเบิล อีกท้ังจาบจ้วงอริสโตเติลด้วย  
ดวงกลมเล็กท้ังสองได้หายไป  กาลิเลโอรู้สึกงุนงงกับส่ิงที่            เม่ือกาลิเลโอเช้ือเชิญให้ใช้กล้องโทรทรรศน์ส่องดูดาวท ี่
เหน็ มาก เพราะเขาอธบิ ายเหตผุ ลไมไ่ ด ้ แตเ่ ขากร็ วู้ า่ พระเจา้   เขาอ้าง คนเหล่าน้ันต่างปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าเสียเวลา
ทรงบกพรอ่ งอีกแลว้ ที่สร้างดาวเคราะหไ์ ดไ้ ม่กลม (ณ วันนี้          เพราะทกุ คนสามารถเหน็ ดว้ ยตาทพี่ ระเจา้ ประทานมาตง้ั แต่
เรารู้ว่าการที่ดาวเสาร์ปรากฏเป็นดาว ๓ ดวงเรียงกันน้ัน               เกดิ แลว้   สำ� หรบั การอา้ งวา่ ดาวพฤหสั บดมี ดี วงจนั ทรบ์ รวิ าร
เกดิ จากกลอ้ งโทรทรรศนท์ ก่ี าลเิ ลโอสรา้ งมปี ระสทิ ธภิ าพต่�ำ     นนั้  บรรดานกั บวชกอ็ า้ งวา่ ทฤษฎโี หราศาสตร ์ คมั ภรี ไ์ บเบลิ
จึงท�ำให้เห็นวงแหวนเป็นดาวกลม และเวลาดาวกลมเล็ก ๆ                   และตำ� ราของอรสิ โตเตลิ ไมเ่ คยกลา่ วถงึ ดวงจนั ทรท์ วี่ า่ นเี้ ลย  
๒ ดวงหายไปน้ันเป็นเพราะเวลาระนาบของวงแหวนดาว                        เมื่อไม่มีการเอ่ยถึง ดวงจันทร์เหล่านั้นก็ไม่มีอิทธิพลใด ๆ 
เสาร์อยใู่ นแนวสายตา คนบนโลกจึงไม่เหน็ วงแหวน                       ตอ่ มนษุ ย ์ มนั จงึ ไมม่ ปี ระโยชนใ์ ด ๆ  และเมอ่ื ไมม่ ปี ระโยชน์
                                                                    ดวงจนั ทร์เหลา่ น้ันก็ไม่มีจรงิ
   ในเวลาต่อมา กาลิเลโอได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ส่องดู
ทางชา้ งเผอื ก ซงึ่ เวลามองดว้ ยตาเปลา่ จะเหน็ คลา้ ยเมฆสวา่ ง         ข้อโต้แย้งข้าง ๆ คู ๆ นี้ท�ำให้กาลิเลโอต้องชี้แจงว่า
เรื่อ ๆ  แต่เมื่อใช้กล้องโทรทรรศน์ กาลิเลโอได้พบว่า                 คัมภีร์ไบเบิลไม่ใช่ต�ำราวิทยาศาสตร์ และไม่ได้เขียนโดย 
ทางช้างเผือกประกอบด้วยดาวฤกษ์จ�ำนวนมาก โดยเฉพาะ                     นกั วทิ ยาศาสตร ์ ดงั นนั้ คำ� สอนในไบเบลิ จงึ นำ� มาเปน็ เอกสาร
อยา่ งยง่ิ กาลเิ ลโอไดเ้ หน็ ดาวฤกษต์ า่ ง ๆ ในกลมุ่ ดาว Orion,
Pleiades และ Ursa Major เขาจงึ รวู้ า่ เอกภพประกอบดว้ ย             ๓ กาลเิ ลโออธบิ ายเรอ่ื งนผ้ี ดิ  เพราะปรากฏการณน์ ำ้� ขนึ้ นำ�้ ลงเกดิ จาก
ดาวฤกษจ์ ำ� นวนมากท่ีมองดว้ ยตาเปล่าไม่เหน็                         แรงโนม้ ถ่วงท่ีดวงอาทติ ย์และดวงจนั ทรก์ ระทำ� ตอ่ น�้ำบนโลก

   ในเดือนกันยายน ค.ศ. ๑๖๑๒ กาลิเลโอเห็นดาวศุกร์

146 นติ ยสารสารคดี  ฉบับท่ี ๒๙๘ ธันวาคม ๒๕๕๒
   133   134   135   136   137   138   139   140   141   142   143